" />

วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2560

โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Sword Series : Sword 1 [ตอนที่ 7] - ฉากจบที่ 2 [True End]

และแล้วก็มาถึงบทสรุปสุดท้ายของภาค Sword 1

=============================================

โนบิตะ เดคิสุงิ และเจ้าหน้าที่สายลับที่ชื่อ "บลัด (Blood)" ถูกสายลับของอัมเบรล่าที่ชื่อ "วอลซ์ (Waltz)" ซึ่งเป็นคู่หูของบลัดตลบหลัง  ทำให้พวกเขาทั้งสามติดอยู่ในห้องทดลองแหล่งกำเนิดอาวุธชีวภาพขนาดใหญ่ ที่เป็นลูกตาขนาดยักษ์ ที่มีชื่อว่า "อดัม (Adam)" ซึ่งถูกวอลซ์ทำให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาพร้อมเล่นงานพวกเขาทั้งสาม



เพื่อที่จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ บลัดที่กำลังโหลดข้อมูลอาวุธชีวภาพของการทดลองทั้งหมด จึงต้องทำหน้าที่หาวิธีปลดล็อกห้องนี้ด้วย โดยให้โนบิตะกับเดคิสุงิคอยถ่วงเวลาและหลอกล่ออดัมเอาไว้ 

***และที่สำคัญคืออดัมไม่สามารถถูกฆ่าตายได้ด้วยอาวุธที่ทั้ง 3 คนมีอยู่ตอนนี้ซะด้วย***

"พร้อมนะ เดคิสุงิ"


"อืม"

การต่อสู้จึงได้เริ่มต้นขึ้น


**การต่อสู้กับอดัม ให้ระวังหนวดของมันให้ดีเพราะถ้าหากถูกเสียบแค่ครั้งเดียวจะตายทันที**



โนบิตะกับเดคิสุงิพยายามใช้อาวุธโจมตีไปที่อดัมแล้ว แต่ดูเหมือนว่า มันจะถูกป้องกันด้วยแผ่นกระจกกันกระสุนอย่างดี ทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถจัดการดวงตายักษ์ของมันได้


สิ่งที่ทั้งคู่ทำ คือการหลอกล่อและรับมือกับศัตรูที่เป็นตัวลูกน้องของมันกับหนวดสังหารของมันเท่านั้น


เวลาผ่านไป....

"คุณบลัดยังไม่เสร็จอีกเหรอครับ"

ไม่นานนักประตูก็เปิดออก!!!
พร้อมกับเสียงตะโกนของบลัด

"ก็อปปี้ข้อมูลการทดลองกับเปิดประตูได้แล้ว รีบหนีจากที่นี่เร็วเข้า!!"



หลังจากนั้น บลัดก็ถือกระเป๋าข้อมูลและรีบวิ่งออกไปยังประตูด้านหลังทันที

"รีบหนีไปซะ!!...ระบบทำลายตัวเองของที่นี่ทำงานแล้ว!!
ไม่ต้องห่วงเจ้าปีศาจนี่หรอก!!!"


"โนบิตะคุง!! รีบหนีกันเถอะ!!"

"เข้าใจแล้ว!!!"

บลัด เดคิสุงิ และโนบิตะก็รีบหนีออกมาจากห้องของอดัมสำเร็จ
พร้อมกับประตูที่ปิดลง


"เกือบไปแล้วนะนั่น..."




แต่เหตุการณ์มันยังไม่จบแค่นั้น เพราะหนวดรยางค์ของอดัมยังตามราวีพวกเขาทั้งสามไม่เลิก!! มันแทงทะลุพื้นขึ้นมาและพุ่งมาทางทั้ง 3 คน อย่างไว!!





"รีบหนีเร็วเข้า!!!!"

บลัดตะโกนพร้อมกับวิ่งนำโนบิตะกับเดคิสุงิไปทันที
**ตรงนี้ถ้าหากวิ่งหนีไม่ทันก็โดนหนวดเสียบตายทีเดียวเหมือนกัน**



หลังจากที่ทั้ง 3 คนวิ่งหนีกันอยู่สักพักใหญ่ การไล่ล่าของหนวดสีแดงก็หยุดลงไป...
พวกเขาทั้ง 3 คน เดินทางมาถึงลิฟต์ฉุกเฉิน และสิ่งที่ทำให้ทั้ง 3 ตกใจก็คือ....


การปรากฏตัวของศาสตราจารย์ที่น่าจะเสียเลือดจนตายไปแล้ว กลับยืนรอพวกเขาอยู่หน้าลิฟต์
"โอ้... พวกเธอมาช้าจังเลยนะ"


"นี่แก!? ยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไงล่ะเนี่ย!!?"


ศาสตราจารย์ก็เล่าว่า เขาได้รับการช่วยเหลือจากวอลซ์ที่ตามมาทีหลัง โดยการฉีดไวรัสตัวใหม่ที่มีข้อมูลที่บลัดถืออยู่เข้าไปซึ่งมันทำหน้าที่ในการรักษาได้ดีมากแถมยังเพิ่มพลังให้เขาได้ด้วย และถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้บลัดส่งข้อมูลไวรัสตัวใหม่ที่อยู่ในกระเป๋าที่ถืออยู่ในมือของบลัดให้เขาซะ


แน่นอนว่าบลัดไม่ยอมยกให้ อีกทั้งยังเดินเข้าไปใกล้ศาสตราจารย์
เพื่อที่จะใช้ปืนยิงให้มันจบเรื่องแต่ทว่า...


โครม!!!

ในตอนนั้นเอง สัตว์ประหลาดหน้าคนที่เคยสู้กับโนบิตะและเดคิสุงิ
ก็พังเพดานลงมาในตำแหน่งที่บลัดยืนอยู่พอดีพร้อมกับใช้ฝ่ามือขนาดใหญ่
เหวี่ยงตบเข้าที่ศีรษะของบลัดอย่างแรงจนร่างลอยกระเด็นไปกระแทกผนังเลือดสาดกระจาย!!



"คุณบลัด!!!!!"

"ชิ!! ไอ้เวรนี่ยุ่งไม่เข้าเรื่องเลย!!"

ดูท่าว่าศาสตราจารย์เองก็คาดไม่ถึงกับการปรากฏตัวของเจ้าสัตว์ประหลาดเบื้องหน้าเหมือนกัน
แต่ไม่นานนักประตูลิฟต์ด้านหลังศาสตราจารย์ก็เปิดออกพร้อมกับชายในชุดเจ้าหน้าที่ภายในลิฟต์
คนๆนั้นก็คือ วอลซ์ นั่นเอง!!

"ไม่มีเวลาแล้ว! รีบหนีก่อนด็อค!!"
เมื่อได้ยินดังนั้น ศาสตราจารย์ก็รีบเข้าไปในลิฟต์ที่วอลซ์ยืนอยู่พร้อมกับหนีขึ้นไปข้างบนทั้งคู่


โดยทิ้งให้โนบิตะกับเดคิสุงิรับมือกับสัตว์ประหลาดหน้าคนตามลำพัง...
อีก 5 นาที ระบบทำลายตัวเองจะเริ่มทำงาน

เหตุการณ์ต่อสู้จะเหมือนกับใน >> ตอนก่อนหน้านั้น


โนบิตะกับเดคิสุงิสามารถเอาชนะสัตว์ประหลาดหน้าคนได้
แต่มันก็ยังคงกระโดดหนีออกไปได้อีกเช่นกัน...


หลังจากสู้เสร็จแล้วโนบิตะจึงรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของบลัดทันที

"คุณบลัด!!!"ทำใจดีๆไว้นะครับ!!

โนบิตะพยายามจะใช้อุปกรณ์รักษาบาดแผล แต่ว่าบลัดอาการหนักเกินกว่าที่จะรักษาได้



"เอา.....มัน...ไป.."
เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน เขาพยายามชี้ไปที่กระเป๋าข้อมูลที่เขาเสี่ยงชีวิตเอามันมา

"ช่วย....ทุก...คน.....ด้วย"

และไม่นานนักบลัดก็จากไป



"แข็งใจไว้สิ...คุณบลัด..!! คุณบลัด!!!!!"

"โนบิตะคุง..... เขาตายแล้ว...."




หลายนาทีต่อมา...โนบิตะกับเดคิสุงิขึ้นลิฟต์มาเพียง 2 คนตามลำพัง...

.....................

โนบิตะได้แต่นิ่งเงียบอยู่ในลิฟต์
เดคิสุงิก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปดี

"โนบิตะคุง...."

สิ่งที่เขาทำได้คือแค่บอกว่า ลิฟต์ใกล้จะถึงที่หมายแล้วเท่านั้น


"คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์"

"สิ่งสำคัญที่สุด"

"ต้องช่วยทุกคนเอาไว้ให้ได้....
ตามที่คุณบลัดตั้งใจไว้"

"อืม....."


เดคิสุงิยังคงหันไปมองกระเป๋าข้อมูลที่บลัดสั่งเสีย
ซึ่งตนเป็นคนรับหน้าที่ถือมันไว้
พร้อมกับคิดอะไรบางอย่าง....

ไม่นานนัก...ตัดกลับมาที่ชั้นบน



ประตูทางลับได้เปิดออก


โนบิตะก็ออกมาจากห้องลับที่พาเขาเข้าไปสู่ห้องทดลองนรก

"ให้ตายสิ....กว่าจะออกมาจากห้องทดลองนั่นได้"



ถึงแม้ว่าลิฟต์ฉุกเฉินจะพาโนบิตะกับเดคิสุงิหนีมาได้ก่อนระบบทำลายตัวเองเริ่มทำงาน แต่ว่า ลิฟต์กลับหยุดชะงักกลางทาง อีกทั้งต้องหาทางออกใหม่นานหลายนาทีกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้อีก

"รีบไปหาคนอื่นกันเถอะ รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดียังไงก็ไม่รู้"

"อืม"


ทันทีที่โนบิตะกับเดคิสุงิออกมายังห้องโถงใหญ่ที่คาดว่าน่าจะมีผู้ลี้ภัย
หลายคนรวมถึงเพื่อนๆเขารออยู่

แต่สิ่งที่พวกเขาทั้งสองพบคือ...
สภาพห้องโถงหลักที่เต็มไปด้วยศพจำนวนมากทั้งคนและอาวุธชีวภาพ
(แต่ที่แตกต่างกับเคสแรกคือ..มีแต่ศพอย่างเดียว ไม่มีอาวุธชีวภาพเดินเพ่นพ่าน)


"นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันขึ้นวะเนี่ย!!!!?"

ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะได้คิดอะไร...
ในตอนนั้น

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!

ก็มีเสียงกรีดร้องของเด็กสาวดังออกมาจากผนังที่อยู่อีกด้านหนึ่งของห้อง
ชิสุกะจังนั่นเอง


เธอกำลังจะถูกต้อนโดยซอมบี้จนมุม


ปัง!!!
แล้วซอมบี้ตัวนั้นก็ถูกใครบางคนยิงปืนใส่จนหัวหลุดจากบ่า..
โดยที่กระสุนสังหารนั้นไม่โดนชิสุกะจัง


คนที่ยิงปืนก็คือเดคิสุงิ 
(เพราะโนบิตะไม่ได้ถือปืนพกมา)

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็รีบวิ่งเข้าไปดูอาการของชิสุกะทันที


"ชิสุกะจัง!!"

"โนบิตะคุง...เดคิสุงิคุง..."


จากนั้นชิสุกะก็เล่าสถานการณ์ให้ฟัง


เธอบอกว่าหลังจากที่โนบิตะกับเดคิสุงิหายตัวไปนาน ทุกคนก็ยุติการค้นหาตัวชั่วคราวและกลับมา
ขึ้นมาดูสถานการณ์ด้านบน ซึ่งมีการเตรียมลี้ภัยกันอยู่ แต่จำนวนเฮลิคอปเตอร์ฉุกเฉินไม่สามารถรองรับ
จำนวนผู้ประสบภัยทั้งหมดได้ จึงต้องรอบินไปอีกหลายรอบ แต่ว่าพอใกล้จะถึงกลุ่มสุดท้าย ทุกคนก็เริ่มต้านพวกซอมบี้ที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆด้านนอกไม่ไหว ทำให้พวกซอมบี้สามารถบุกฝ่าเข้ามาถึงอาคารลี้ภัยได้ และฆ่าผู้ลี้ภัยไปจำนวนนึง

"ฉันรับมือไม่ไหว...พวกเขาถึงได้...."

"ไม่เป็นไรหรอก ชิสุกะจัง....เธอทำได้ดีแล้วล่ะ..."


"ตอนนี้พวกโดราจังกำลังรับมือกับพวกซอมบี้ที่อยู่ข้างนอกอยู่นะ..."


"พวกโดราเอม่อนน่ะเหรอ?"


"ตอนนี้ฉันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ รีบไปช่วยทุกคนดีกว่านะ"


"อืม เข้าใจแล้ว...ไปกันเถอะ โนบิตะคุง"

"อืม...."

โนบิตะกับเดคิสุงิจึงรีบวิ่งออกมาข้างนอกและสิ่งที่พวกเขาทั้งสองเห็น

"เหวอ!? นี่มันแย่กว่าที่คิดอีกนะเนี่ย!!?"

สภาพรั้วป้องกันหรือสิ่งกีดขวางพังทลาย หลายซอมบี้จำนวนมาบุกเข้ามาเรื่อยๆ 
เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายกำลังต่อสู้กับพวกซอมบี้อย่างดุเดือดท่ามกลางสายฝน
เสียงปืนยิงดังสนั่นลั่นไปทั่วบริเวณ จำนวนศพทั้งซอมบี้และตำรวจเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ


และในตอนนั้นเองโนบิตะก็ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย

"มาแล้วเหรอ โนบิตะคุง!!
นายมาช้ามากเลยนะ!!"

โดราเอม่อนหันมาเรียกโนบิตะขณะที่กำลังใช้ปืนอัดอากาศยิงใส่ฝูงซอมบี้


"โดราเอม่อน ระวังข้างหลังด้วยเซ่!!"

ไจแอนท์ที่สู้อยู่ตะโกนขึ้นมา



"โดราเอม่อน!! ไจแอนท์!!"

"โนบิตะคุง!! ดูข้างหลังสิ!!"

!!!

โนบิตะหันไปมองถนนฝั่งด้านตรงข้ามที่พวกโดราเอม่อนยืนอยู่ก็พบว่า...
สิ่งกีดขวางถูกทำลายจนหมดและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลด่านฝั่งนั้นตายหมดแล้ว
ทำให้ฝูงซอมบี้แห่เข้ามาทางถนนเส้นนี้จำนวนมาก

"พวกมันพังเข้ามาแล้ว!!"


"โนบิตะ ฝากจัดการทางด้านนั้นทีนะ!!!
ถ้าเป็นนายล่ะก็...ฉันรู้ว่าต้องทำได้แน่...!!"


"จะ...พยายามละกันนะ"

แล้วก็เข้าสู่ในช่วงศึกสุดท้าย....
อาวุธที่มีเพียงหนึ่งเดียวของโนบิตะ...มีดสั้น 1 เล่ม
คราวนี้ถึงเวลาที่เขาจะได้แสดงฝีมือจากการฝึกฝนการใช้มีดมาเป็นเวลานานอีกครั้ง


"ไม่มีทางเลือกแล้วสินะ... งั้นเข้ามาเลย เจ้าพวกซอมบี้!!!"

ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย โนบิตะกวัดแกว่งมีดพร้อมหลบการโจมตีฝูงซอมบี้นับร้อย
โดยมีเดคิสุงิและพวกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยังมีชีวิตเหลือรอดอยู่บนดาดฟ้าคอยยิงสนับสนุน



การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือดและยาวนาน




จนกระทั่ง...

"ทุกคน..!! เตรียมถอยทัพได้แล้ว อีกไม่กี่สิบนาที
เฮลิคอปเตอร์กู้ภัยชุดสุดท้ายจะมาแล้ว!!"

เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มนึงได้เข้ามาตะโกนแจ้งพรรคพวกที่กำลังยันฝูงซอมบี้อยู่ด้านนอก


ทุกคนจึงค่อยๆรนถอยออกมารวมกลุ่มกันมากขึ้น
พวกตำรวจบอกว่า ตอนนี้พวกเขาซ่อมที่กำบังในตึกใหม่แล้ว
คงพอถ่วงเวลาให้เฮลิคอปเตอร์กู้ภัยรับทุกคนขึ้นไปได้หมดพอดี
ขอให้ทุกคนรีบเข้าตึกแล้วขึ้นไปบนดาดฟ้าเลย


พรรคพวกของโนบิตะทุกคนจึงรีบตามพวกตำรวจเข้าไปในตึก


มีเพียงโนบิตะคนเดียวที่ยังยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนที่เริ่มเบาบางลง
ศพซอมบี้จำนวนมากกองกันอยู่รอบตัวเขา...


"โนบิตะคุง? เป็นอะไรหรือเปล่า..?
รีบเข้าไปข้างในได้แล้ว..."

"อืม...จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ.."


เขากำ(ด้ามจับ)มีดไว้ในมือแน่น พร้อมกับเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบน
พายุฝนเริ่มหายไป แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่อง
เสียงเฮลิคอปเตอร์กำลังดังใกล้เข้ามา

"เมื่อไหร่การต่อสู้นี้จะสิ้นสุดลงนะ"

ถ้าเป็นในเกม ฉากจะมืดลงไป....

=======================================================

บทสรุปของภาคซอร์ด 1 : โนบิตะและกลุ่มผู้ที่มีชีวิตเหลือรอดกลุ่มสุดท้าย
ก็ได้อาศัยเฮลิคอปเตอร์ชุดสุดท้ายบินออกไปจากเมืองนี้ได้ในที่สุด....

ห้องทดลองที่อยู่ชั้นใต้ดินของตึกนั้นได้ระเบิดตัวเอง
ทำลายทุกอย่างจนหมดรวมไปถึงตัวอดัมด้วย

========================================================


หลายวันผ่านไป...

ฉากก็ตัดกลับมาที่...ชาย 2 คนกำลังคุยกันในบาร์ลับ

"ไม่อยากเชื่อเลยว่า แกจะทำข้อมูลที่ฉันอุตส่าห์รวบรวมมาทั้งหมดในแล็บนั่นหาย วอลซ์"

"ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา ด็อค ตอนนั้นดันเกิดอุบัตเหตุขึ้นมาพอดี
....แค่หนีเอาตัวรอดมาจากที่นั่นได้ก็เต็มกลืนแล้ว"


"ฉันต้องการข้อมูลนั่นนะ วอลซ์... ไม่อย่างงั้น ... อึก..."

ท่าทางของศาสตราจารย์มีอาการแปลกๆ
ซึ่งวอลซ์เองก็ทำท่าทีระมัดระวังอาการแปลกๆนั่น

และในตอนนั้นเอง ก็มีคนสวมหมวกคนหนึ่ง เดินเข้ามานั่งข้างๆพวกเขาทั้งคู่
พร้อมกับเอ่ยข้อมูลบางอย่างที่ทำให้ทั้งสองตกตะลึง

"ไวรัสไทแรนท์เวอโรนิก้า (T-Veronica Virus)
....ตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์สินะครับ..."

"แกเป็นใคร!? ทำไมถึงรู้ข้อมูลนี้ได้...!!!"

"ผมรู้สึกสนใจข้อมูลนั่นและคิดว่ากระเป๋าที่อยู่ข้างๆผมนี้
มีทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องการนะครับ"

พูดไม่พูดเปล่า คนๆนั้นก็ได้ถอดหมวกให้เห็นใบหน้าที่ชัดเจน
ทำให้วอลซ์กับศาสตราจารย์ตกใจมาก

"เฮ้ย!! แกมัน...."

แต่ก่อนที่จะพูดไปมากกว่านั้น 
ศาสตราจารย์ก็ชิงถามก่อน...

"แล้วแกต้องการอะไร!?"


"สิ่งที่ผมต้องการก็คือ....."

================================================


จากนั้นเกมก็ขึ้นหน้าเครดิตและ(ตัด)จบอย่างสวยงาม
ปิดท้ายด้วยโลโก้เกม



=========================================================



เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตามตอนต่อไปใน
Doraemon : Nobita no Biohazard Sword 2


=========================================================

ขอบพระคุณที่ติดตามมาโดยตลอด (แม้คนเขียนจะหายไป 2 ปี)
ขอขอบคุณคุณ โอตาคุ-เค ที่วาดภาพประกอบให้