ความเดิมตอนที่แล้ว >>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 4 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 26]
โนบิตะและพวก U.B.C.S. ได้ลอบนำข้อมูลการวิจัยส่วนหนึ่งของอัมเบรล่าออกมาจากเกาะได้ก่อนที่เกาะจะถูกระเบิดทิ้ง แต่ภารกิจในครั้งนั้น พวกเขาก็ต้องสูญเสียยานอฟ เจ้าหน้าที่คนสำคัญของหน่วย U.B.C.S. ไปอีกคน
พวกเขาทุกคนต่างโศกเศร้าเสียใจกับการจากไปของสหายร่วมรบอย่างมาก....
แต่ทว่าเรื่องราวทุกอย่างยังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะข้อมูลส่วนหนึ่งที่เขานำออกมาได้ ไม่สามารถเอาผิดกับอัมเบรล่าได้ ข้อมูลสำคัญที่พวกเขาต้องการจริงๆนั้น ถูกพวกอัมเบรล่าลงมือตัดหน้าและนำมันออกไปจากเกาะก่อนที่พวกเขาจะไปถึง แต่เนื่องด้วยเบาะแสบางอย่างที่เหลืออยู่บนเกาะนั้น ทำให้พวกโนบิตะและเจ้าหน้าที่ U.B.C.S. สามารถตามรอยพวกอัมเบรล่าได้
สถานที่แห่งนั้นคือ... ศูนย์วิจัยของอัมเบรล่าที่ฮอกไกโด
อันเป็นที่มั่นสุดท้ายของศูนย์วิจัยหลักของอัมเบรล่าในสาขาญี่ปุ่น ศึกสุดท้ายกำลังจะมาถึงแล้ว...
บทที่ 27
บุกฮอกไกโด
**เกริ่นก่อน - เนื้อหาช่วงแรกๆในบทนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าเบื่อมาก เนื่องด้วยบทพูดที่ยาวเฟื้อยและอีเว้นต์ที่ยาวยืด ดังนั้นเราจึงขออนุญาตสรุปเนื้อหาบางอย่างสั้นๆเท่านั้น ไม่แปลหมด...**
แรกเริ่มจะเป็นบทที่ลิทชี่ หัวหน้าหน่วย U.B.C.S. กล่าวสรุปเหตุการณ์ในภารกิจที่แล้วว่า เขารู้สึกเสียใจที่ต้องสูญเสีย ยานอฟ สมาชิกคนสำคัญของทีมไป
แต่ในเวลานี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมัวร่ำไห้คร่ำครวญเรื่องนั้นแล้ว เขาอยากให้ทุกคนพร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจต่อไปทันที...เพื่อไม่อยากให้การตายของยานอฟสูญเปล่า
รีซิสซ่าเองก็เริ่มทำใจได้แล้ว เธอบอกว่ามันก็ยังไม่จบจริงๆนั่นแหละ และเพื่อล้างแค้นให้ยานอฟ เธอจะต้องถล่มเจ้าพวกอัมเบรล่านั่นให้ได้ และเธอก็ถามลิทชี่ต่อไปอีกว่า รู้แล้วใช่ไหมว่าต่อไปจะเอายังไง
ลิทชี่ก็บอกว่า ตอนนี้เขาให้เอสเตอร์ตรวจสอบดูข้อมูลแล้วว่า ทุกสิ่งทุกอย่างถูกย้ายไปรวมอยู่ในสถาบันวิจัยที่ฮอกไกโด และพวกเขาก็ตั้งใจจะไปบุกที่นั่น
แต่เดคิสุงิก็ยังมีข้อสงสัยอยู่ว่า จะให้พวกลิทชี่เพียงลำพังบุกเข้าไปดื้อๆทั้งอย่างนี้จะได้ผลแน่เหรอ?
เซย์นะก็พูดเสริมขึ้นมาว่า พวกเธอเองก็อยากไปช่วยด้วย เพราะพวกเธอก็มีบัญชีแค้นกับอัมเบรล่าเช่นกัน...
ถ้าหากเป็นตอนแรก ลิทชี่อาจจะคัดค้านกับสิ่งที่พวกเซย์นะตั้งใจ แต่ในคราวนี้.. เขาก็อยากให้พวกเธอมีส่วนร่วมด้วย ถ้าเอสเตอร์ไม่มีปัญหาล่ะก็นะ...
เอสเตอร์เองก็ไม่ขัด เพราะดูแล้วเด็กๆพวกนี้เองก็มีฝีมือพอตัว คงจะช่วยพวกเขาได้เยอะอยู่...
แต่ทีนี้คือ จะบุกเข้าไปยังไง ถ้าหากบุกไปโต้งๆ จะเป็นการทำเรื่องร้ายแรงที่ผิดกฏหมายแน่ๆ
"ผิดกฏหมายงั้นเรอะ..."
ไจแอนท์ยิ่งไม่สบอารมณ์มากถ้าหากว่าการบุกรุกอัมเบรล่าเป็นสิ่งผิดกฏหมาย แล้วทางอัมเบรล่าที่ทำเรื่องเลวร้ายพวกนี้ล่ะจะเรียกว่าอะไร...
ซาช่าเองก็เห็นด้วยว่านี่มันไม่ใช่เวลาคิดเรื่องหยุมหยิมพวกนี้นะ ถ้าหากลองดูสิ่งที่พวกมันทำเอาไว้กับโลกใบนี้ หากเราจัดการด้วยวิธีที่ถูกต้องตามกฏหมายไม่ได้ล่ะก็... ก็มีแต่ต้องถล่มมันให้เละไปข้างเลย
"แบบตาต่อตายังไงล่ะ..."
โนบิตะที่ฟังอยู่ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก หากต้องใช้วิธีการแบบนี้
ลิทชี่ก็บอกมาว่า แผนของเขาก็คือการลอบเข้าไปโอนข้อมูลที่อยู่ภายในที่แห่งนั้นออกมาเท่านั้น
ถ้าหากทางสหประชาชาติได้เห็นข้อมูลพวกนี้ล่ะก็...พวกเขาจะต้องจัดการอัมเบรล่าได้แน่
แต่ปัญหาต่อไปสำหรับพวกเขาต่อจากนี้คือ...จะไปฮอกไดโดกันอย่างไรดี...
ตอนนี้พวกเขาคงจะขอกำลังสนับสนุนจากอัมเบรล่าไม่ได้อีกแล้ว (เพราะเป็นกบฎไปแล้ว)
และอีกอย่างคือ เขาไม่ใช่คนในประเทศนี้ที่มาท่องเที่ยวญี่ปุ่นบ่อยๆเสียด้วย
รีซิสซ่าก็เห็นด้วยเหมือนกัน แถมเธอยังต้องแบกไรเฟิลคู่กายไปมานี่อีก...
จะเดินสะพายปืนโท่งๆเข้าไปแบบนี้ก็คงจะไม่ได้ด้วย...
ซูเนโอะก็เสนอความคิดว่า ถ้างั้นก็ใช้รถเช่าขับไปก็ได้นี่นา
เขาเองก็พอจะมีคนรู้จักที่สามารถคุยต่อรองได้บ้าง?
โดราเอม่อนก็เห็นด้วยกับที่ซูเนโอะพูด
ลิทชี่ก็บอกว่าถ้าอย่างงั้นก็ดี แต่อาจจะมีปัญหาอยู่อย่าง...
นั่นคือเรื่องเงินนั่นแหละ...พวกเขามีเงินกันซะที่ไหน.
อีกทั้ง...เมื่อไปถึงที่นั่นจริง พวกเขาจะทำอย่างไรต่อไป
พวกเขาจะเติมเสบียงอาวุธกันได้ที่ไหน ถึงจะไม่ได้ไปรบกันซึ่งๆหน้า แต่ถ้าหากไม่มีอาวุธพกติดตัวไปเลยแบบนี้ ก็คงจะจัดการเจ้าพวกนั้นหรือใช้ป้องกันตัวไม่ได้แน่ๆ...ลิทชี่จึงถามพวกโนบิตะว่า พอจะรู้จักคนที่จะช่วยพวกเขาได้บ้างหรือไม่
เอสเตอร์ก็พูดว่าเขาเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
ในตอนนั้นเอง โนบิตะก็คิดอะไรบางอย่างออก
"จริงสิ...มีเพียงคนๆเดียวเท่านั้น คนๆนั้นอาจจะช่วยพวกเราในตอนนี้ก็ได้นะครับ"
======================================================================
ในเวลาต่อมา...
พวกโนบิตะและเจ้าหน้าที่ U.B.C.S. ก็ได้เดินทางมาถึงเมืองแห่งหนึ่งในภูมิภาคหลักทางตอนเหนือของเกาะญี่ปุ่นซึ่งก็คือฮอกไกโด
ณ ตอนนี้ มีเพียงโนบิตะ ซูเนโอะ ลิทชี่ และเซก้าเท่านั้นที่ยืนอยู่ริมถนนพร้อมกับประจัญหน้ากับผู้ชายคนหนึ่ง...คนๆนี้อาจจะดูแปลกตาไปบ้าง เพราะโนบิตะรู้จักเขาดีในตอนที่ชายคนนี้ใส่ชุดเจ้าหน้าที่เต็มยศ
เขาคือจ่าสิบโท โอทากะที่เคยเจอกับโนบิตะในเหตุการณ์หายนะในเมือง R เมื่อ 2 ปีที่แล้ว....
โอทากะที่เห็นโนบิตะยืนอยู่ตรงนั้นก็พูดเปรยขึ้นมาว่า ให้เขาถ่อมาหาในวันหยุดแบบนี้ทั้งที แถมยังมาถึงฮอกไกโดพร้อมพวกเจ้าหน้าที่ต่างชาติด้านหลังแบบนี้ แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างล่ะสิท่า..?
"ขอโทษนะครับ คุณโอทากะ
แต่ว่า ผมมีเรื่องจะขอร้องสักหน่อยน่ะครับ..."
หลังจากที่ได้เห็นท่าทีจริงจังของโนบิตะ โอทากะจึงใช้ความคิดอยู่สักพักหนึ่ง
ก่อนที่จะทำหน้าซีเรียวพร้อมกับพูดกับโนบิตะว่า
"ถ้างั้นมานี่สักเดี๋ยวสิ"
โอทากะจึงเดินเข้าไปในลานจอดรถพร้อมกับเรียกโนบิตะให้เข้าไปคุยตามลำพังโดยทิ้งซูเนโอะกับพวกลิทชี่ไว้เบื้องหลัง
โอทากะจึงได้เปิดประเด็นขึ้นมาว่าท่าทางเธอจะเข้าไปพัวพันกับเรื่องคอขาดบาดตายที่ยุ่งยากเข้าให้อีกแล้วสินะ แล้วไอ้ชาวต่างชาติพวกนั้นล่ะ..? ชุดที่พวกลิทชี่ใส่อยู่นั้น โอทากะย่อมรู้จักดี เพราะเขาเองก็เคยใส่มัน... เขาจึงถามโนบิตะตรงๆว่า พวกโนบิตะคิดจะทำอะไรกันแน่.
และโอทากะก็บอกให้โนบิตะเล่าเรื่องทุกอย่างมาตามจริงเดี๋ยวนะ...
"เข้าใจแล้วครับ ผมจะพูดเรื่องทั้งหมดให้ฟัง"
หลังจากที่โนบิตะเล่าแผนการของพวกลิทชี่ให้โอทากะฟังจนจบ.. เขาก็ถามย้ำกับโนบิตะอีกครั้งว่า แน่ใจแล้วเหรอที่คิดจะทำแบบนั้นน่ะ?
โนบิตะยืนยันว่า เขาเข้าใจดี
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกอัมเบรล่าจะต้องถูกถอนรากถอนโคนให้ได้
ไม่ว่าจะใช้วิธีการที่รุนแรงแค่ไหนก็ตาม
โอทากะเองก็เข้าใจในสิ่งที่โนบิตะคิด แต่ถึงกระนั้น เขาก็บอกย้ำเตือนกับโนบิตะว่า สถานที่แห่งนั้นมันอันตรายกว่า เมืองเก่าที่เขาเคยเข้าให้เข้าไปอีกนะ... จริงอยู่ที่ว่า โนบิตะอาจจะเอาตัวรอดได้ (จากประสบการณ์ตรงที่โอทากะเคยเห็นโนบิตะในเมือง R)
แต่พวกคนอื่นๆล่ะ... พวกเขาจะทำได้หรือเปล่า...
ทันทีที่โอทากะพูดจี้โนบิตะจนถึงจุดนี้ โนบิตะจึงคอตกเพราะพึ่งคิดได้...
ถ้าหากมันไม่เป็นไปตามที่พวกเขาคิดล่ะ... และถ้าหากพลาดท่าขึ้นมา ก็จะเกิดการต่อสู้ และจะมีอีกกี่คนที่อาจจะเสียชีวิตได้เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับยานอฟบนเกาะแห่งนั้น
โอทากะก็ได้ปล่อยคำพูดโจมตีโนบิตะอย่างต่อเนื่องว่า เธอน่ะ จะพาพวกเขาไปตายอย่างงั้นหรือ? เธอรับผิดชอบชีวิตของพวกเขาได้หรือเปล่า!?
ตอบมาสิ!!
จากการที่โนบิตะนิ่งเงียบอยู่นานทำให้ โอทากะตะคอกใส่โนบิตะเพื่อต้องการคำตอบ...
โอทากะสังเกตท่าทีของโนบิตะอยู่นาน ก็ถอนหายใจออกมาและเริ่มใจเย็นลง..เพราะเขารู้สึกว่า เขาอาจจะกดดันโนบิตะมากเกินไป... และต่อให้พูดอย่างไรเขาก็คงไม่ฟัง...เหมือนกับตอนเหตุการณ์ในเมือง R ครั้งนั้น....
"ไม่ว่าจะห้ามอย่างไร พวกเธอก็จะไปหายได้สินะ?"
"...ไม่ว่าอย่างไร ก็จะไปครับ..."
แล้วก็เป็นอย่างที่โอทากะคิด....
"จะไม่เสียใจทีหลังแน่นะ?"
"ครับ!!!"
โอทากะใช้มือหยิบบางอย่างขึ้นมาพร้อมกับโยนให้กับโนบิตะ...มันมีรูปร่างเหมือนกุญแจ...
"เอาเจ้านี่ไปสิ...มันคือกุญแจสำหรับคลังอาวุธที่ฉันดูแลอยู่ในเขตเหนือ...
แล้วก็ ฉันคงจะไปกับเธอด้วยไม่ได้หรอกนะ...."
"คุณโอทากะ....."
โนบิตะเองก็เข้าใจดีที่โอทากะอาจจะไม่สามารถเข้าไปร่วมได้เพราะมันเป็นหน้าที่ของเขา เขาจะต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นถึงความเกี่ยวข้องกับโนบิตะ.... แค่การที่เขายอมให้ความร่วมมือถึงขนาดนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าขอบคุณมากแล้ว
นอกจากนั้น โอทากะยังพูดเปรยทิ้งท้ายว่า..
หากเป็นเธอแล้วล่ะก็อาจจะสร้างปาฏิหารย์ได้อีกครั้ง แล้วก็นะ...
"อย่ารีบตายเร็วนักล่ะ ไอ้หนู...."
"ขอบคุณมากครับ....คุณโอทากะ....."
หลังจากนั้นโอทากะก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว...โดยไม่หันกลับมามองพวกโนบิตะอีก
"พูดคุยกันเสร็จแล้วสินะ?"
เซก้าถามขึ้น..
"..ครับ"
"ถ้างั้นล่ะก็ รีบไปกันเถอะ..... แล้วก็เมื่อกี้คงไม่มีเรื่องอะไรใช่ไหม?"
"ไม่มีอะไรหรอกครับ...ไม่มี..."
ลิทชี่จึงพูดขึ้นมาว่า..เอาล่ะ ถ้างั้นก็รีบไปเรียกทุกคนมากันเถอะ..
ภารกิจของพวกเขาจะเริ่มต้นในกลางคืนวันพรุ่งนี้....
เวลาถัดมาหลังจากที่พวกโนบิตะและเจ้าหน้าที่หน่วย U.B.C.S. ทุกคน ได้จัดการเตรียมข้าวของและ
อาวุธทุกอย่างที่ยืมมาจากโอทากะ (เรียกให้ถูกคือให้ความร่วมมือกับโอทากะในการขโมยมาใช้)
การประชุมแผนการจึงเริ่มต้นขึ้น โดยภารกิจเป้าหมายในครั้งนี้คือ
ศูนย์วิจัยที่ตั้งอยู่บนภูเขาในป่าลึกที่อยู่ในฮอกไกโดแห่งนี้
ลิทชี่ได้แบ่งกลุ่มออกเป็น 2 ทีมในการลอบเข้าไปด้านใน โดยแบ่งเป็นทีมของ U.B.C.S. กับทีมของพวกเด็กๆ....
จากนั้นก็เป็นแผนการบทสนทนาบลาๆๆๆๆ
สาเหตุที่ต้องบุกตอนกลางคืนก็เพราะพวกเขาจำเป็นต้องพรางตัวจากเฮลิคอปเตอร์สังเกตการณ์และเหล่าทหารยามที่อยู่ในที่แห่งนั้น ซึ่งมีจำนวนมากพอๆกับที่เกาะเลยทีเดียว
ซึ่งโชคดีมากที่เขาได้รถถังที่โอทากะให้ยืมมาใช้ ทำให้เขาพอจะพรางตัวพวกเขาเข้าไปได้.. และกล่าวถึงกลุ่มของพวกเขาโดยแต่ละคนจะมีบทบาทหลักๆดังนี้
- ลิทชี่ จะเป็นผู้ที่จะทำการบุกยึดห้องควบคุมระบบรักษาความปลอดภัยเอาไว้และคอยสั่งการต่างๆจากที่แห่งนั้น
- รีซิสซ่าจะรับบทเป็นพลซุ่มยิงจากด้านนอกของตัวอาคาร หากมีกรณีฉุกเฉิน จะสามารถทำให้พวกลิทชี่บุกเข้าไปด้านในได้
- เซก้า จะเป็นแกนหลักในการบุกต่อสู้กับพวกทหารยามที่อยู่ด้านในนั้นเพื่อคอยดึงความสนใจของพวกอัมเบรล่าให้มาทางเขา ในขณะที่ซาช่ากับเอสเตอร์ลอบเข้าไปที่ศูนย์ข้อมูล
- เอสเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ต่างๆจะมีหน้าที่ในการบุกไปถึงห้องศูนย์ข้อมูลเพื่อดึงข้อมูลทั้งหมดออกมาแล้วถ่ายโอนออกไปยังภายนอก (ซึ่งมีพวกโอทากะคอยรับช่วงส่งต่อไปยังองค์กรระดับโลกได้)
- ซาช่า คุ้มกันเอสเตอร์ให้ไปยังที่หมายให้ได้...โดยปลอดภัย (เพราะเอสเตอร์เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถจัดการระบบข้อมูลได้)
และถ้าหากว่า เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างการที่กลุ่มแรก ซึ่งก็คือทีมของพวก U.B.C.S. ถูกจับได้ก่อน... ลิทชี่ก็จะมอบหมายภารกิจให้กับพวกโนบิตะ ตามเข้าไปรับช่วงต่อหรือพุ่งเข้าสมทบทันที โดยหน้าที่หลักของพวกเด็กๆ อย่างง่ายก็คือ การเตรียมเส้นทางหนีให้กับพวกเขา
หลังจากที่พูดอธิบายแผนการจบ ลิทชี่ก็พูดขึ้นมาว่า...
"การปฏิบัติการครั้งนี้อาจจะเป็นการปฏิบัติการครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้"
ก็ขอให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ให้อย่างเต็มที่ และอย่าให้พลาดเด็ดขาด!!
========================================================
และแล้วเวลานั้นก็มาถึง...
(ในตอนนี้เราจะเล่นเป็นเซก้าตามเคย)
กลางป่าภูเขา อันเป็นเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังสถาบันวิจัยที่ฮอกไกโด
ลิทชี่พูดขึ้นทางวิทยุว่า ตอนนี้สถานการณ์ยังปกติดี ขอให้ทุกคนรีบมารวมตัวกันเพื่อเคลื่อนพล
ระหว่างทาง เซก้าจะพบกับเอสเตอร์ที่กำลังเตรียมจัดอาวุธอยู่
และซาช่าที่คอยมองไปรอบๆ เธอบอกว่า บริเวณนี้ดูเหมือนจะมีซอมบี้โผล่ออกมาได้
ตลอดเวลาเลยล่ะนะ ก็ขอให้ระวังตัวด้วย
จากนั้น เซก้าจะเป็นคนเดินนำขึ้นไปยังรถถัง และดำเนินการขับรถถังบุกเข้าไปในเขตอาคาร
ณ ตอนนี้ ลิทชี่ เซก้า ซาช่า และเอสเตอร์ได้มารวมตัวกันที่ข้างกำแพงสูงใหญ่อันเป็นที่ตั้งของสถาบันวิจัยแล้ว (ส่วนรีซิสซ่าก็ประจำตำแหน่งบนยอดเขาที่เหมาะแก่การซุ่มยิงเรียบร้อย)
ลิทชี่พูดบอกทุกคนว่า ณ ตรงนี้จะเป็นตำแหน่งปลอดภัยที่รีซี่จะช่วยดูสถานการณ์ให้พวกเขาได้
และจากนี้ พวกเขาทุกคนจะต้องค่อยๆ ลอบเข้าไปด้านใน...
เอสเตอร์ก็พูดขึ้นมาว่า... ของกล้วยๆน่า ไม่ต้องเป็น...
พรึ่บ!!
ทันใดนั้นเองบริเวณมืดๆที่คอยพรางกายพวกลิทชี่ไว้ก็สว่างวาบขึ้นด้วยแสงไฟจากสปอร์ตไลท์บนกำแพงของสถาบันวิจัย...
พวกลิทชี่ที่อยู่ตรงนั้นถึงกับหน้าซีดกันเป็นแถว...
จริงอยู่ที่เขาคิดว่า มันอาจจะต้องมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ้าง
แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่า มันดันเกิดขึ้นโดยที่เขายังไม่ทันบุกเข้าไปข้างในเลยด้วยซ้ำ
แสงไฟถูกสาดส่องมายังพวกเขา ตามมาด้วยเสียงสัญญาณไซเรนเตือนการบุกรุกของผู้ไม่ประสงค์ดี ดังไปทั่วอาคาร....
"บ้าน่า!! รู้ตัวแล้วเหรอเนี่ย!!?"
ลิทชี่รีบตะโกนออกคำสั่งทุกคนทันทีว่า พวกเขาต้องรีบหาทางเข้าไปข้างในเร็วเข้า!!
เอสเตอร์พูดว่ามันคงต้องเป็นแบบนั้นแหละ...
"ยังไงก็ถอยไม่ได้แล้วสินะ...."
ลิทชี่บอกกับทุกคนว่า ขอให้ทุกคนรีบไปรวมตัวในห้องควบคุมลิฟต์ก่อน แล้วค่อยแยกกลุ่มกันอีกที!! แล้วหันไปบอกกับเอสเตอร์ว่า ห้ามเขาตายเด็ดขาด เขาจะคอยคุ้มกันให้ (เพราะเอสเตอร์คือกุญแจสำคัญของแผนนี้)
เอสเตอร์ก็บอกว่า มันต้องเป็นแบบนั้นล่ะนะ แล้วก็ ขอฝากเรื่องคุ้มกันนั้นด้วยละกันนะครับ!!!
"เข้าใจแล้ว..."
เฮ้อ...พวกเขาจะรอดไหมเนี่ย...?
ยังไม่ทันบุกเข้าไปก็โดนเจอตัวซะแล้ว...
ดูท่าว่าแผนการคราวนี้จะย่ำแย่กว่ารอบที่แล้วซะอีก...?
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม พวกเขาก็คงจะหนีไม่ได้อีกแล้วล่ะ..
เพราะนี่คือศึกตัดสินครั้งสุดท้ายแล้ว!!!
โปรดติดตามตอนต่อไป...
โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 4 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 28]
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น