" />

วันพุธที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2557

โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 4 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 31]


เซก้า สมาชิกแกนหลักของหน่วย U.B.C.S. ได้บุกตะลุยฝ่าเหล่าทหารของอัมเบรล่ามุ่งหน้าลงไปยังชั้นใต้ดินตามหัวหน้าหน่วยลิทชี่ที่ใช้ลิฟต์ลงไปติดๆ


แต่ทว่าระหว่างทาง พวกอัมเบรล่าก็ได้ทำการปล่อยเหล่าอาวุธชีวภาพประเภทฮันเตอร์ที่ถูกกรอกคำสั่งให้กำจัดพวกผู้บุกรุกทั้งหมด หนำซ้ำยังมีสุดยอดอาวุธชีวภาพอย่างไทแรนท์ถูกปล่อยออกมาต่อหน้าเซก้าด้วย...


เซก้าจะหาทางรับมือกับไทแรนท์อย่างไร? พวก U.B.C.S. และพวกโนบิตะจะสามารถจารกรรมข้อมูลลับสุดยอดของอัมเบรล่าในปฏิบัติการครั้งนี้ได้หรือไม่....?






บทที่ 31
ช่วงเวลาวิกฤติ


ธีมเพลงประกอบที่เข้ากับตอนนี้


ไทแรนท์ที่ถูกปล่อยออกมาจากหลอดทดลองต่อหน้าเซก้า...บุกพุ่งเข้าโจมตีเซก้าทันที...
เซก้าจึงยกปืนกลขึ้น..แล้วเล็งไปที่ตัวของมัน


ไทแรน์วิ่งเข้ามาพร้อมกับเอาเท้าถีบใส่เซก้าด้วยแรงมหาศาลหมายจะฆ่าให้ตาย แต่เซก้ากลับหลบการโจมตีของไทแรนท์ได้อย่างหวุดหวิด


เซก้าวิ่งหนีออกไปจากห้องอย่างเร็ว ดูเหมือนว่าไทแรนท์จะคาดการณ์ผิด คิดว่าการตั้งท่าของเซก้าจะเป็นการต่อสู้กับมัน...ทำให้มันพุ่งใส่เต็มที่โดยไม่คำนึงถึงความแม่นยำ... ดังนั้น มันจึงหันไปมองทางเหยื่อของตน


เซก้าเลือกที่จะหนีเพราะการต่อสู้กับอาวุธชีวภาพสุดแกร่งอย่างไทแรนท์ตอนนี้เป็นอะไรที่เสียเวลาและไม่จำเป็นกับภารกิจมากเกินไป อีกทั้งเขาก็ไม่มีอาวุธที่รุนแรงพอที่จะฆ่ามันด้วย... การหนีในตอนนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด


ไทแรนท์พยายามวิ่งไล่ตามเซก้าไปติดๆ


เซก้าวิ่งเลี้ยวซิกแซ๊กไปตามห้องต่างๆมากมาย พร้อมกับเดินหลบเข้าไปซ่อนในห้องๆหนึ่ง


ในที่สุดเขาก็สลัดไทแรนท์จนพ้น ไทแรนท์จึงเดินไล่ตามหาเซก้าไปเรื่อยๆ...


ในระหว่างที่หลบหนีอยู่นั้น เซก้าได้พบอะไรบางอย่างในห้องเข้า มันคือ "กุญแจเปิดประตูลิฟต์" (จำเป็นต้องเก็บมา ไม่งั้นจะใช้ผ่านทางไปยังลิฟต์ไม่ได้)


หลังจากที่ได้กุญแจ เซก้าพยายามกวาดสายตามองไปรอบๆเพื่อคอยระวังไทแรนท์ที่ถูกปล่อยออกมาวิ่งเพ่นพ่านในชั้นนี้ เมื่อพบว่าทางสะดวก เขาจึงวิ่งฝ่าฝูงฮันเตอร์ออกไป


ณ บานประตูที่ถูกล็อกด้วยไฟฟ้าตอนนี้ เขาสามารถปลดล็อกได้แล้ว (ดูในบทความที่แล้วที่ปลดล็อกจากแผงควบคุมไฟฟ้า) จากนั้นเขาก็ใช้คีย์การ์ดเลเวล 2 ที่พึ่งเก็บมาได้ชั้นนี้ รูดผ่านออกไป



(ถ้าไปถูกทางตรงนี้จะมีจุดเซฟด้วย)


หลังจากผ่านห้องที่ปลดล็อกไปได้ เซก้าก็พบว่า เขามาโผล่ในห้องทดลองแห่งหนึ่งที่มีหลอดแก้วแคปซูลเต็มไปหมด ซึ่งเขาคาดว่า..สถานที่แห่งนี้ คงจะเป็นสถานที่เพาะเลี้ยงอาวุธชีวภาพแน่ๆ


เขาจัดการกับพวกฮันเตอร์ในห้องทิ้งพร้อมกับวิ่งผ่านไป โดยไม่สนใจ


เขาหารู้ไม่ว่าการต่อสู้กับฮันเตอร์ในบริเวณนี้ทำให้ ไทแรนท์ที่กำลังเดินตามล่าเขารู้ตัว และกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้


เซก้าสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอันเกิดจากรอยเท้าขนาดใหญ่ของไทแรนท์เข้ามาใกล้ จึงรีบวิ่งมุ่งหน้าไปยังทางออกลิฟต์หลังห้องทดลองโดยไว้ (ซึ่งตรงนี้จำเป็นต้องใช้กุญแจเปิดประตูลิฟต์ในการผ่านทางด้วย)


ทันทีที่เปิดประตูห้องได้ เซก้ารู้สึกดีใจมากเพราะเขามองเห็นประตูลิฟต์ขนส่งขนาดใหญ่ที่น่าจะเป็นลิฟต์ตัวเดียวกับที่หัวหน้าของตนอยู่ด้วย


เซก้ารีบวิ่งไปที่นั่นโดยเร็วที่สุด และในตอนนั้น ไทแรนท์ก็ไล่ตามหาเขาจนพบ มันพังประตูเหล็กที่เซก้าพึ่งใช้กุญแจไขเข้ามาในชั่วพริบตา พร้อมกับออกวิ่งไล่ตามเซก้า


เซก้ารีบวิ่งไปจนถึงประตูลิฟต์อย่างเร็ว โดยมีไทแรนท์วิ่งไล่ตามมาด้านหลัง


เขารีบใช้มือกดปุ่มเรียกลิฟต์ทันที!!!


ไทแรนท์เองก็เริ่มวิ่งใกล้เข้ามาติดๆแล้ว!!


ติ้ง!!!
สัญญาณการเปิดประตูลิฟต์ดังขึ้น


ทันทีที่ประตูเปิดออก ก็มีชายหนุ่มกระโจนออกมาจากลิฟต์พร้อมกับปืนกล M16 คู่กาย
หัวหน้าลิทชี่มาช่วยแล้ว!!!

"ให้ตายสิ!! ต้องมาเจอกับไอ้บ้านี่อีกแล้วเหรอวะเนี่ย!!?"


ลิทชี่กับเซก้ายกปืนขึ้นพร้อมกับยิงกระสุนกราดเข้าใส่ไทแรนท์เพื่อสกัดมันเอาไว้ จนมันทรุดตัวลงกับพื้นชั่วคราวเปิดโอกาสให้เซก้ากับลิทชี่ถอยหลับเข้ามาในประตูลิฟต์

"รีบถอยกลับเข้ามาในลิฟต์เร็ว!! เซก้า!!!"


ลิทชี่จึงรีบกดสวิตช์ลิฟต์โดยเร็ว


เซก้าพยายามยิงสกัดไทแรนท์ไว้อย่างเต็มที่


แต่ดูท่าว่าไทแรนท์ยังไม่เลิกลดละความพยายามที่จะไล่ตามทั้งคู่


มันเริ่มวิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


ใกล้จะถึงประตูลิฟต์แล้ว!!!


แต่ประตูลิฟต์ได้ปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว!!!


เซก้ากับลิทชี่สามารถหนีไทแรนท์เข้าไปในลิฟต์ได้อย่างปลอดภัย ลิทชี่จึงเดินไปที่แผงควบคมเพื่อเร่งความเร็วในการเคลื่อนที่ลิฟต์กลับขึ้นไปข้างบน


เซก้ารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ภายในลิฟต์นี้มีศพพวกฮันเตอร์นอนตายกันเกลื่อนกลาด ซึ่งคาดว่าพวกมันคงจะเป็นพวกฮันเตอร์ที่บุกเข้ามาในลิฟต์แล้วถูกหัวหน้าของตนกำจัดจนหมด


หลังจากที่ทั้งคู่อยู่ในช่วงปลอดภัยแล้ว ลิทชี่จึงหันมาตบบ่าเซก้าพร้อมกับพูดให้กำลังใจว่า โชคดีจริงๆที่ทั้งนายและฉันยังมีชีวิตรอดอยู่


หัวหน้าลิทชี่บอกกับเซก้าว่าบริเวณด้านล่างนี้เขาสำรวจจนทั่วแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องการเลย ทีนี้ก็คงต้องรอผลจากฝั่งของเอสเตอร์และซาช่าแล้วล่ะนะ....


ตัดกลับไปที่ห้องศูนย์ควบคุมใหญ่ของอัมเบรล่าประจำสาขาฮอกไกโด
อันเป็นสถานที่ควบคุมระบบการทำงานหลักของอาคารแห่งนี้
เจ้าหน้าที่ของอัมเบรล่าทั้งหญิงชายหลายคน พยายามควบคุมระบบไล่จัดการพวกลิทชี่กันอย่างเมามันส์


"บล็อก1 และบล็อก 2 เคลียร์ ไม่มีผู้บุกรุก"
เจ้าหน้าที่ USS คนหนึ่งรายงานขึ้นหลังจากที่มองผ่านจอมอนิเตอร์
ที่ฉายภาพพวกฮันเตอร์ไล่เดินตรวจสอบสถานที่


"ยืนยันพบตัวผู้บุกรุก 2 คนค่ะ"
เจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่งรายงานขึ้นมา


"ขณะนี้พวกเขาทั้งคู่กำลังติดอยู่ในลิฟต์
ทางเราจะส่งฮันเตอร์ไปจัดการโดยเร็ว..."


"อย่าลืมตามหาพวกผู้บุกรุกที่หายไปด้วยนะ!!
ว่าแต่ เจ้าพวกที่หายไปก่อนหน้านั้นมันอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย!?"


ในระหว่างที่ห้องควบคุมกำลังวุ่นวายจากการไล่ตรวจจับพวกลิทชี่อยู่นั้น
ก็มีตะแกรงระบายอากาศภายในห้องอันหนึ่งร่วงตกลงมาในห้อง...


เจ้าหน้าที่ทุกคนในห้องต่างตรงใจกับสิ่งประหลาดที่เกิดขึ้นในห้องนั้น...


นอกจากตะแกรงที่ร่วงลงมาแล้ว ก็มีลูกอะไรบางอย่างหล่นลงมาจาก
ช่องระบายอากาศนั้นด้วย.... มันคือ.....


แว๊บ!!
ระเบิดแสงถูกทำงาน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทุกคนที่หันไปมองมันตาพร่ามัวมองทุกอย่างเป็นแสงสีขาว

"เหวอ!!!! นี่มัน...!!!!"


ต่อมาก็เกิดเสียงปืนดังต่อเนื่องขึ้นในห้องควบคุมแห่งนั้น เจ้าหน้าที่ทุกคนในห้องที่ตาพร่ามัวถูกสังหารอย่างรวดเร็วยกห้อง โดยไม่ทันได้เห็นผู้บุกรุกคนนั้นเลยแม้แต่คนเดียว...

หลังจากที่แสงสีขาวจางหายไป ก็ปรากฏให้เห็นคน 2 คนที่บุกเข้ามา....  เอสเตอร์กับซาช่านั่นเอง...


"หึ แผนการลอบสังหารสำเร็จไปได้ด้วยดี!
ซาช่า ฝากจัดการพวกระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมดด้วยล่ะ"


"เฮ้ๆ ฉันทำเรื่องแบบนั้นไม่ไหวหรอก
มันเป็นหน้าที่ของนายไม่ใช่หรือไง?"


ดูท่าว่าซาช่าจะไม่ค่อยอยากยุ่งกับเครื่องจักรมากนัก เธอไม่ค่อยถนัดเรื่องแบบนี้เอาซะเลย

"เฮ้อ ช่วยไม่ได้น้า..."
ดูท่าว่าเอสเตอร์จะต้องดูแลเรื่องระบบทั้งหมดเองเสียแล้ว


"เอาเป็นว่าฉันจะคอยอยู่ระวังหลังให้นายละกัน
ถ้างั้นก็ฝากจัดการด้วยนะ OK?"


"เออๆ ไม่มีปัญหา รีบจัดการเลยละกัน"


เอสเตอร์จึงไล่ตรวจดูข้อมูลในระบบทั้งในห้องนี้ทั้งหมดทันที


ซาช่าได้แต่มองแผงควบคุมต่างๆอย่างงงๆ ดูท่าเธอไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่


สิ่งที่เอสเตอร์ต้องทำในตอนนี้ก็คือ...ควานหาข้อมูลลับที่เกี่ยวกับการทดลองอาวุธชีวภาพของอัมเบรล่า และส่งมันออกไปยังโลกภายนอกเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเอาผิดและทำลายอัมเบรล่าให้สิ้นซาก

แต่ทว่า....

"ฉิบหายแล้ว!! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!!?"

เอสเตอร์สบถออกมาหลังจากควานหาข้อมูลในแผงควบคุมเสร็จแล้ว

"เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?"


"ข้อมูลทั้งหมดกำลังจะหายไปแล้ว!!!  มีใครบางคนกำลังถ่ายโอนข้อมูลจากที่นี่ไปยังที่อื่น"

"ว่าไงนะ!!!"

ซาช่าทำสีหน้าเครียดมาก...ดูท่าว่าพวกเขาทั้งหมดจะถูกใครบางคนตัดหน้าเอาข้อมูลไปอีกแล้ว
เหมือนกับเหตุการณ์ที่อยู่บนเกาะแห่งนั้น
ถ้าหากเขาไม่ได้ข้อมูลออกไปจากที่นี่ล่ะก็ สิ่งที่พวกเขาทำมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า...

"ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอก!!! ฉันยังตามรอยที่อยู่ของปลายทางได้!!"

เอสเตอร์จึงรีบใช้ระบบสแกนหาปลายทางที่ส่งข้อมูลโดยไว
โชคยังดีที่ข้อมูลยังไม่ถูกลบทิ้งไปทั้งหมด ทำให้เอสเตอร์แกะรอยตามหามันได้


และแล้วเขาก็พบว่า...ปลายทางของข้อมูลที่ถูกส่งไปนั้น...
ยังอยู่ในอาคารแห่งนี้.....





ตัดภาพไปยังบริเวณลานจอดรถชั้นใต้ดินของอาคารเดียวกัน
มีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่งวางอยู่ข้างบนกระโปรงรถยนตร์และมีกระเป๋า
เดินทาง (ต่อไปนี้เราขอเรียกว่า 'เคส (Case)') วางอยู่ด้านข้าง 
บนหน้าจอมอนิเตอร์ของโน้ตบุ๊กนั้นกำลังแสดงสถานะการถ่ายโอนข้อมูลอยู่....


และด้านข้างโน้ตบุ๊กกับเคสนั้นก็มีชายในชุดสูทคนหนึ่งกำลังยืนพิงรถพร้อมกับคุยโทรศัพท์มือถืออยู่


เขาพูดคุยโทรศัพท์พลางสูบบุหรี่ไปด้วย...อย่างสบายอารมณ์
เขากำลังพูดเรื่องบางอย่างที่สำคัญผ่านโทรศัพท์มือถือ ถึงนายทหารชั้นสูงคนหนึ่ง...

"เออ....เจ้าพวกที่อยู่ในห้องควบคุมนั่นดูท่าจะโดนพวกผู้บุกรุกฆ่าตายหมดแล้วล่ะ...ใช้ไอ้นั่นจัดการถล่มพวกมันได้เลย... ท่านนายพลกัสกี้    อ้อ แล้วก็ไม่ต้องห่วงหรอกนะ เจ้าพวกผู้บุกรุกที่เหลือรวมทั้งพวกมันทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ในป่าน่ะ...ไม่มีทางรอดเงื้อมมือจากเหล่า B.O.W. ที่ฉันใส่โปรแกรมให้พวกมันได้หรอก หึหึหึหึ"



ตัดกลับมาทางด้านเอสเตอร์กับซาช่าที่กำลังวุ่นวายอยู่ในห้องควบคุม...
ท้ายที่สุดแล้ว เอสเตอร์ก็ไม่สามารถกู้ข้อมูลที่ถูกโอนออกไปได้ แต่อย่างน้อย
เขาก็สามารถระบุตำแหน่งสถานที่ที่ถูกโอนข้อมูลออกไปได้ จึงใช้วิทยุสื่อสาร
ติดต่อกลับไปรายงานให้กับพวกหัวหน้าที่อยู่ในลิฟต์ เพื่อให้หัวหน้าสานต่อ

ส่วนเขากับซาช่าก็ถึงเวลาที่จะต้องรีบเผ่นหนีออกไปจากที่นี่บ้างแล้ว

"รีบวิ่งหนีออกไปจากที่นี่เถอะ....!!!"


เอสเตอร์เห็นด้วยกับสิ่งที่ซาช่าบอก พวกเขาทั้งคู่จึงรีบวิ่งหนีออกไปตามทางเดินยาวหน้าห้องควบคุมนั้น
แต่ทว่า!!  พื้นที่อยู่ด้านหน้าพวกเขากลับถูกอะไรบางอย่างพังถล่มลงมาจนพวกเขาทั้งคู่ตกลงไปยังด้านล่าง...


"โอยยย!! นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย!!!!"

เอสเตอร์ที่ตกลงมาพยายามใช้มือยันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่แล้วเขาก็ต้องแสดงสีหน้าซีดเผือดเมื่อเขาได้ยินเสียงเครื่องยนตร์กลไกบางอย่างดังมาจากด้านหลังเขา..และมันเข้าใกล้มาเรื่อยๆ การเคลื่อนที่ของมันช่างเหมือนกับเสียงล้อตีนตะขาบที่เป็นพาหนะที่เขาคุ้นเคยในฐานะอดีตทหารช่างอย่างเขา


"เฮ้ยๆๆ เดี๋ยวดิ ไอ้เสียงล้อแบบนี้มันมีแต่...."


เอสเตอร์มองไปทางด้านหลังที่เต็มไปด้วยกลุ่มควันที่มีเงาตะคุ่มบางอย่างกำลังเคลื่อนที่มาทางเขา จนกระทั่งมันวิ่งผ่านควันออกมาให้เห็นในระยะประชิด... มันคือ..... รถถัง!!!


รถถังนั้นพุ่งเข้ามาใกล้ซาช่าและเอสเตอร์อย่างเร็วโดยไม่มีการลดความเร็ว ทำให้มั่นใจได้เลยว่า พวกที่อยู่ในรถถังนั้นตั้งใจจะฆ่าพวกเขาแน่นอน!!!

"วิ่ง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

ซาช่าตะโกนส่งเสียงดังขึ้น ทำให้เอสเตอร์และตัวเธอเองทั้งหมด รีบลุกขึ้นพร้อมกับวิ่งใส่เกียร์หมา!!! อย่างเต็มสปีด!!!! โดยมีรถถังขนาดใหญ่ไล่บี้ตามหลัง!!!


"ไอ้ชิบหาย!! แม่งเล่นของแบบนี้เลยเหรอวะเนี่ย!!!!"

เอสเตอร์ถึงกับตะโกนสบถออกมาขณะที่กำลังวิ่งหนีรถถังไปด้วย




"เอาปืนใหญ่ยิงมัน!!"

เสียงของชายที่อยู่ในรถถังตะโกนดังขึ้น..มันเป็นเสียงของผู้บัญชาการประจำรถถัง
ที่พึ่งได้รับคำสั่งจาก ชายหนุ่มสวมแว่นตาที่พึ่งโทรศัพท์หาเขา....."นายพล กัสกี้"

"จัดไปครับท่าน!!"

ชายผู้เป็นลูกน้องของเขาตอบรับคำสั่งพร้อมกับควบคุมทิศทางปากกระบอกปืนใหญ่
ให้เล็งไปทางพวกผู้บุกรุกที่กำลังวิ่งอยู่.... ชายคนนี้ก็คือ เจ้าหน้าที่ที่มีชื่อว่า "เวย์น"

เวย์นควบคุมปากกระบอกปืนใหญ่เล็งไปทางเป้าหมายหนึ่งที่กำลังวิ่งหนีอยู่ 
และเป้าหมายแรกของเขาก็คือ... เอสเตอร์!!!


"หรือว่าพวกมันคิดจะ...!!!"

ตูมมมมม!!!

กระสุนปืนใหญ่ถูกยิงออกจากปากกระบอกปืนพุ่งเข้าใส่บริเวณที่เอสเตอร์วิ่งอยู่..
จนทำให้เอสเตอร์ลอยกระเด็นตีลังกากลางอากาศ

"อ้ากกกกกกกกกกกกก"


ถึงแม้ว่าเอสเตอร์จะไม่ถูกยิงเข้าเนื้อเต็มๆ แต่ว่ากระสุนปืนใหญ่ที่ถูกยิงใส่บริเวณด้านข้างของเขา
ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนทำให้เอสเตอร์กระเด็น


และล้มลงกระแทกพื้น!!!


"เอสเตอร์!!!!!!"

เอสเตอร์พยายามฝืนลุกขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดและพบว่า...


ร่างของเขากับรถถังอยู่ห่างกันไม่เกิน 1 ฟุต!




แสดงความเห็นบน Facebook!

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น