ความเดิมตอนที่แล้ว >>
ในขณะที่พวกโนบิตะกับพวกลิทชี่พยายามต้านทานกองทัพฮันเตอร์ที่ล้อมเข้ามาบนสะพานทางออก
ตอนนั้นเองก็มี ฮันเตอร์ตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมาบนสะพานและอยู่เบื้องหน้าโนบิตะ
"เหวออ!! มันขึ้นมาจากแม่น้ำ......"
"โนบิตะคุง อันตราย!!"
"เดคิสุงิ!!!. อย่า!!!.."
ปัง!!!!
และแล้วกระสุนปืนก็ถูกยิงออกมาใส่ฮันเตอร์ตัวนั้น.....
ถ้าหากกระสุนที่ออกจากปากกระบอกปืนของเดคิสุงิถูกยิงใส่ฮันเตอร์ตัวนั้นในทิศทางนี้ จะทำให้กระสุนพุ่งกระเด็นไปยังถังแก๊สที่ติดกับตัวรถใกล้ๆ และจะเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ขึ้น!!
ประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอยอีกครั้งแล้วอย่างนั้นหรือ?
ในที่สุดเรื่องราวของมุดะนิไคโซวบังภาค 4 ก็มาถึงบทสรุปที่แท้จริงแล้ว!!
บทที่ 39
(ตอนจบฉบับสมบูรณ์)
ลาก่อนเหล่า U.B.C.S.
ในช่วงที่พวกโนบิตะและพวกลิทชี่กำลังชุลมุนวุ่นวายกับการต้านทานฝูงกองทัพฮันเตอร์นั้น พ
วกเขาไม่ทันสังเกตเห็นเฮลิคอปเตอร์ที่ลำหนึ่งที่บินอยู่ห่างจากสะพานลำนี้
และแล้วเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นก็บินลดต่ำลงมาอยู่ในระดับเดียวกับสะพาน
ประตูของเฮลิคอปเตอร์ทั้ง 2 ฝั่งเปิดออกเผยให้เห็นใครคนหนึ่ง นอนราบอยู่บน
พร้อมกับยื่นปากกระบอกปืนไรเฟิลเล็งออกมาด้านนอก
นิ้วสีขาวที่เรียวยาวเตรียมพร้อมลั่นไกปืนตลอดเวลา
และในตอนนั้นเอง ก็มีฮันเตอร์ตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมาจากสะพานมาปรากฏตัวเบื้องหน้าโนบิตะ
"เหวออ!! มันขึ้นมาจากแม่น้ำ......"
เป็นเวลาเดียวกับที่เป้าเล็งของมือปืนบนเฮลิคอปเตอร์ล็อกไว้ที่ศีรษะของฮันเตอร์ตัวนั้นพอดี
"โนบิตะคุง อันตราย!!"
และก็เป็นจังหวะที่เดคิสุงิหันปากกระบอกปืนลูกซองมาที่ฮันเตอร์ตัวนั้นพร้อมกัน เมื่อโนบิตะเห็นดังนั้นจึงตะโกนออกมาว่า...
"เดคิสุงิ!!!. อย่า!!!.."
"ตอนนี้แหละ!!"
ปัง!!!
กระสุนปืนไรเฟิลถูกยิงออกมาจากมือปืนที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์
พุ่งลอดผ่านราวกั้นสะพานและตรงเข้าไปยังเป้าหมาย
นั่นคือศีรษะของฮันเตอร์.....
ฮันเตอร์ถูกลูกกระสุนปืนนั้นยิงเข้าใส่สมองจนกระเด็นตาย
"เมื่อกี้นี้มัน....!?"
ลิทชี่ตกใจกับสิ่งที่เห็นมาก ทำให้เขาหันไปมองที่มาของกระสุน ก็พบกับเฮลิคอปเตอร์ลำนั้น
และไม่นานนักเฮลิคอปเตอร์ก็บินขึ้นมาอยู่ตำแหน่งเหนือสะพานทางด้านหน้าพวกเขา
มือปืนปริศนาโรยตัวมาจากเครื่องเฮลิคอปเตอร์ลงมาบนสะพาน ซึ่งพวกลิทชี่และโนบิตะต่างก็คุ้นเคยกับมือปืนคนนั้นดี เธอเดินเข้ามาหาพวกเขาพร้อมกับพูดออกมาด้วยเสียงหน่ายๆว่า
"ให้ตายสิ"
"ไม่นึกเลยว่าพวกนายจะมาถูกพวกฮันเตอร์มาล้อมเอาบนสะพานนี้"
"แถมยังไปรับฉันช้าซะจนเกือบถูกพวกฮันเตอร์ขย้ำเอาอีกต่างหาก"
มือปืนคนนั้นเดินเข้ามาทางลิทชี่เรื่อยๆ ลิทชี่จึงเอ่ยปากพูดทักทายไปว่า...
"เหอะๆๆ นึกว่าจะเป็นเทพเจ้าที่ไหนสักอีก แล้วก็ขอโทษทีไปรับช้านะ"
"รีซิสซ่า....."
"เอ๋!!!?"
โนบิตะรู้สึกตกใจมากกับการปรากฏตัวของรีซิสซ่า และไม่ทราบว่าเธอมาที่นี่ได้อย่างไร ซึ่งคำถามนั้น เซก้าก็ได้เอ่ยปากถามรีซิสซ่าเอง
รีซิสซ่าจึงอธิบายออกมาว่า ในระหว่างที่เธอกำลังรอที่จุดนัดพบ เธอก็ถูกฝูงฮันเตอร์ซุ่มเล่นงาน
จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด และในตอนนั้นเอง ก็มีกลุ่มเจ้าหน้าที่ปรากฏตัวขึ้นมาช่วยเธอไว้และพาเธอ
ขึ้นไปสังเกตการณ์บนเฮลิคอปเตอร์แทนที่จะรออยู่ข้างล่างที่อันตรายมาก แต่ก็ตามหาพวกลิทชี่ลำบากมาก เพราะพวกเขาออกมาช้าเกินไป แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะมาติดกันบนสะพานทางออกนี้
ลิทชี่จึงพูดตะโกนออกมาว่า ถ้าออกมาแล้วก็ติดต่อมาบ้างสิยัยบ้าเอ้ย!!
รีซิสซ่าก็บอกว่า อยากทำอย่างนั้นอยู่ แต่ต้องคอยลาดตระเวนไปด้วยพร้อมกับจัดการฝูงฮันเตอร์ไปด้วยมันลำบากนะ
และในจังหวะนั้น เอสเตอร์ก็หันไปมองทางด้านหลังก็พบว่า ยังมีฝูงฮันเตอร์อีกกลุ่มกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ดูท่า ว่าพวกฮันเตอร์ยังถูกจัดการไม่หมด
ลิทชี่กับพวกโนบิตะจึงหันปืนเล็งไปยังฝูงฮันเตอร์ที่กรูกันเข้ามาแล้วก็ต้องชะงักเมื่อพบว่า... ฝูงฮันเตอร์ที่กำลังกรูกันเข้ามานั้น ถูกคนทั้งสองคนที่เดินตามมาข้างหลังจัดการจนเรียบ และชวนตกใจยิ่งนัก
เพราะ คนสองคนที่จัดการฝูงฮันเตอร์ที่เหลือนั้นเป็นเพียงหญิงสาว 2 คนเท่านั้น!!!
คนแรกเป็นเพียงเด็กผู้หญิงธรรมดาผมสีน้ำตาล มัดผมแกละ สวมชุดสีชมพูที่ดูคุ้นตา
"โนบิตะ!! ทุกคน!!!"
ชิสุกะพูดทักทายขณะที่ใช้ปืนพกยิงไปที่ศีรษะของฮันเตอร์ตัวหนึ่งจนสมองกระจุย
ส่วนหญิงสาวที่เดินมาอีกคน คือ หญิงสาวใช้ชุดสีน้ำเงิน ไว้ผมสั้นสีน้ำเงิน
"อาเร๊ะ.. พวกเธอมาจอดรถชมวิวล่อฮันเตอร์กันบนถนนหรือจ้ะ?"
หญิงสาวคนนั้นพูดพลางใช้มือจับทุ่มฮันเตอร์ที่พุ่งเข้ามาโจมตีเธอตัวหนึ่งจนลอยกระเด็นกลางอากาศ พร้อมกับยกปืนพกขึ้นเล็งฮันเตอร์เข้าที่สมองขณะอยู่กลางอากาศนั้นจนตายคาที่พร้อมกับกระเด็นตกสะพานลงไปในแม่น้ำ
"ถ้างั้นให้พวกเราแจมด้วยได้ไหมม้า...."
เธอยังคงพูดด้วยสีหน้าไร้เดียงสาพร้อมกับใช้เท้าบดขยี้ศีรษะของฮันเตอร์ที่นอนล้มบนพื้นจนสมองกระจัดกระจาย.... เธอคนนั้นคือ สุดยอดเจ้าหน้าที่ของอัมเบรล่า... โทชิบะนั่นเอง
หลังจากที่หญิงสาวทั้งสองคนได้ปรากฏตัวออกมาโชว์เทพล้มฝูงฮันเตอร์ที่เหลือจนหมด ก็รีบเดินเข้ามาหาพวกโนบิตะโดยเร็ว
"อ้ะ ชิสุกะจัง!!"
"นะ นี่เธอ ทำไมถึงได้...."
โทชิบะรีบตอบคำถามที่ลิทชี่ประหลาดใจว่าเธอมาได้ยังไง เธอบอกว่า หลังจากที่เธอจัดการธุระเรื่องยานอฟแล้ว เธอจึงรีบส่งกำลังเสริมตามไปช่วยลิทชี่โดยเร็วที่สุด และชิสุกะเองก็อยากจะตามมาด้วย เธอรู้อยู่แล้วว่า แผนการลอบบุกเข้าไปของพวกลิทชี่ต้องมีการผิดพลาดแน่ๆ เธอจึงรีบให้เจ้าหน้าที่คนอื่นหาตัวพวกลิทชี่พาหนีออกมาให้เร็วที่สุด ซึ่งมีแต่รีซิสซ่าเท่านั้นที่พาออกมาได้ก่อน...แต่เธอก็ยังคอยนั่งเฮลิคอปเตอร์สอดส่องหาพวกลิทชี่ต่อไป ซึ่งกินเวลานานมากกว่าจะหาเจอ..
เอสเตอร์ที่ได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกฉุนนิดๆ (เพราะตนเป็นคนคิดแผนลอบเข้าไปขึ้นมา) ก็พูดว่า ถ้ามันลำบากมากขนาดนั้นก็ไม่ต้องมาช่วยพวกเราก็ได้นะ? เรื่องแค่นี้เราจัดการกันเองได้อยู่แล้ว...
"ห้ะ??"
โทชิบะเอ่ยเสียงด้วยสีหน้าที่ยิ้ม แต่เหมือนจะมีรอยเส้นเลือดปูดขึ้นบนหัวๆ
(เอสเตอร์ ปากนายพาหาเรื่องอีกแล้วนะ)
จากน้้นเธอก็หันไปมองชิสุกะ พร้อมกับพูดออกมาว่า
"ป่ะ ชิสุกะจัง พวกเรากลับกันเถอะ"
"เอ๋?"
"เฮ้ยๆๆๆๆๆๆ!!"
"ดะดะ..เดี๋ยวก่อนสิครับ!!"
ลิทชี่จึงเบิร์ดกะโหลกเอสเตอร์ไปหนึ่งทีพร้อมกับพูดกับโทชิบะว่า
"...ช่วยพาพวกเราออกไปทีได้ไหม?"
โทชิบะหันไปมองลิทชี่แล้วก็ยิ้ม พร้อมกับบอกว่า ก็ได้นะ
จากนั้น เธอก็มองดูสถานการณ์รอบข้างพร้อมกับพูดออกมาว่า ท่าทางเฮลิคอปเตอร์ที่มาที่นี่อาจจะขนคนกลับไปได้ไม่หมด.. แต่จะให้รอที่นี่อย่างเดียวก็คงจะนานแย่...
เอสเตอร์ก็พูดเสริมมาว่า รถตอนนี้ก็เหลืออยู่คันเดียวซะด้วย
ลิทชี่ก็พูดออกมาว่า... เออ จะเอายังไงก็เอาเหอะ!!
ขอแค่ให้ออกไปจากที่นี่ได้ก็พอแล้ว!!
ตอนนั้นเอง โทชิบะก็ยิ้มอย่างไร้เดียงสาพร้อมกับเอานิ้วชี้ตัวเองพร้อมกับพูดว่า
"งั้นฉันจะเป็นคนขับร..."
ยังไม่ทันที่โทชิบะพูดจบ ทุกคนที่อยู่แถวนั้นก็ทำหน้าเหมือนเห็นผี โดยเฉพาะลิทชี่ที่ตะโกนขึ้นมาก่อนว่า...
"ไม่เอาโว้ยยยยย!!!"
"ยะ อย่านะครับ!!!"
เอสเตอร์พูดออกว่า
"ตรูยอมรออยู่ที่นี่ก็ดีกว่า"
"หนูขอไม่ขึ้นรถละกันค่ะ...."
"ให้คุณเซก้าขับเถอะคร้าบบบบ"
"ฉันยอมขึ้นรถบัสดีกว่า!!"
"ห้ามเด็ดขาดเลยนะ!!"
"แม่จ๋าาาาา!!!!"
คิดว่าเราคงไม่ต้องอธิบายมากว่า ฝีมือการขับรถของโทชิบะเป็นอย่างไรเมื่อเห็นท่าทางของแต่ละคน เพราะทุกคนต่างเคยลิ้มรสฝีมือการขับรถของโทชิบะมาแล้ว ตอนที่ส่งยานอฟเข้าโรงพยาบาล..
จริงอยู่ที่ว่า เพราะฝีมือการขับรถเร็วของโทชิบะช่วยให้ยานอฟถูกส่งตัวมาโรงพยาบาลได้ทัน แต่หลายคนก็ไม่อาจปฏเสธได้ว่า การขับรถของเธอมันช่าง.....เหลือเกิน
หลังจากที่ได้ยินดังนั้น เซก้าจึงเดินออกมาพูดด้วยว่า มติเป็นเอกฉันท์ ผมจะเป็นคนขับรถพาทุกคนไปเองครับ....
ตอนนั้นเองโทชิบะทำหน้าบูด..
พร้อมกับตะโกนส่งท้ายแบบเด็กๆว่า
"พวกเธอทุกคนใจร้ายที่สุดเลย!!!!!"
==========================================================
หลังจากเหตุการณ์นั้นจบลงพวกโนบิตะและเจ้าหน้าที่หน่วย U.B.C.S. ที่มีชีวิตรอด ก็ได้ใช้หลักฐานข้อมูลการพัฒนาอาวุธชีวภาพและเชื้อไวรัสเพื่อเอาผิดกับบริษัทอัมเบรล่าตัวก่อเรื่อง
จนทำให้อัมเบรล่าถูกฟ้องร้องและถูกเอาผิดอย่างหนัก....
บริษัทสาขาย่อยของอัมเบรล่าทั่วทุกพื้นที่ในญี่ปุ่นถูกปิดตัวลงไป
และในไม่ช้า อัมเบรล่าคอเปอเรชั่นก็คงจะล่มสลายในที่สุด
หลายวันต่อมา....
ณ ที่สนามบินภายในตัวเมืองแห่งหนึ่ง...
พวกโนบิตะ และสมาชิก U.B.C.S. ในชุดไปรเวท (มีเพียงลิทชี่กับเซก้าเท่านั้นที่ยังคงใส่เครื่องแบบเต็มยศ) กำลังยืนประจัญหน้ากัน... หลังจากที่ร่วมปฏิบัติภารกิจด้วยกันมาเป็นเวลานาน... ก็ถึงเวลาที่จะต้องแยกย้ายกันสักที พวกเขาจึงได้มานัดเจอกันครั้งสุดท้าย
"...เรื่องทั้งหมดนี่..คงจะจบแล้วสินะ"
"ครับ...."
จากนั้นโนบิตะก็ถามต่อว่า ต่อจากนี้พวกลิทชี่จะเป็นอย่างไรต่อไป...
หลังจากที่อัมเบรล่าล่มสลายลง เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มีส่วนเกี่ยวข้องถูกจับกุมจนเกือบหมด ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการเบื้องล่างอย่างพวกลิทชี่ไม่มีงานทำอีกต่อไป... แถมโทชิบะเองก็ยังคงวุ่นกับธุระในการจัดการเรื่องดังกล่าวด้วย
เอสเตอร์บอกว่า ก็คงจะตามหัวหน้าหน่วยไปรับจ้างทำงานอย่างอื่นล่ะนะ เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปทำอะไรดี
เดคิสุงิก็แอบแซวออกมาว่า คงไม่ได้ไปทำงานด้านมืดโดยการเอาปืนไปจ่อยิงกบาลใครนะครับ
(ท่าทางคงเข็ดกับประสบการณ์ที่พวก U.B.C.S. ตามไล่ล่าครั้งตอนแรกแหงๆ)
เอสเตอร์บอกว่า ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะพวกเขาเองก็ถนัดแต่ทำงานแนวๆนี้ล่ะนะ
ลิทชี่เองพูดขึ้นมาว่า อาจจะไปรับหน้าที่เป็นทหารรับจ้างอะไรพวกนี้ต่อล่ะมั้ง
ยานอฟก็บอกกับทุกคนว่า ขอบคุณเด็กๆทุกคนที่คอยให้ความช่วยเหลือพวกเขามาโดยตลอด
ลิทชี่ก็พูดบอกกับเด็กๆทุกคนว่า ยังไงก็ถ้ามีปัญหาล่ะก็เรียกพวกเขาได้นะ
ส่วนรีซิสซ่าก็พูดออกมาว่า เธอตัดสินใจที่จะติดตามพวกลิทชี่ต่อ.... ทีนี้ก็ถึงตา ซาช่ากับเซก้าพูดบ้าง
ซาช่าบอกเองว่า ตอนนี้เธอก็ไม่มีที่ไปแล้ว แถมเธอเองก็ถนัดแต่เรื่องฆ่าอย่างเดียวซะด้วย ก็คงต้องขอติดตามกลุ่มพวกลิทชี่ไปด้วย
เซก้าได้เอ่ยปากขึ้นมาว่า ตอนนี้เขาหาข้อมูลแล้วว่า มีงานรับสมัครทหารรับจ้างมาปฏิบัติการที่รัสเซียอยู่ด้วย...ซึ่งเขาจะไปที่นั่น
ลิทชี่หันมามองหน้าเซก้าด้วยความประหลาดใจ เพราะดูเหมือนว่า เซก้าจะไปสถานที่เดียวกับเขา
เซก้าหันมามองหัวหน้าพร้อมกับบอกด้วยเหมือนกันว่า ผมก็จะไปพร้อมกับคุณด้วยครับ
ดูท่าว่า ฝั่ง U.B.C.S. และซาช่าจะลงเรือลำเดียวกันหมดแม้ว่าหน่วยงานเดิมจะล่มสลายไปแล้ว
พวกเขาตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังรัสเซียเพื่อเข้าร่วมรบในหน่วยพิเศษ
หลังจากที่พูดกันถึงอนาคตเสร็จพวกลิทชี่ก็เอ่ยถามพวกโนบิตะบ้างว่า พวกเด็กๆจะเอายังไงกันต่อ
แน่นอนว่า พวกโนบิตะตัดสินใจที่จะอยู่ในประเทศญี่ปุ่นต่อไป ถึงแม้ว่าครอบครัวและชีวิตปกติของพวกเขาไม่อาจจะหวนกลับคืนมาได้แล้ว แต่สถานที่แห่งนี้ก็ยังคงเป็นบ้านเกิดของพวกเขา และพวกเขาก็จะปกป้องมันต่อไป..
ลิทชี่ก็พูดขึ้นมาว่า ดีจังเลยนะ...
แล้วก็พูดขึ้นมาว่า ถ้าหากกลับมาที่ญี่ปุ่นอีกครั้งล่ะก็...ฉันกับยัยนั่น..คง...
จู่ลิทชี่ก็ตัดบท พร้อมกับหันไปมองพวกเด็กๆที่แอบยิ้มราวกับพอจะเดาได้ว่าลิทชี่กำลังจะพูดถึงใคร ซึ่งน่าเสียดายมากที่คนๆนั้นมาไม่ได้เพราะติดธุระด่วน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม พวกเขาก็สัญญากันแล้วว่า ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็จะได้กลับมาพบกันอีก.... และเด็กๆพวกนี้ก็เหมือนกัน
เขาจึงเอ่ยปากออกมาว่า "งั้น โชคดีนะ เจ้าหนูทั้งหลาย... หวังว่าพวกเราคงจะได้พบกันอีกนะ..."
ซาช่ากล่าวทิ้งท้ายว่า พยายามเข้านะพวกหนูๆทั้งหลาย
คราวหน้าฉันจะต้องแข็งแกร่งกว่าพวกเธอแน่นอน เตรียมใจไว้ให้ดีเถอะ
ตอนนั้นเองเอสเตอร์ก็แอบแซวซาช่าเล็กน้อยว่า สงสัยยังไม่เข็ดที่แพ้เด็กๆพวกนี้สิท่า
เอาเป็นว่าคราวหลังฉันจะช่วยติวเข้มให้เธอเอง...
เอสเตอร์ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกซาช่าตุ้ยเข้าที่ท้อง....
"พะ..พูดอะไรออกมาน่ะเจ้าบ้า...."
จากนั้นเซก้าก็ได้กล่าวอำลาเป็นคนสุดท้ายด้วยคำพูดว่า..
"รักษาตัวด้วยนะ....."
หลังจากที่ร่ำรากันเสร็จ เหล่า U.B.C.S. (+1) ทุกคนก็เริ่มทะยอยเดินมุ่งหน้าไปยังทางขึ้นเครื่องบินเพื่อมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายต่อไปของพวกเขา...ประเทศรัสเซีย...
ในเวลาต่อมาไม่นานนัก เครื่องบินลำที่พวกเขานั่งอยู่ก็บินออกจากท่าอากาศยานมุ่งหน้าสู่ฟากฟ้า พวกโนบิตะได้แต่มองเครื่องบินที่พวกเขานั่งจนหายไปลับสายตา
"พวกเขา...ไปแล้วสินะ..."
"อือ.."
"แล้วต่อจากนี้ เราจะเอายังไงกันต่อดีล่ะ..?"
"ตอนนี้อัมเบรล่าก็คงจะล่มสลายไปแล้ว
ต่อไปพวกเราจะเป็นยังไงกันต่อนะ..."
"แล้ว เมืองของพวกเราล่ะ...
คงไม่อาจจะกลับเป็นเหมือนได้ใช่ไหม?"
"....นั่นสินะ
เรื่องแบบนี้คงลืมไปไม่ได้ง่ายๆแน่"
ในช่วงที่ทุกคนเริ่มเข้าสู่ห้วงบรรยากาศที่อึดอัด เดคิสุงิที่มองรายการข่าวบนหน้าจอทีวี ที่กำลังลงข่าวเกี่ยวกับการปราบปราบอาวุธชีวภาพตามทั่วญี่ปุ่น...ก็เอ่ยปากข้นมาว่า
"ถึงตัวการจะถูกจัดการแล้วแต่พวกสัตว์ประหลาดและอาวุธชีวภาพพวกนั้นยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เหรอ..."
คำพูดของเดคิสุงิเริ่มทำให้ทุกคนตาสว่าง
"นั่นสิ... ทั้งพวกสัตว์ประหลาดเอย ไวรัสเอย ของแบบนั้นคงไม่ได้หมดไปง่ายๆซะเมื่อไหร่
ถึงจะจัดการตัวการใหญ่อย่างอัมเบรล่าได้ เรื่องทุกอย่างก็ยังไม่จบลงหรอกนะ"
"ใช่แล้ว...เรายังต้องทำหน้าที่ล้างบางพวกมันให้หมด!!"
"ถึงฉันจะสู้กับพวกนั้นไม่ค่อยเก่ง แต่ก็
ฉันจะขอสู้ไปพร้อมกับทุกคนด้วย!!"
"เข้าใจแล้วล่ะ... ถ้างั้น พวกเราไปกันเถอะ...!!
ไปกวาดล้างพวกมันให้หมดไปจากโลกนี้!!"
"อืม!!!"
เหล่าเด็กๆทุกคนมุ่งหน้าออกจากสนามบินด้วยจิตใจที่ห้าวหาญ
เรื่องราวการผจญภัยครั้งใหม่ของพวกเขามันพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น....
จบเนื้อเรื่อง Doraemon : Nobita no Biohazard
ภาคมุดะนิไคโซวบัง 4 (มุริโนะไนไบโอ 4) ฉบับสมบูรณ์
ขอบพระคุณที่ทุกคนติดตามมาโดยตลอด
เครดิตทิ้งท้าย >> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 4 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 40] [End Credit - เบื้องหลังการถ่ายทำ]
========================================================================
ของแถมท้าย...
โนบิตะจ้องมองปืนพก...พลางกำลังคิดอะไรบางอย่าง....
เขานึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่ฮันเตอร์บุกเข้ามาประชิดตัวของเขาบนสะพาน และเขาไม่สามารถหยิบปืนพกออกมายิงได้ทันเวลา....ถ้าหากเขาเชี่ยวชาญอาวุธประชิดตัวหรือมีทักษะการต่อสู้ด้วยมือเปล่านิดหน่อยก็คง....
"เรา...พึ่งปืนมากเกินไปหรือเปล่านะ...."
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าโนบิตะวางปืนลง.....?
และหยิบอาวุธใหม่เช่นมีดขึ้นมาแทน...
โปรดติดตามตอนต่อไปใน
Doraemon : Nobita no Biohazard - Sword
ใบมีดที่แหลมคมจะเชือดเฉือนเหล่าศัตรูออกเป็นชิ้นๆ++
กรี๊ดดดด เป็นตอนจบที่โอเคมากกกกก >////<
ตอบลบขอบคุณที่เขียนมาให้อ่านนะคะ ^w^
กรีดทำไม
ลบน่าจะมีให้อ่านต่อ
ตอบลบเซก้าพูดสลบ
ตอบลบ