ความเดิมตอนที่แล้วโนบิตะได้พบกับไจแอนท์และเดคิสุงิอีกครั้งภายในมหาวิทยาลัยประจำเมือง
จากมหาวิทยาลัยที่กลายเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับผู้คน บัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นสถานที่สุดอันตรายไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ โนบิตะยังได้ทราบข่าวร้ายเพิ่มเติมจากเดคิสุงิด้วยว่าเหล่าพวกพ้องของโนบิตะทุกคนที่อยู่ในเมืองนั้นต่างก็ติดเชื้อไวรัสกันหมดแล้ว หากไม่ได้รับการรักษาด้วยวัคซีนโดยเร็วล่ะก็..พวกเขาเหล่านั้นคงจะกลายเป็นซอมบี้แน่ๆ
โนบิตะ ไจแอนท์ และเดคิสุงิจึงตัดสินใจร่วมมือกันตามหาเบาะแสในมหาวิทยาลัยเพื่อตามหาวัคซีนที่จะใช้รักษาเหล่าพวกพ้อง (เนื่องจากว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่สำหรับการทดลองของอัมเบรล่าด้วย) ให้ทันเวลาภายใน 2 ชั่วโมง ก่อนที่จะมีเฮลิคอปเตอร์จากกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (Japan Self-Defense Forces หรือ JSDF) มารับพวกเขาออกจากมหาวิทยาลัยไป...
Final Chapter - Decisions, Decisions [Part 2]
การตัดสินใจตามหาเบาะแสผู้สร้างวัคซีน
ในต้นฉบับ RE ภาค Outbreak นั้น จะมีการกล่าวถึงผู้ที่สร้างวัคซีนรักษาการติดเชื้อที-ไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดในเมืองที่มีชื่อว่า ปีเตอร์ เจนกินส์ (Peter Jenkins) ซึ่งเป็นเพื่อนกับ จอร์จ ฮามิลตัน (George Hamilton) หนึ่งในกลุ่มตัวละครผู้เล่นหลักของภาค Outbreak ซึ่งปีเตอร์เป็นคนส่งข้อความเรียกหาจอร์จเพื่อนของตนเพื่อให้มาพบกับเขาที่มหาวิทยาลัยเพื่อให้เขาช่วยสานต่องานสร้างวัคซีนรักษาการติดเชื้อที-ไวรัส เนื่องจากปีเตอร์มีเรื่องอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถทำต่อได้...
สำหรับในเกมโนบิฮาสะนี้ก็เช่นเดียวกัน... เดคิสุงิรู้มาก่อนที่จะมาถึงที่นี่แล้วว่า สถานที่แห่งนี้มีคนที่ทำการวิจัยการสร้างวัคซีนรักษาเชื้อที-ไวรัสอยู่ที่นี่ด้วย
แต่ก่อนหน้านั้น เดคิสุงิได้ลองสอบถามโนบิตะเกี่ยวกับส่วนผสมการสร้างวัคซีนรักษาเชื้อที-ไวรัสที่โนบิตะเคยผสมมาก่อนหน้านั้นตอนที่ใช้รักษาเซย์นะที่ติดเชื้อที-ไวรัส (เอส) ในเมือง R ดูก่อน
โนบิตะไม่สามารถตอบได้เพราะเขาไม่ได้เอาสูตรส่วนผสมของวัคซีนออกมาด้วย และถึงแม้เขาจะจำส่วนผสมได้แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะหาของเหล่านั้นมาจากที่แห่งนี้ได้ในเวลาที่จำกัดเช่นนี้ ดังนั้น การที่จะค้นหาวัคซีนที่นี่จะต้องเริ่มต้นกันใหม่ทั้งหมด
"เอาล่ะ...รีบไปกันเถอะพวกเรา..."
"อือ...."
หมายเหตุ - เนื้อหาในเกมจริงๆแล้วโนบิตะ ไจแอนท์ และเดคิสุงิจะแยกย้ายกันออกตามหาเบาะแสไปทีละคน แต่ว่า เราได้ทำการปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องใหม่ให้พวกเขาทั้ง 3 ไปด้วยกัน เนื่องด้วยเหตุผลที่สมจริงหลายๆอย่าง (อีกทั้งถ้าเขียนเนื้อเรื่องให้แยกกัน จะเห็นว่าไอ้ 2 คนนั้น มันไม่ได้ทำอะไรที่มันเป็นประโยชน์เลย โนบิตะรับเหมาคนเดียวหมด มันจะเก่งเกินหน้าเกินตาไปแล้ว)
- ห้องโถงหลัก [Entrance Hall]
เหล่าพระเอกทั้ง 3 ได้เดินสำรวจเส้นทางในห้องโถงนี้เสียก่อน ซึ่งประตูด้านบนขวานั้นดูเหมือนว่าจะถูกถอดลูกบิดประตูออกไปทำให้ไม่สามารถเปิดประตูเข้าไปได้
ประตูที่อยู่ทางด้านซ้ายก็ถูกล็อกด้วยกลไกบางอย่างที่หนาแน่นเกินกว่าจะเข้าไปได้ และดูน่าสงสัยที่สุด... แต่ในตอนนี้พวกเขาไม่สามารถพังเข้าไปได้แม้จะใช้แรงทั้ง 3 คนรวมพลังกันก็ตาม
แต่ดูเหมือนว่าประตูห้องทางด้านซ้ายนั้นจะไปต่อได้
- ทางเดินไปสู่ลิฟต์ชั้น 1 [1F Passage Elevator]
ภายในห้องนี้ บริเวณข้างศพเจ้าหน้าที่จะมีปืนพก GLOCK 17 ตกอยู่...
เด็กหนุ่มทั้ง 3 พบว่า ลิฟต์ตัวนี้ยังใช้การไม่ได้ เขาจำเป็นที่จะต้องปลดล็อกระบบที่คอมพิวเตอร์เสียก่อน
"ดูเหมือนว่าจะต้องใช้รหัสผ่าน 4 ตัวในการเข้าระบบก่อนนะ
แถมยังติดพาสเวิร์ดสำหรับการปลดล็อกระบบอีก"
เดคิสุงิมองดูหน้าจอและพูดออกมา...
ประตูบานนี้ได้นำพวกเขาไปสู่เส้นทางเดินตามอาคารชั้นหนึ่ง.. พวกเขาสังเกตเห็นเอกสารที่น่าสงสัยบางอย่างวางอยู่กลางโต๊ะและด้านข้างนั้นมีซอมบี้คนแก่อยู่ 1 ตัว
"เรื่องซอมบี้ฉันจัดการเอง...พวกนายหาเบาะแสไปซะ..."
ไจแอนท์รับอาสาเป็นคนจัดการซอมบี้ตัวนั้น และให้เดคิสุงิกับโนบิตะเป็นคนตรวจสอบเอกสารที่เขาพึ่งได้รับ มันคือเอกสารลับของมหาวิทยาลัย
เอกสารตัวนี้พูดถึงห้องค้นคว้าวิจัยลับเฉพาะที่ตั้งอยู่ด้านหลังประตูกลไกปริศนาในห้องโถงที่พวกเขาทั้ง 3 เปิดไม่ออก การที่จะเข้าไปที่นั่นได้จำเป็นที่จะต้องทำให้ดวงตาของรูปปั้นกวางทั้ง 2 ฝั่งส่องประกายเสียก่อน
ในปี 1983 นั้น อัญมณีเรืองแสงทั้ง 2 ที่เป็นดวงตาของรูปปั้นกวางนั้นได้ถูกถอดออกมาเก็บไว้ด้านนอกด้วยฝีมือของอาจารย์ผู้อาวุโสภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ในที่ปลอดภัย
"ประตูบานนั้นเป็นทางเข้าห้องวิจัยลับอย่างนั้นสินะ"
"อืม...แต่เราต้องหาอัญมณีสำหรับดวงตากวางทั้ง 2 เสียก่อน
ดูเหมือนว่าคงจะถูกเก็บไม่ไกลจากที่นี่แหละ"
หลังจากนั้นทั้ง 3 จึงเดินลึกเข้าไปด้านในตามทางเดินเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะมีซอมบี้ปรากฏตัวออกมาระหว่างทางเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเด็กหนุ่มทั้ง 3 มากนัก พวกเขาเดินไปเรื่อยๆจนพบเอกสารกระดาษโน้ตบางอย่างตกอยู่บนพื้น
บนเอกสารนั้นมีเพียงตัวเลข 4 หลักเท่านั้น
(ตัวเลขจะถูกสุ่มไปเรื่อยๆ ไม่แน่นอน)
(รหัสนี้ อาจจะเป็นรหัสปลดล็อกระบบลิฟต์นั่นก็ได้...)
หลังจากนั้นพวกเขาจึงได้สำรวจเส้นทางต่อก็พบว่าบริเวณนี้มีประตูที่ถูกล็อกด้วยกุญแจ 1 บาน
ทางด้านบนข้างศพทหารมีมีดขนาดใหญ่ อาร์มี่ไนฟ์ (Army Knife) ตกอยู่ พวกเขาจึงนำมาใช้เป็นอาวุธ
ประตูบานใหญ่ก็ถูกล็อกด้วยระบบไฟฟ้าบางอย่าง...
แต่ว่าประตูด้านล่างนั้นพวกเขาสามารถเดินเข้าไปได้
มันคือประตูที่เชื่อมกับประตูที่ไม่มีลูกบิดในตอนแรกนั่นเอง...
ทีนี้เหลือเพียงประตูทางขวาบานเดียวบนชั้น 1 บริเวณห้องโถงเท่านั้นที่ยังไม่ได้สำรวจ
- ห้องสำนักงานกิจการนักศึกษา (Students Affair Office)
ภายในห้องนี้เป็นห้องที่มีไว้สำหรับให้บริการงานกิจการของเหล่านักศึกษามหาวิทยาลัยจึงมีโต๊ะ หนังสือและเก้าอี้จำนวนมาก แต่บัดนี้มีอยู่ในสภาพเละเทะ และมีซอมบี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
พวกเขาสำรวจเห็นสมุดบันทึกที่น่าสนใจบางอย่าง...
มันเป็นสมุดบันทึกของศาสตราจารย์ทัตสึอาเกะ (竜上 - Tatsuage)
เนื้อความนั้นเขียนประมาณว่า...
โครงการ [T] เป็นสิ่งที่สร้างความเสียหายอันเลวร้ายให้กับองค์กรเวชภันฑ์ของอัมเบรล่าจำนวนมหาศาล หนำซ้ำยังก่อให้เกิดการแพร่ระบาดไปทั่วสถาบันวิจัยในญี่ปุ่นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมือง R
ฉันและเพื่อนคนหนึ่งจึงได้ลงมือวิจัยหาวิธีการรับมือกับเชื้อไวรัสที่เกิดการแพร่ระบาดไปทั่ว จนในที่สุด ฉันก็สามารถคิดค้นสิ่งที่ช่วยรักษาอาการติดเชื้อไวรัสมรณะเหล่านั้นได้สำเร็จ มันเป็นสิ่งที่ส่องประกายราวกับความหวังแห่งรุ่งอรุณ พวกฉันจึงตั้งชื่อให้มันว่า [เดย์ไลท์ (Day Light - デイライト)]
"ดะ..เดย์ไลท์ หรือว่า..."
"ใช่แล้ว...เจ้านี่แหละ สิ่งที่จะช่วยพวกเราทุกคนได้..."
เดคิสุงิจึงอ่านบันทึกต่อ...
แต่ทว่าในตอนหลังฉันก็ได้รับรู้ถึงความน่ากลัวของอัมเบรล่าเข้าให้ และคิดว่าชีวิตของฉันจะต้องมีอันตรายแน่ๆ เพราะฉันกับเขาคนนั้นเป็นเพียง 2 คนที่รู้ถึงความลับเหล่านี้
เพื่อที่จะพัฒนาเดย์ไลท์ให้สมบูรณ์ฉันจึงขอให้ "ศาสตราจารย์ อาราทานิ (新谷 - Aratani)" เพื่อนของฉันที่เคยพูดถึง สร้างตัวอย่างสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากสาร [T] (หรือที่เรียกว่า "ตัวอย่าง T")* เพื่อที่จะขอยืมเลือดของมันมาใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างเดย์ไลท์ด้วย
*หลายคนคงพอเดาได้ว่า ตัวอย่าง T ที่ว่านี่คือ ทานาทอส นั่นเอง
แต่ฉันก็รู้ต่อมาภายหลังว่า สาเหตุที่อาราทานิได้ยอมมอบ "ตัวอย่าง [T]" เพื่อร่วมกันสร้างเดย์ไลท์ให้เสร็จสมบูรณ์นั้นก็เพราะว่าเขามีความรู้สึกเจ็บแค้นต่ออัมเบรล่าเป็นอย่างมากและหวังว่าเดย์ไลท์ที่ฉันคิดค้นขึ้นมานั้นจะสามารถทำลายล้างอัมเบรล่าได้
ฉันรู้สึกได้ว่าเขามีอะไรบางอย่างที่ปกปิดไว้?
ไม่สิ..ฉันอาจจะคิดไปเองก็ได้นะ
<ข้อความต่อจากนี้มีอะไรบางอย่างขีดไว้ทำให้อ่านไม่ออก>
อย่างไรก็ตาม ฉันจึงย้ายสิ่งที่ตัวเองค้นคว้าทั้งหมดหนีเข้ามายังห้องลับเพียงลำพัง...ฉันไม่อยากจะยุ่งกับอาราทานิอีกแล้ว รวมทั้งเจ้าสิ่งน่ากลัวที่เขาสร้างไว้...
แล้วก็เป็นสูตรตัวอย่างเกี่ยวกับ "ตัวอย่าง T" ที่นำมาใช้ในการทดลองสร้าง
หลังจากที่อ่านบันทึกจบ...
"ดูเหมือนว่าคุณทัตสึอาเกะ ผู้สร้างวัคซีนเดย์ไลท์คงจะอยู่ในห้องลับที่ว่านั่นสินะ..."
ก็ได้ข้อสรุปมาว่า พวกเขาจำเป็นต้องหาวิธีเข้าไปในห้องลับในห้องโถงเพื่อตามหาผู้สร้างเดย์ไลท์ ที่ตอนนี้คงจะหมกตัวหนีมาผลิตวัคซีนเหล่านี้ตามลำพังเสียแล้ว...
ทั้ง 3 คน จึงเดินเข้าไปอยู่ด้านในสุด ซึ่งห้องๆนี้ เป็นห้อง...
- ห้องผู้บริหารกิจการนักศึกษา [General Manager's Room]
พวกโนบิตะสังเกตเห็นกล่องสลักสวยงามที่น่าสงสัยใบหนึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะ มันถูกล็อกด้วยรหัส 4 ตัว
"เจ้ากล่องนี้ต้องซ่อนสิ่งของที่มีค่ามากไว้แน่ๆ"
เดคิสุงิพิจารณาแล้วว่า มันต้องเก็บของสำคัญบางอย่างไว้แน่นอน หรือว่ามันอาจจะเป็นอัญมณีทางเข้าห้องลับที่ว่านั่นก็ได้
"บ้าจริง...เจ้าสิ่งนี้มันแข็งมาก ฉันทำลายมันไม่ได้"
ไจแอนท์ลองทดสอบความแข็งของมันดูแล้วพบว่าเขาไม่สามารถทำลายมันได้แน่ พวกเขาจึงจำเป็นต้องหารหัสผ่านมาเปิด ซึ่งมันน่าจะอยู่ในห้องนี้แหละ
"อ้ะ เดคิสุงิคุง ฉันเจอรหัสลับบางอย่าง"
"ไหนๆๆๆ"
โนบิตะส่งกระดาษที่เขาพบให้เดคิสุงิดู มันคือรหัสลับตัวเลขบางอย่าง จำนวน 4 ชุด ได้แก่..
ตรงส่วนสุดท้ายก็เขียนกำกับเอาไว้ว่า... รหัสคีย์โค้ดที่แท้จริงอยู่เบื้องหลังของเลข 0 2 9 7
(โอ้ยยยย รหัสลับบ้าอะไรเนี่ย คิดไม่ออกโว้ยยย!!! หรือว่ามันจะเป็น 0297 กันแน่นะ...)
หลังจากที่ได้อ่านปริศนาตัวเลขนั้นพร้อมกันทำเอาไจแอนท์กับโนบิตะเอามือกุมขมับด้วยความมึนงงกับตัวเลข โนบิตะซึ่งไม่อยากคิดมากจึงลองใส่เลขรหัสลงไปว่า 0297 แต่ปรากฏว่ามันเปิดไม่ออก....
"ฮะๆๆๆๆๆๆ ปริศนาง่ายแค่นี้ พวกนายยังคิดกันไม่ออกอีกเหรอ!?"
(พวกตรูไม่ได้อัจฉริยะเหมือนเอ็งนี่หว่า เดคิสุงิ...)
"ฉันจะบอกให้ก็ได้นะ...รหัสแท้จริงที่อยู่เบื้องหลังของเลข 0297 ตัวเลขมันมี 4 ชุดใช่ไหมล่ะ
ก็ลองเทียบซะว่า ตัวเลขแต่ละชุดสามารถแทนด้วยเลขปริศนาอย่างละ 1 หลักได้ตามลำดับ"
"อย่างเช่นตัวเลขชุดที่ 1 รหัสที่แท้จริงอยู่เบื้องหลังเลข 0 (จาก 0297) ใช่ไหม ถ้าหากพวกนายโยงตัวเลข 0 ทั้งหมดที่อยู่ในชุดที่ 1 จะเห็นว่ามันกลายเป็นตัวเลขขนาดใหญ่ใช่ไหมล่ะ?"
"อ้ะ....เป็นรูป 4 เหลี่ยมไปแล้ว..."
"ใช่ที่ไหนเล่า...เป็นเลข 0 แบบสี่เหลี่ยมต่างหาก..."
"ถูกต้อง....เอาล่ะ มาดูชุดที่ 2 กันนะ ตัวเลขปริศนาคือ 2 (จาก 0297) ใช่ไหม?
ถ้าหากขีดเส้นทับเลข 2 ในตัวเลขชุดที่ 2 ทั้งหมดล่ะ..."
"เลข 1!!"
"ใช่แล้ว...เป็นเส้นตรงยาวทางแถวขวาสุดก็คือเลข 1 นั่นแหละ
ทีนี้ลองเอาเลขชุดที่ 3 ขีดทับเลข 9 และชุดที่ 4 ขีดทับเลข 7 มาดูต่อกันนะ"
เลขชุดที่ 3 (ขีดทับเลข 9) คำตอบคือคือ "1"
เลขชุดที่ 4 (ขีดทับเลข 7) คำตอบคือ "7"
"เท่านี้ก็ได้ตัวเลขครบทั้ง 4 หลักแล้วล่ะนะ..."
**ในเกมส์ตัวเลขอาจจะสุ่มเปลี่ยนไปได้ แต่วิธีการยังคงเหมือนเดิม
"ถ้างั้นรหัสก็คือ 0117 สินะ!!"
โนบิตะจึงกรอกรหัสที่เดคิสุงิถอดออกมา ปรากฏว่า...
แกร๊ก!!!
"ปะ..เปิดแล้ว!!!"
สิ่งที่อยู่ข้างในกล่องนั้นคือ...อัญมณีสีแดง (Red Jewel)
"เป็นไปตามที่คาดไว้เลย..."
ถ้าเป็นใน RE Outbreak รหัสที่ได้จากปริศนาเลขชุด 4 ตัวนั้นมันก็คือเวลาที่ต้องเอามาปรับเข็มนาฬิกาอีก
เพื่อทำให้นกกุ๊กกูที่ติดอัญมณีสีแดงปรากฏตัวออกมา
ในที่สุดเด็กหนุ่มทั้ง 3 ก็ได้เพชรสีแดงซึ่งเป็น 1 ในกุญแจทั้ง 2 ดอก ที่นำไปสู่ห้องลับของคนที่สร้างวัคซีนได้สำเร็จ แต่ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกจากห้อง พวกเขาก็พบว่ามีซอมบี้จำนวนมากดักรอพวกเขาอยู่ที่หน้าประตู
"เหวอ!! พวกมันมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย"
ชั่วพริบตา...ซอมบี้ทั้งหมดก็ถูกไจแอนท์ปลดปล่อยสวัสดิกะแล้วซัดหมัดปลิวกระเด็นตายเกลี้ยง
"ไอ้เจ้าพวกนี้นี่เกะกะ ชะมัด!!"
ดูท่าทางไจแอนท์คงจะอารมณ์เสียกับเรื่องเมื่อสักครู่นี้ที่ตนดันคิดปริศนาง่ายๆไม่ออกเลยเอาอารมณ์ทั้งหมดไประบายกับซอมบี้นี้แทน
"นายนี่น่ากลัวชะมัดเลย..."
หลังจากที่สำรวจชั้นที่ 1 จนเสร็จ พวกเขาทั้ง 3 คนก็ขึ้นมาสำรวจยังชั้น 2 ต่อ
พวกเขาเดินไปยังฝั่งปีกขวา...
- ทางเดินชั้น 2 [2F Passage]
เด็กหนุ่มทั้ง 3 เดินตะลุยฝ่าฝูงซอมบี้มาตามทางปีกขวา
ก่อนที่จะแว่บเข้าไปในห้องทางด้านซ้ายแรกสุด
เขาเดินเข้าไปด้านในสุดลึกเรื่อยๆ จนถึงห้องของคนที่มีตำแหน่งใหญ่ที่สุดในมหาวิทยาลัย
- ห้องอธิการบดี (President's Room)
"ถ้าพูดถึงผู้อาวุโสอีกคนที่น่าจะเก็บอัญมณีอีกชิ้นไปก็น่าจะเป็นอธิการบดีนี่แหละ"
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เดคิสุงิเลือกที่จะเดินมาสำรวจห้องนี้ก่อน พวกเขาทั้ง 3 เดินสำรวจในห้องเพื่อหาอัญมณี จนกระทั่งเจอสิ่งที่น่าแปลกใจเข้าให้
"เชือกพวกนี้...มันอะไรกันล่ะเนี่ย!?"
เดคิสุงิเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อตรวจดูเชือกที่ห้อยออกมาพวกนั้น
"สายพวกนี้น่าจะมีไว้ดึงสำหรับเปิดการทำงานกลไกบางอย่างนะ"
"แหม น่าสนุกดีนะ ขอดึงหน่อย..."
"ดะ..เดี๋ยวก่อน!! ทาเคชิคุง มันอาจจะเป็น กับ...."
ยังไม่ทันที่เดคิสุงิพูดจบไจแอนท์ก็ดึงสายเชือกเส้นหนึ่ง จนเกิดเสียงดังแกร๊ก..
(ในเกมจะดึงเส้นไหนก็ได้...เพราะผลลัพธ์ก็คล้ายๆกัน)
ก๊าซซซซซ!!!
"ดัก...."
เสียงกรีดร้องของสัตว์ประหลาดดังขึ้นพร้อมกับมีช่องปรากฏออกมาจากเพดานทำให้เจ้าสิ่งนั้นตกลงมาด้านข้างโนบิตะพอดี ซึ่งมันก็คือ...ฮันเตอร์อัลฟ่า!!
"แว้ก!!!"
โนบิตะรีบกระโดจนหลบการโจมตีของฮันเตอร์ตัวนั้นไปได้อย่างฉิวเฉียด ถ้าหากเขาช้ากว่านั้น เขาคงถูกฮันเตอร์ตัวนั้นตบหัวกระเด็นปลิวไปแล้ว
"เฮ้!! ทางนี้!!!"
ในช่วงที่ฮันเตอร์เปิดช่องว่างอยู่นั้นไจแอนท์ก็ได้พุ่งเข้าประชิดตัวฮันเตอร์อย่างรวดเร็วพร้อมกับ ปล่อยหมัดอัปเปอร์คัตใส่ใต้คางของมันอย่างแรงจนฮันเตอร์สมองแหลกตายทันที
"โนบิตะ ไม่เป็นไรใช่ไหม!?"
"อะ..อือ..ไม่เป็นไร แค่ตกใจนิดหน่อย..."
(ถ้าเป็นในเกม RE Outbreak จะมีโอกาสสุ่มเจอจ๊ะเอ๋กับซอมบี้ 1 สาย)
"ขอโทษนะ เป็นความผิดของฉันเองที่ไม่ระวัง..."
"น่าๆ ไม่เป็นไรหรอก...."
ทันใดนั้น ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงแกร๊กซึ่งเกิดจากเดคิสุงิดึงสายอีกเส้นของเตาผิง
ว้ากกกกกกกกกกกกกก!!!!
ทั้งคู่รีบตกใจก่อนที่จะรู้ผลเสียอีก....
"อะไรกันเล่าพวกนาย...ถ้าดึงเส้นที่ถูกต้องตั้งแต่แรกก็ไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย..."
"ถ้างั้นก็อย่าทำให้ตกใจเซ่!!!!!!"
เดคิสุงิลองไล่ตามเสียงที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ไปซึ่งดูเหมือนว่ามันจะดังมาจากห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้าม พวกเขาจึงเดินออกจากห้องอธิการบดีไปยังห้องอีกฝั่ง
- ห้องแสดงผลงานศิลปะ (Art Gallery)
"หือ?? ตรงเตาผิงนั่นมีแสงอะไรบางอย่างส่องอยู่"
เดคิสุงิจึงให้โนบิตะเดินเข้าไปสำรวจด้านในเตาผิงและพบว่าด้านในนั้น..มีอัญมณีสีน้ำเงิน (Blue Jewel) ซ่อนอยู่ (ต้องผ่านการดึงกลไกในห้องอธิการบดีก่อนมันถึงจะปรากฏออกมา)
ถ้าเป็นใน RE Outbreak จะเป็นรูปปั้นแทนเตาผิง
"เอาล่ะ เท่านี้ก็ได้ครบทุกชิ้นแล้ว...นำไปใช้เปิดห้องลับกันเถอะ"
พวกโนบิตะเดินวกกลับมายังห้องโถงหลัก และใต้บันไดของห้องโถงหลักนั้นมีรูปปั้นกวางที่ได้ดวงตาอยู่
โนบิตะจึงใส่อัญมณีสีแดงลงไปที่ฝั่งขวา
และอัญมณีสีน้ำเงินไว้ที่ฝั่งซ้าย...
ดวงตากวางทั้ง 2 ด้านก็เปล่งแสงประกายออกมา...
ทั้งสามคนได้ยินเสียงกลไกบางอย่างของประตูทำงานอีกครั้ง และในที่สุดประตูชั้นนอกสุดก็เปิดออก
"สำเร็จ!!!!!!"
ในตอนนี้พวกเขาทั้ง 3 พร้อมที่จะเดินทางเข้าไปหาศาสตราจารย์ทัตสึอาเกะ ผู้สร้างวัคซีนรักษาเชื้อที-ไวรัส เดย์ไลท์ที่เอาเก็บตัวอยู่แต่ในห้องลับแล้ว...เพียงเท่านี้พวกเขาทั้ง 3 และพวกเพื่อนๆคนอื่นๆก็คงจะปลอดภัยสักที ถ้าหากพวกเขาสามารถเกลี้ยกล่อมและขอร้องให้ศาสตราจารย์คนนั้นสร้างเดย์ไลท์ให้พวกเขาได้
- ห้องลับ (Secret's Room)
เด็กหนุ่มทั้ง 3 พบว่า ทางที่ใช้ลงไปสู่ห้องลับนั้นเป็นขั้นบันไดลงไป
ระหว่างที่ลงบันได โนบิตะและไจแอนท์ต่างรู้สึกดีใจและเปี่ยมด้วยความหวังทุกย่างก้าว แต่ขณะเดียวกันสำหรับเดคิสุงิมันไม่ได้เป็นแบบนั้น
(รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆยังไงไม่รู้....)
พวกเขาทั้ง 3 คนเดินลงมาจนถึงขั้นบันไดชั้นล่างสุด และมองตรงไปยังห้องที่อยู่ลึกด้านใน
"อ้ะ คนที่นั่งอยู่ตรงนั้น ต้องเป็นคนที่คิดค้นวัคซีนแน่ๆ"
"เรารีบไปขอวัคซีนจากเขากันเถอะ..."
เด็กหนุ่มทั้ง 3 เดินเข้าไปใกล้ๆกับคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ซึ่งดูเหมือนว่าเขาก็ไม่มีท่าทีรู้ตัวหรือขยับไปไหนเลยแม้แต่น้อย
"ไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันเหมือนกับว่า...."
โนบิตะเดินเข้าไปจนถึงข้างเก้าอี้ของชายคนนั้น..
"ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่า...."
!!!!!!!
ไม่นานนักไจแอนท์และเดคิสุงิก็ต้องตกใจเมื่อเดินเข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่เห็นหน้าเขาชัดเจนขึ้น
"บะ บ้าน่า....."
"ไม่จริง"
ศาสตราจารย์ทัตสึอาเกะ ชายผู้คิดค้นวัคซีนรักษาการติดเชื้อที-ไวรัสเพียงหนึ่งเดียวที่ช่วยเหลือพวกเขาได้...
กลายเป็นศพที่นอนจมกองเลือด
เขาถูกใครบางคนใช้ปืนจ่อยิงฆาตกรรมจากข้างหลังคาเก้าอี้...
ศาสตราจารย์ทัตสึอาเกะ รับบทเป็นปีเตอร์ เจนกินส์ (Peter Jenkins) ใน RE
ความหวังของพวกเขาสูญสลายไปในพริบตา....
พวกโนบิตะจะทำอย่างไร โปรดติดตามชมตอนต่อไป....>>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 3 (Outbreak) Final Chapter - part 3
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น