" />

วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557

โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 4 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 38]

ความเดิมตอนที่แล้ว >> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 4 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 37]  

ยานอฟที่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลได้อย่างทันท่วงที


และภารกิจต่อจากนี้.... พวก UBCS และโนบิตะ ก็เริ่มแผนที่จะบุกโจมตีสถาบันวิจัยบนที่ฮอกไกโดอย่างต่อเนื่อง (โดยทิ้งโทชิบะไว้คอยเฝ้ายานอฟไว้เบื้องหลัง)


ซึ่งแผนการบุกถล่มศูนย์วิจัยอัมเบรล่าที่ฮอกไกโดจะเป็นไปตามบทความนี้ทุกประการ


ตรงนี้เราจะขอข้ามไปยังเนื้อเรื่องส่วนที่สำคัญ คือ เนื้อเรื่องในส่วนที่...
เอสเตอร์กับซาช่าเผชิญหน้ากับรถถังภายในสถาบันวิจัยและโยนระเบิดปราบรถถังได้สำเร็จ...


และฉากต่อไปก็คือ....



บทที่ 38
ซ้ำรอย?

เอสเตอร์กับซาช่าสามารถเอาชนะรถถังได้สำเร็จ  แต่ปรากฏว่ารถถังที่จมอยู่ในกองเพลิงนั้นกลับยังเคลื่อนไหวต่อได้ เพราะยังมีคนที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ในรถถังนั้น เขาพยายามกระเสือกกระสนที่จะจับคันบังคับปืนใหญ่เล็งไปทางพวกเขา เฮือกสุดท้าย เพื่อที่จะเอาพวกเขาลงนรกไปพร้อมกับตนได้

"อะ...ไอ้พวกบ้าเอ้ย!!...... บังอาจทำกับทุกคนได้นะ!!
ตายซะเถอะ!!!"


เมื่อเห็นดังนั้น เอสเตอร์จึงรีบผลักซาช่าให้กระเด็นไปอยู่ด้านหลังเสาโดยไว...ส่วนตัวเขา...

"เอสเตอร์!!!!!"



ตูม!!!!


กระสุนปืนใหญ่พุ่งออกมาจากรถถังตรงเข้าไปหาเอสเตอร์...
และทุกอย่างก็มืดลง


ตัดกลับไปทางด้านลิทชี่และเซก้าที่กำลังมุ่งหน้าตรงมายัง
ลานกว้างที่เอสเตอร์กับซาช่าอยู่


ลิทชี่กับเซก้าเดินเข้ามาถึงห้องกว้างที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่กำลังลุกท่วมรถถัง...


ลิทชี่รู้สึกตกใจกับสิ่งที่เห็นมาก

"นะ นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นที่นี่วะเนี่ย?"


ลิทชี่กับเซก้าจึงรีบเดินไปดูอีกฝั่งของห้องอย่างไวก็พบกับ...ซาช่า....และ เอสเตอร์ที่ยังมีชีวิตอยู่!! แต่ก็อยู่ในสภาพที่ถูกซาช่าประคองไหล่เอาไว้ พร้อมกับมีเลือดและรอยแผลเต็มร่างกาย

เมื่อเห็นดังนั้นลิทชี่กับเซก้าจึงรีบเข้าไปดูอาการของเอสเตอร์ทันที พร้อมกับถามว่า..

"เอสเตอร์ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!?"




ลิทชี่เดินเข้าไปหาเอสเตอร์ชัดๆก็ต้องตกใจมากขึ้นเมื่อเห็นสภาพร่างกายที่บอบช้ำเละเทะของเขา และที่สำคัญ ดูท่าว่า ขาของเขาจะหักจนเกือบยืนแทบไม่ได้ด้วย...

"เฮ้ย!! เอสเตอร์ ไหวหรือเปล่า? 
ซาช่า นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย?"


ซาช่าจึงเล่าให้ลิทชี่ฟังว่า เอสเตอร์เป็นคนช่วยชีวิตตนไม่ให้ถูกกระสุนปืนใหญ่จากรถถังยิงใส่...จนตัวเองเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่โชคช่วยในตอนสุดท้ายที่เขาเกิดเอี้ยวตัวหลบพ้นวิถีกระสุนปืนใหญ่จนหลุดจากการถูกยิงร่างแหลกไปได้ แต่ทว่ากระสุนปืนใหญ่ก็สร้างแรงอัดและความเสียหายที่กำแพงด้านหลังจนทำให้ กระดูกของเอสเตอร์หักเกือบทั้งร่าง...


เอสเตอร์ก็พูดขึ้นมาว่า ไม่ได้เสียหายขนาดนั้นสักหน่อยน่า แค่โดนลูกหลงเล็กน้อยเอง... พูดไปได้สักพัก เขาก็เกิดอาการเจ็บจี๊ดขึ้นจนแสดงอาการออกมาอย่างเห็นได้ชัด


"...เฮ่ยๆ ไหวแน่เหรอ?"


ซาช่าบอกว่า... เรื่องเอสเตอร์ เธอจะจัดการช่วยพาเขาออกไปจากที่นี่เองเอง เธออยากให้ลิทชี่กับเซก้ารีบตามตัวต้นเหตุไปจะดีกว่า


ลิทชี่เห็นด้วยจึงบอกว่า ถ้างั้น เขาจะเป็นคนล่วงหน้าไปเอง


เอสเตอร์บอกว่าใจจริงก็อยากจะตามไปด้วย แต่ดูท่าว่า ขาของเขาคงจะหักซะแล้ว...


ลิทชี่จึงออกคำสั่งอีกครั้งว่า พยายามตามพวกเขาออกมาให้เร็วที่สุดก็แล้วกัน แล้วก็ฝากซาช่าให้ดูแลเอสเตอร์ด้วย..


จากนั้น ลิทชี่กับเซก้าจึงเดินนำพวกเขาทั้ง 2 ออกไปก่อน ส่วนซาช่าก็ค่อยๆพยุงร่างเอสเตอร์เดินตามไปทีหลัง และระหว่างทาง... ซาช่าก็ตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างออกมา...

"นี่...เอสเตอร์...."

"มีอะไรเหรอ?"

 "ขอบคุณนะ ที่ช่วยชีวิตฉันไว้"

"เรื่องเล็กน้อยน่า... โดยเฉพาะสาวๆที่น่ารักด้วยแล้ว จะยอมเอาชีวิตแลกเลยก็ยังได้"

!!!!!!!!!!!!!!!

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเอสเตอร์ ซาช่าถึงกับว้าวุ่นใจอยู่ไม่สุขและลงเอยด้วยการ
กำหมัดตุ้ยไปที่ท้องเอสเตอร์ จนถึงกับกระอัก....

อ๊อกก!!!

"ยะ อย่าพูดอะไรน่าอายแบบนั้นออกมาสิ เจ้าบ้า...
ปะ ปะ เป็นความผิดของนายนั่นแหละ....."

เอสเตอร์หัวเราะแห้ง พร้อมกับพยายามลากสังขารเดินต่อไปพร้อมกับมีซาช่าคอยช่วยเหลือ
ชั่วพริบตาที่เอสเตอร์คิดว่าตนเองคงหลบไม่พ้นวิถีกระสุนในตอนนั้น เขาก็นึกถึงพวกพ้องที่เหลืออยู่
ถ้าหากเขาตายไปตอนนี้ ทุกคนก็คงจะเสียใจแน่ และด้วยความคิดนั้น จึงทำให้เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีเอี้ยวตัวอย่างสุดแรงเกิดจนร่างกายเคล็ดเพื่อหลบกระสุนจนพ้น ซึ่งส่งผลให้ร่างกายของเขาบาดเจ็บอย่างหนัก แต่อย่างน้อยเขาก็ยังดีใจที่สามารถเอาชีวิตรอดมาได้ แม้จะต้องแลกมาด้วยร่างกายที่ไม่สามารถลุยภารกิจข้างหน้าต่อไปได้

แต่อย่างน้อยก็ยังมีสาวๆน่ารักคนนี้คอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ก็น่าพอใจมากแล้วล่ะ...


จากนั้นเนื้อเรื่องต่างๆก็ถูกตัดมาจนถึงตอนที่พวกลิทชี่ตามล่าชายผู้เป็นตัวการและครอบครองข้อมูลเชื้อไวรัสที่เป็นเป้าหมายของพวกลิทชี่


ลิทชี่ได้ทำการฆ่าบอดี้การ์ดของชายคนนั้น พร้อมกับแย่งชิงข้อมูลไวรัสมาได้สำเร็จ


และปิดท้ายด้วยการกำจัดคนเลวทิ้งในที่แห่งนี้....


หลังจากนั้นไม่นาน พวกโนบิตะก็ตามหาพวกลิทชี่จนเจอ และตัดสินใจ ใช้รถที่อยู่ในลานจอดรถขับออกไปยังจุดที่นัดพบรีซิสซ่าที่คอยคุ้มกันอยู่ด้านนอก


แต่ทว่า ณ ตำแหน่งที่รีซิสซ่าควรจะอยู่ เธอกลับไม่อยู่ในที่แห่งนั้น และมีซากศพของพวกฮันเตอร์นอนตายเต็มไปหมด และไม่อาจทราบชะตากรรมของเธอได้ว่าเธอมีชีวิตรอดอยู่หรือไม่?



พวกลิทชี่จอดรอรีซิสซ่าที่ตำแหน่งนัดพบ... แต่ไม่ว่าจะรอนานเท่าไหร่เธอก็ไม่มาสักที




เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนซาช่าทนไม่ไหว และคิดว่ายิ่งอยู่ตรงนี้นานไปก็จะยิ่งอันตราย เพราะพวกฮันเตอร์ไล่ตามพวกเขามาติดๆแล้ว


ในที่สุดลิทชี่จึงตัดใจ ขับรถออกไปโดยที่ไม่มีรีซิสซ่าที่ควรมาตามนัด เขาก็ได้แต่หวังว่า เธอคงจะปลอดภัยดี....  รถทั้ง 2 คนถูกขับมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ต้องมาหยุดลงที่กลางสะพานทางออก เนื่องจากรถคันหนึ่งเกิดยางแตกขึ้นมา


ในระหว่างที่พวกโนบิตะกำลังสำรวจยางอยู่นั้น ก็มีบางอย่างพังพื้นสะพานทางออกเบื้องหน้าพวกเขาจนพัง และปรากฏตัวขึ้นมาจากรอยแตกนั้น


มันคือสุดยอดอาวุธชีวภาพ ไทแรนท์นั่นเอง ซึ่งมันพยายามไล่ตามพวกลิทชี่มาตลอดตั้งแต่ออกมาจากสถาบันวิจัยแล้ว


"มะ ไม่จริงนะ!!!  
เจ้านั่นมัน....!!!"


นอกจากนี้ยังมีฝูงฮันเตอร์คอยไล่ตามหลังพวกเขามาด้วย ลิทชี่จึงออกคำสั่งให้พวกเด็กๆ ไปถ่วงเวลาพวกฮันเตอร์ไว้ และให้เซก้าคอยดูแลพวกเด็กๆให้ดี


ส่วนซาช่าก็ให้คอยดูแลเอสเตอร์ไว้ให้ดี เพราะตอนนี้เอสเตอร์ยังคงบาดเจ็บหนักจนเคลื่อนไหวแทบไม่ได้


พอได้เห็นดังนั้น เอสเตอร์ก็ทักท้วงว่า เฮ่ยๆ นายคนเดียวจะเอาชนะไทแรนท์ไหวงั้นเหรอ อย่าเลยน่า ฉันเองก็พอจะจับอาวุธได้นะ...


ลิทชี่ก็พูดขึ้นมาว่า ขืนให้เอสเตอร์จับอาวุธสู้ทั้งๆที่บาดเจ็บแบบนี้ ก็มีแต่จะยิ่งทำให้บาดเจ็บมากขึ้นและกลายเป็นตัวถ่วงเปล่าๆ  เขาจึงออกคำสั่งให้ซาช่าคอยคุมเอสเตอร์ไว้ เพื่อไม่ให้เขาทำอะไรบุ่มบ่าม


"จ้าๆ ทางนั้นก็อย่าตายละกันนะ
คุณ  หัว  หน้า....."


"ตรูยังไม่ได้แดกเหล้าเลย เพราะงั้นไม่มีทางตายหรอกเฟ้ย!!"


(หมอนี่คิดแต่เรื่องแดกเหล้าอย่างเดียวหรือไงกันเนี่ย?)



"ไม่ไปๆ ฉันจะสู้ร่วมกับหัวหน้าตรงนี้นะ"

"จ้าๆ พ่อคนเก่ง.... "

ไม่ว่าเอสเตอร์จะโวยวายอย่างไร ซาช่าก็ยังลากตัวเอสเตอร์ออกไปจนได้อยู่ดี


เหลือเพียงเขากับโนบิตะ 2 คนเท่านั้น


ลิทชี่คิดที่จะบอกให้โนบิตะไปพร้อมกับพวกเซก้าและเด็กๆคนอื่น แต่ทันทีที่ได้เห็นใบหน้าที่มุ่งมั่นของเขา

"ผมจะอยู่ที่นี่และสู้กับมันเองครับ!!"


ลิทชี่ที่ได้เห็นท่าทีที่มุ่งมั่นของโนบิตะ ก็ทำให้เขาเริ่มเชื่อใจ พร้อมกับบอกให้โนบิตะระวังตัวด้วย


ไทแรนท์เริ่มย่างกรายเข้ามาใกล้ๆ


โนบิตะรีบวิ่งพุ่งตรงเข้าไปที่ไทแรนท์พร้อมกับหันปากกระบอกปืนเล็งไปที่ดวงตาของมันอย่างแม่นยำ


"ตอนนี้แหละ!!!!"

ลิทชี่ตะโกนขึ้นพร้อมกับหยิบอาวุธบางอย่างขึ้นมา...

ในเวลาเดียวกับที่โนบิตะยิงกระสุนปืนพุ่งเข้าใส่ดวงตาของมันอย่างแม่นยำจนมันชะงัก


ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ลิทชี่....

 
"เยี่ยมมากไอ้หนู.... เท่านี้แหละ จบสักที...."

ไทแรนท์ที่กำลังตาบอดไม่อาจจะมองเห็นจรวด RPG ที่ลิทชี่ยิงออกมาทัน ในที่สุด จรวด RPG นั้นก็ยิงพุ่งเข้าใส่เต็มร่างของมัน




ตูม!!!!


ไทแรนท์ถูกกำราบได้ในที่สุด....


หลังจากที่ปราบไทแรนท์ได้ พวกโนบิตะก็ต้องคอยตั้งรับกับฝูงฮันเตอร์ต่อโดยที่มีลิทชี่คอยช่วยเหลือ...


ฝูงฮันเตอร์ที่ปรากฏตัวขึ้นดักหน้าโนบิตะ เริ่มมีจำนวนมากขึ้นและมาไม่หยุดหย่อนจนทำให้โนบิตะต้องถอยร่นไปจนติดกับพรรคพวกที่คอยคุ้มกันอยู่ด้านหลัง


พวกเขาทั้งหมดเริ่มจนมุมที่สะพาน


"อุ๊บ!!!!!!"

ในระหว่างที่พวกเขายิงต่อสู้กับฝูงฮันเตอร์อยู่นั้น โนบิตะก็รู้สึกปวดหัวแปล๊บๆ อย่างรุนแรง ราวกับว่าเป็นสัญชาตญาณที่เตือนให้เขานึกถึงอะไรบางอย่างออกมา


"ไม่ไหวแล้ว!!! พวกฉันยังไม่อยากตายที่นี่นะ!!"


"หนวกหูน่า!! ซูเนโอะ!!!
อย่ายอมแพ้ตรงนี้สิเฟ้ย!!"


(มันอะไรกัน ความรู้สึกแบบนี้....)

"หึ...พูกได้ดีนี่ เจ้าอ้วง(กอริลล่า)"

ซาช่าแอบพูดแซวขณะที่ใช้ปืนกลกระหน่ำยิงฮันเตอร์ฝูงหนึ่งจนตาย


"หนวกหู!!!!"


(รู้สึกเหมือนกับ จะมีเรื่องอะไรบางอย่างที่เลวร้ายกำลังเกิดขึ้น....)

ลิทชี่ก็พูดบอกเตือนทุกคนว่า ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็พวกเขาต้องแพ้แน่


จากนั้น เอสเตอร์ก็ตะโกนขึ้นมาว่า... ถ้างั้นก็เอาปืนมาให้ฉันเซ่!! ฉันจะได้ช่วยจัดการพวกมัน...


ซาช่าที่อยู่ใกล้ๆก็บีบแขนของเขาไว้พร้อมกับใช้ปืนยิงฮันเตอร์ไปด้วยพูดว่า 

"นายไม่จำเป็นต้องใช้ปืนหรอกน่า ฉันจะเป็นปืนให้นายเอง..."

ลิทชี่ได้เห็นท่าทีของซาช่าก็อดแอบแซวไม่ได้ว่า งั้นหลังเสร็จศึกนี้แล้วพวกนายแต่งกันไปเลยไป..


"เรื่องแบบนั้นมันก็..."


เอสเตอร์ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน.....


(ไม่สิเราคงคิดมากไปเองว่าจะเกิดเรื่อง....)

และในตอนนั้นเองก็มี ฮันเตอร์ตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมาบนสะพานและอยู่เบื้องหน้าโนบิตะ


"เหวออ!! มันขึ้นมาจากแม่น้ำ......"


และชั่วพริบตานั้น โนบิตะก็มองเห็นภาพชัดเจนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป... ใช่แล้ว... เขาเริ่มจำได้แล้วว่า.... เหตุการณ์ที่เหมือนกับเดจาวูที่เขารู้สึกตอนนั้น... ถ้าหากว่า.... เดคิสุงิเป็นคนยิงฮันเตอร์ตัวนี้ล่ะก็....

"โนบิตะคุง อันตราย!!"


เดคิสุงิหันปากกระบอกปืนลูกซองไปทางฮันเตอร์ตัวนั้นพร้อมกับใช้นิ้วเหนี่ยวไก...

"เดคิสุงิ!!!. อย่า!!!.."


ปัง!!!!

และแล้วกระสุนปืนก็ถูกยิงออกมาใส่ฮันเตอร์ตัวนั้น.....


to be continue......

แสดงความเห็นบน Facebook!

4 ความคิดเห็น :

  1. และโนบิตะก็ได้ยิงกบาลเดคิสุงิจนสมองไหล ทุกคนเลยรอดจากการระเบิดได้ จบ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. มั่วแล่วโนบิตะเอาตัววิ่งไปขวางกระสุนแล้วกระแทกฮันเตอร์จนตกไปตายพร้อมกันต่างหาก(ขึ้นภาคใหม่ต้องเปลี่ยนตัวเอกใหม่ซิ)

      ลบ
  2. ค้างมากๆๆๆๆๆๆ >[]<'''

    ตอบลบ