>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 3 (Outbreak) Chapter 4 - part 3 (Final Part)
เขาได้รับการช่วยเหลือจากเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจดับเพลิงด้านนอกของโรงแรม และดูเหมือนว่าเรื่องราวทุกอย่างจะจบลงแล้ว แต่ว่า...การผจญภัยของโนบิตะยังไม่จบ...
Final Chapter - Decisions, Decisions [Part 1]
การตัดสินใจครั้งสำคัญสำหรับหนทางรอด
บทเกริ่นนำ (ไม่แปลตามภาพจากเกม RE แต่แปลประยุกต์ตามเกมโดจินนี้)
- การทำลายล้างที่รุนแรง ความมืดที่สิ้นหวังแผ่ขยายไปทั่ว
- ผมจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่อาจจะล่วงรู้อนาคต และมันเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่จะต้องเลือกโดยไม่รู้อนาคตได้ว่าจะสามารถค้นหาแสงสว่างแห่งความหวังได้สำเร็จหรือไม่ก็ตกลงสู่ความสิ้นหวังอันไม่มีที่สิ้นสุด
ในเมืองที่ตกอยู่ท่ามกลางความมืดและความสิ้นหวัง เหล่าผู้คนที่ยังคงรอดชีวิตจึงดั้นด้นออกค้นหาแสงแห่งความหวังซึ่งอยู่ในที่ใดที่หนึ่งบนโลก
พวกเขาได้รับทราบข่าวสารและประกาศต่างๆมากมายจากข้อความแปะประกาศและเสียงตามสายของเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ซึ่งมีการพูดถึงหนทางเอาชีวิตรอดภายในเมือง
กระดาษมากมายที่ถูกแปะไว้อยู่ตามผนังได้ส่งถึงเหล่าผู้คนที่ยังหลงทางอยู่ ข้อความส่วนใหญ่นั้นพูดเหมือนกันหมดว่า..
มหาวิทยาลัยหลักประจำเมืองตอนนี้ได้กลายมาเป็นสถานที่สำหรับลี้ภัยไปเรียบร้อยแล้ว
เหล่าผู้รอดชีวิตที่ทราบข่าวจึงพากันไปรวมตัวกันในมหาวิทยาลัยทั้งหมด
บริเวณข้างนอกประตูหลักของมหาวิทยาลัยนั้น มีเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือและคอยคุ้มกันแน่นหนาเป็นจำนวนมาก เพื่อป้องกันเหตุร้ายต่างๆ
อีกทั้งส่วนด้านในก็มีเฮลิคอปเตอร์หลายลำลงมาจอดบริเวณลานกว้าง ค่อยๆทะยอยขนส่งผู้ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ให้ออกไปจากเมืองนี้ นับได้ว่า มหาวิทยาลัยประจำเมืองตอนนี้เป็นเสมือนโอเอซิสแห่งความหวังท่ามกลางฝูงซอมบี้เลยก็ว่าได้...
ตัดกลับมาทางด้านโนบิตะที่พึ่งหนีออกมาจากโรงแรมที่กำลังไฟไหม้ได้ไม่นานนัก เขาก็ได้รับการปฐมพยาบาลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจดับเพลิงบริเวณนั้น ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้บอกกับเขาว่า..
"มหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ไม่ไกลที่นี่ได้กลายเป็นสถานที่อพยพสำหรับผู้ลี้ภัยแล้วตอนนี้ ที่นั่นมีเฮลิคอปเตอร์ที่ใช้พาอพยพผู้คนออกไปจากเมืองได้"
"รีบไปที่นั่นก่อนที่จะถึงวันพรุ่งนี้ดีกว่า..เพราะจะไม่เหลือเฮลิคอปเตอร์อีกแล้ว เอาล่ะ รีบไปเร็วเข้า..."
เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นแจ้งเตือนพร้อมกับให้ข้อมูลว่า เฮลิคอปเตอร์ที่เตรียมพาอพยพผู้คนออกไปจากที่นั่นจะหมดลงเมื่อถึงวันถัดมา ซึ่งเป็นเวลาสิ้นสุดการเคลื่อนย้ายตามกำหนดการ
เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นบอกว่า เขาจะปฏิบัติภารกิจในเมืองนี้ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยตามออกไปทีหลัง..
นอกจากนั้นเขายังบอกอีกว่า..
"อย่าพึ่งสิ้นหวังตอนนี้สิ!! รีบไปได้แล้ว เร็วเข้า!!"
"เอ๊ะ แล้วพวกคุณน้าตำรวจล่ะครับ..."
โนบิตะเองก็อยากให้คุณน้าตำรวจรอบข้างไปด้วยกันไม่น้อยเพราะจะได้หนีรอดออกไปด้วยกัน แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะยังเลือกที่จะปฏิบัติภารกิจต่อในเมืองนี้ ซึ่งเขาเองก็คงไม่สามารถห้ามได้ และนายจำรวจคนนั้นก็ย้ำทิ้งท้ายไว้ว่า พวกเขาไม่เป็นอะไรหรอก...เดี๋ยวก็รอดกลับไปด้วยกันทั้งหมดอยู่แล้ว แต่จะตามไปทีหลังแค่นั้นเอง
นอกจากนั้น คุณน้าตำรวจก็ยังชี้เส้นทางที่ใช้มุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยหลัก ซึ่งระหว่างทางก็อาจจะไปจ๊ะเอ๋กับพวกสัตว์ประหลาดหรือซอมบี้ได้ ก็ขอให้ระวังตัวด้วย...
และในตอนนั้นเอง วิทยุสื่อสารของคุณน้าตำรวจเบื้องหน้าโนบิตะก็ดังขึ้น เสียงที่ดังออกมาจากทางฝั่งตรงข้ามนั้นดูลุกลี้ลุกลนมากเป็นพิเศษ
"ที่นี่ รายงานจากทางหน้ามหาวิทยาลัย..... มีอะไรบางอย่างกำลังพุ่งตรงมาทางนี้่!! มันดูเหมือนคน...คนตัวใหญ่มาก!! ไม่สิ..มันไม่ใช่คน นั่นมันสัตว์ประหลาด!! สัตว์ประหลาดชัดๆ!!"
"ตอนนี้เส้นทางด้านหน้าไม่ปลอดภัยแล้ว!! ขอย้ำ ให้ทุกคนมารวมตัวกันเดี๋ยวนี้..!!!"
นอกจากนั้นไม่พอ ก็มีเสียงของตำรวจอีกคนซึ่งดูเหมือนว่าจะดังออกมาจากทางด้านหลังตำรวจที่กำลังพูดผ่านมาทางวิทยุด้วย
"เฮ้ยๆๆ!!! มันมาทางนี้แล้ว!!! ยิงมันสิ!! ยิงมัน!!!!"
แล้วก็ตามด้วยเสียงร้องโหยหวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนที่สายจะถูกตัดไป...
"กะ...เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือครับ?"
นายตำรวจคนนั้นก็รู้สึกกังวลไม่น้อยเพราะไม่สามารถติดต่อกลับไปได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังยืนยันให้โนบิตะมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยตามเดิม เพราะเขาเชื่อว่า..ด้วยปริมาณเจ้าหน้าที่จำนวนมหาศาลที่อยู่ที่นั่นคงจะควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ได้ และกำชับโนบิตะว่า อย่าเดินตรงเข้าไปทางด้านหน้าประตูหลักของมหาวิทยาลัยก็พอ..
"เอาล่ะ รีบไปที่นั่นได้แล้ว!! ที่นั่นจะต้องไม่เป็นไรแน่ๆ..."
"ครับ!!"
โนบิตะรับปากก่อนที่จะเดินมุ่งหน้าไปทางด้านซ้ายซึ่งเป็นทางที่คุณน้าตำรวจคนนั้นชี้มาให้ใช้เดินทางมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัย
ระหว่างที่เดินทางไปยังมหาวิทยาลัยนั้น โนบิตะก็เล่าเรื่องให้ฟัง...
"หลังจากนั้นผมก็มุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยหลักประจำเมืองตามเส้นทางที่คุณหน้าตำรวจคนนั้นบอกไว้..."
"ระหว่างตามทางเดินก็ไม่ได้พบกับอุปสรรคขนาดใหญ่ขวางกั้นเท่าไหร่นัก ถ้าอย่างนั้นที่มหาวิทยาลัยก็คงเป็นสถานที่ปลอดภัยอย่างที่คุณน้าตำรวจคนนั้นบอก"
"ผม หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะ..."
======================================================================
ทีนี้ลองตัดกลับไปยังเหตุการณ์ก่อนที่วิทยุสื่อสารคุณน้าตำรวจที่คุยกับโนบิตะจะดังขึ้นมาได้ไม่นานนัก บนถนนเส้นทางด้านหน้าที่มุ่งตรงเข้าสู่ประตูหลักของมหาวิทยาลัยประจำเมือง มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น
ตามคลิปนี้ทุกอย่าง
หน่วยตอบโต้ภัยอันตรายทางชีวภาพของอัมเบรล่า ซึ่งเป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษของอัมเบรล่าที่ถูกส่งมาช่วยเหลือชาวเมืองหน่วยที่รู้จักกันในชื่อ U.B.C.S. (Umbrella Biohazard Countermeasure Service) บริเวณด้านหน้าทางเดินของมหาวิทยาลัยกำลังรุมยิงต่อสู้กับตัวอะไรบางอย่างที่กำลังเดินมาตามถนน
เจ้าสิ่งนั้นมีรูปร่างเหมือนกับมนุษย์หัวโล้นผิวเข้ม ร่างยักษ์ แต่ว่ามีหัวใจที่ปูดออกมาจากหน้าแกทางด้านขวาและมีฝ่ามือขนาดใหญ่มีกรงเล็บที่แหลมคมอยู่ที่นิ้ว มันคือบีโอดับเบิ้ลยู (B.O.W.) หรืออาวุธชีวภาพประเภทไทแรนท์ที่แข็งแกร่งที่สุด...ชื่อของมันคือ ทานาทอส (Thanatos)...
ในขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วย U.B.C.S. ที่อยู่ด้านล่างยิงต่อสู้กับเจ้าทานาทอสอย่างดุเดือด (กระสุนที่สาดโจมตีใส่ไม่อาจจะทำอะไรมันได้เลยแม้แต่น้อย) ภาพก็ตัดไปยังเจ้าหน้าที่หน่วย U.B.C.S. อีกคนที่ใช้ส่องปืนไรเฟิลเล็งไปยังทานาทอสจากบนตึก ดูเหมือนว่าคนๆนี้จะไม่ได้มีเป้าหมายในการเล็งเพื่อสังหารทานาทอส
ในต้นฉบับเกม RE หมอนี่คือนิโคไล ซิโนวิล (Nicholai Zinoviev)
เจ้าหน้าที่ที่แฝงตัวมาในหน่วย U.B.C.S ที่ทำงานให้กับอัมเบรล่า
ในฐานะผู้สังเกตการณ์และเก็บข้อมูลของอาวุธชีวภาพต่างๆ แต่ว่า..
ในซีรี่ย์โดราเอม่อนนี้ จะไม่ปรากฏชื่อที่แท้จริงออกมา (เป็นใครก็ไม่รู้)
ปืนไรเฟิลที่เขาใช้นั้นมีกระสุนพิเศษขนาดใหญ่บางอย่างติดไว้ มันดูเหมือนกับกระสุนลูกระเบิด แต่ว่าไม่ใช่...
"เอาล่ะ...ยังงั้นแหละ! ขอเก็บตัวอย่างเลือดของแกหน่อย"
ชายคนนั้นพูดพร้อมกับกดปุ่มยิงกระสุนพิเศษดีดออกไป
กระสุนพิเศษได้แยกออกพร้อมกับปล่อยอุปกรณ์บางอย่างที่เป็นโลหะปลายแหลม...
ฉึก!!
ทานาทอสหันไปมองสิ่งที่พุ่งเข้ามาปักหลังมัน
อุปกรณ์นั้นได้ปักลงที่ด้านหลังของทานาทอส พร้อมกับปล่อยสารบางอย่างสีเขียวฉีดใส่ร่างกายของมันและขณะเดียวกัน อุปกรณ์ที่เกาะหลังนั้นก็ได้ทำการดูดเลือดของทานาทอสกลับเข้าไปยังหลอดแก้วที่ติดตั้งบนอุปกรณ์... มันคืออุปกรณ์พิเศษที่ใช้ยิงใส่เป้าหมายเพื่อเก็บตัวอย่างเลือดของเป้าหมายที่มีความเป็นอันตรายสูง..ส่วนสารที่ฉีดไปก่อนหน้านั้นก็น่าจะเป็นพวกยาสลบเพื่อทำให้เหยื่อที่ถูกยิงสลบลงไปให้ผู้ใช้สามารถเดินเข้าไปเก็บตัวอย่างเลือดได้สะดวกขึ้น...
ชายคนนั้นมีเป้าหมายเพื่อที่จะเก็บตัวอย่างเลือดของทานาทอสเพียงอย่างเดียว แต่ดูเหมือนว่า ทานาทอสกลับไม่ได้สลบลงตามที่เขาคาด หลังจากที่เขายิงเจ้าสิ่งนั้นใส่มัน กลับทำให้มันเกิดอาการคลั่งผิดปกติ ทำเอาเหล่าเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านล่างตกใจกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
จู่ๆมันก็วิ่งบุกเข้าใส่พวกเจ้าหน้าที่บริเวณนั้น
ทานาทอสพุ่งเข้าโจมตีเจ้าหน้าที่อย่างรวดเร็ว ด้วยฝ่ามือที่มีพละกำลังมหาศาลและรุนแรงมากพอที่ทำให้คนที่ถูกตบคอหักตายในครั้งเดียว
มันได้คลั่งอาละวาดใส่เจ้าหน้าที่แถวนั้นทั้งหมด
นอกจากนั้น มันก็ยังใช้กรงเล็บในมือแทงสังหารร่างของเจ้าหน้าที่แถวนั้นจนเกลี้ยง
"เฮ่ย...อะไรวะ!?"
ชายที่ยิงปืนไรเฟิลยังคงตะลึงกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ทุกอย่างคงไม่เป็นไปตามแผนที่เขาคิดไว้...เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้มันแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้ หลังจากนั้นเขาก็ได้แต่จ้องมองทานาทอสที่สังหารเจ้าหน้าที่ในหน่วยบนภาคพื้นสนามจนหมด (โดยไม่คิดที่จะช่วย) และเกิดอาการคลั่งอยากฆ่าคนเพิ่ม
มันจึงได้กระโดดไต่ขึ้นไปยังอาคารเข้าไปในเขตรั้วมหาวิทยาลัยทั้งๆที่ยังมีศพเจ้าหน้าที่ที่ถูกมันเสียบด้วยกรงเล็บติดไว้กับมือหิ้วไปด้วย
หลังจากที่ทานาทอสหนีไปได้ ชายคนนั้นก็เก็บปืนไรเฟิลพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มเหี้ยมๆ...
"น่าประทับใจจริงๆ...เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ
..เห็นทีต้องเปลี่ยนแผนไปทักทายเจ้าคนสร้างไอ้นั่นขึ้นมาสักหน่อยแล้ว..."
แล้วเขาก็เดินหายไปในตัวอาคาร...
================================================================
ตัดกลับมาทางด้านโนบิตะที่เดินมามาถึงตึกที่เชื่อมต่อกับสวนด้านหน้าของมหาวิทยาลัย...ซึ่งถ้าออกจากตึกตรงนี้ไปได้ เขาก็สามารถเข้ามายังมหาวิทยาลัยจากทางด้านข้างได้แล้ว (ภายในห้องมีคอมพิวเตอร์สำหรับเซฟเกมอยู่ด้วย)
"เอาล่ะ...อีกนิดเดียวก็คงจะได้เจอกับคนอื่นๆแล้ว.."
โนบิตะเดินเปิดประตูออกจากอาคาร เขาได้มายืนอยู่ลานกว้างด้านหน้าบริเวณประตูหลักของมหาวิทยาลัย... เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองในสิ่งที่เขาเห็นอยู่ในตอนนี้
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ลานกว้างประตูมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยซากศพนอนจมกองเลือดของเหล่าผู้คน และเฮลิคอปเตอร์ทุกลำที่พังเสียหายจนเกิดเพลิงลุกไหม้...ราวกับดินแดนนรกที่ถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
วันที่ 29 เดือนธันวาคม ปี 2004
เวลา 18.30 นาฬิกา
ณ มหาวิทยาลัยประจำเมือง
"มะ ไม่นะ...!?"
โนบิตะยังคงมองไปรอบข้างเพื่อหาผู้ที่ยังมีชีวิตเหลือรอดอยู่ แต่สุดท้ายแล้ว....ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจากใครเลย เหล่าศพทั้งเจ้าหน้าที่และผู้รอดชีวิตแถวนั้นต่างถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ด้วยฝีมือของบางสิ่งที่หลุดเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัย......
...สิ่งที่ฆ่าพวกเขาเหล่านั้นมีชื่อที่เปรียบเสมือนกับเทพเจ้าแห่งความตายตามตำนานกรีก...
สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเหล่านี้ เป็นฝีมือของทานาทอสที่ถูกส่งมาตามสังหารพวกโนบิตะ...
โนบิตะที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากศพของพวกเขาเริ่มเข่าอ่อนทรุดนั่งลงไปบนพื้น เขาไม่อาจจะรับได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น....
"ไม่จริงใช่ไหม เรื่องแบบนี้...?"
ผมในตอนนั้นได้มาถึงสถานที่ลี้ภัยเหมือนอย่างที่คุณตำรวจคนนั้นบอก แต่ทุกอย่างมันแย่ไปหมด ผมเป็นเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ท่ามกลางศพผู้คนนับร้อย อีกทั้งเฮลิคอปเตอร์ที่อยู่แถวนั้นก็ถูกทำลายไปจนหมด ผมไม่รู้แล้ว ผมไม่รู้แล้วว่าจะทำยังไงต่อไปดี...
"ไม่ไหวแล้ว....ทำยังไงดี...เรา...ยังไม่อยากตายที่นี่!!!"
"อึก....อึก..."
[จากที่แปลจริงๆ โนบิตะพูดว่า ไม่ไหวแล้ว และเริ่มบ่นถึงป่ะป๊า หม่าม้า และกำลังจะร้องไห้]
ในระหว่างที่เขากำลังตกอยู่ในความสับสนนั้น..
"อึกกกก......คะ ใคร? มีใครอยู่ตรงนั้นเรอะ!?"
!!!
โนบิตะรีบมองหาที่มาของเสียงและพบว่าเสียงนั้นมาจากชายในชุดเครื่องแบบ U.B.C.S. คนหนึ่งที่นั่งพิงต้นไม้อยู่ใกล้ๆในสภาพร่อแร่ บาดเจ็บสาหัสและคงใกล้เสียชีวิตเต็มที...
"ระ รีบออกไป..จากเมืองนี้..ให้เร็ว....ที่สุด.... อีก 2 ชั่ว.โมงให้หลัง...จะ ..มี เฮลิคอปเตอร์ ของกองกำลังป้องกันตนเองบินผ่านแถวนี้..มา..เป็นลำสุดท้าย... รีบไป...รีบขึ้นเฮลิคอปเตอร์ลำนั้น.. "
"ถ้าไม่รีบล่ะก็....จะต้องต้องถูกทำลาย..ไปพร้อมกับเมืองนี้...เมืองนี้จะถูกทำลายในไม่ช้า...ดังนั้น รีบไป...."
"แล้วก็ระวัง...ไอ้เจ้าปีศาจนั่น...ด้วย....มันแข็งแกร่งมาก.. มันเป็นปีศาจ...ที่อันตรายมาก...ระวังให้ดี..."
"อย่า..ไปต่อสู้..กับมันตรงๆ เด็ด..ขาด หนีมันทันที ถ้าหากเจอ..."
"และสุดท้าย...ก็รู้สึก..ว่า...ยัง..มี...อีก.... คน..ใน...มหา...ลัย"
แล้วเขาก็หลับตาลงเงียบไป..
"คุณน้า!! คุณน้า!!"
โนบิตะพยายามเรียกชื่อเขาหลายครั้ง
โนบิตะรู้แล้วว่า เขาคงไม่รอดแล้ว.... โนบิตะรู้สึกอยากขอบคุณเขามากเพราะว่า ข้อมูลที่เขาให้มานั้นเป็นสิ่งที่จะมีประโยชน์สำหรับโนบิตะในอนาคต
โนบิตะเริ่มทำใจได้ เขาจึงลุกขึ้นยืนและหันหน้ามองไปทางอาคารหลักขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัยเบื้องหน้าเขา
"นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว...จนกว่าฉันจะได้พบโดราเอม่อนกับเพื่อนทุกคน..."
"ฉันตัดสินใจแล้วว่า ฉันจะไม่มีวันยอมแพ้! จนกว่าจะถึงที่สุด!!"
โนบิตะเตรียมอาวุธที่มีอยู่ทั้งหมดในตัว (ซึ่งก็คือมีด ปืนพก และปืนลูกซอง) ขึ้นเตรียมพร้อม
".เราจะเข้าไปสำรวจในมหาวิทยาลัยกัน!!"
โนบิตะรีบเดินเข้าไปในอาคารใหญ่เบื้องหน้าทันที และเขาก็ต้องตกใจมากเมื่อพบว่าทันทีที่เขาเปิดประตูเข้ามาก็พบกับชายสองคนถือปืนจ่อมาทางโนบิตะ และที่สำคัญกว่านั้น ชายทั้ง 2 คนก็คือเพื่อนในกลุ่มของเขานั่นเอง...!!
"จะ...ไจแอนท์.....แล้วก็เดคิสุงิคุงด้วย!!?"
"โน โนบิตะ!? นั่นนายเหรอ!?"
"โนบิตะคุง...นาย...ปลอดภัยดีสินะ..!!"
หลังจากนั้น เดคิสุงิกับไจแอนท์จึงได้วางปืนลง..การพบกันของผองเพื่อนทั้ง 3 คนนี้ทำให้โนบิตะรู้สึกดีใจมาก...
"ดะ...ดีจริงๆ...ที่พวกนาย 2 คนไม่เป็นไร...ฮึก..."
โนบิตะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะร้องไห้อีกครั้ง....ซึ่งก็ทำเอาทั้ง 2 คนนั้นรู้สึกผ่อนคลายได้สักระยะ
จนกระทั่งเดคิสุงิเริ่มพูดเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน..
"โนบิตะคุง...ฟังฉันให้ดีๆนะ"
??
เดคิสุงิเริ่มเล่าเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่เขากับไจแอนท์เจอให้ฟังก่อนที่จะมาถึงมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เขากับพวกพ้องต่างก็หลงทางและเผชิญหน้ากับอาวุธชีวภาพต่างๆอย่างที่เคยเจอมาในเมืองของเขา แต่ที่แย่กว่านั้นคือ พวกเขาทั้งคู่ต้องต่อสู้กับอาวุธชีวภาพรูปแบบพิเศษที่ดูเหมือนว่ามันจะถูกส่งมาไล่ล่าพวกเขาโดยเฉพาะด้วย แต่โชคดีที่ทั้งคู่ต่างก็กำจัดมันไปได้แล้ว และเดคิสุงิเองก็คิดว่า บางทีไอ้เจ้าตัวที่มันสร้างความเสียหายด้านนอกตอนที่เขากับไจแอนท์ไปยืนสูดอากาศบนดาดฟ้า (เลยรอดพ้นจากการโจมตี) ก็คงจะถูกส่งมากำจัดพวกเขาอีกเช่นกัน
"ไอ้เจ้าพวกบ้านั่นมันต้องเกิดจากไอ้ที-ไวรัสอะไรโดยตรงนั่นแน่ๆ"
ไจแอนท์พูดเสริมย้ำ ทำให้เขานึกย้อนกลับไปในภาค 1 ตอนที่ต่อสู้กับไทแรนท์ T-002 อาวุธชีวภาพที่เกิดจากที-ไวรัส หลังจากนั้นเขาก็พูดต่อว่า...ท่าทางเจ้าตัวแบบนั้นคงจะไล่ตามพวกเขาไม่มีที่สิ้นสุดแน่ๆ
"แต่ที่แย่กว่านั้นคงเป็นเรื่องของการที่คนที่นี่บางส่วนติดเชื้อไวรัสและกลายเป็นซอมบี้เดินเพ่นพ่านไปทั่วมหาวิทยาลัยด้วยนี่สิ..ที่สำคัญที่ฉันอยากจะบอกนายคือ ดูเหมือนว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในห้องทดลองที่สำคัญของอัมเบรล่าอีกเช่นกัน..."
โนบิตะช็อกจนพูดอะไรไม่ออก ถึงแม้เขาจะทำใจอยู่แล้วว่า อัมเบรล่านั้นมีห้องทดลองลับซ่อนอยู่แทบทุกแห่ง แต่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะใกล้ตัวขนาดนี้...
"เรื่องแบบนั้นช่างมันไว้ก่อนน่า ขอแค่อย่ามาตายที่นี่ก็พอไม่ใช่เหรอ?"
ไจแอนท์ก็ยังไม่ค่อยคิดเรื่องหยุมหยิมเช่นเคย..
"ว่าแต่เราจะออกไปจากที่นี่กันยังไงดีล่ะ"
เมื่อไจแอนท์ถามถึงวิธีหนีออกไปจากที่นี่...
"เรื่องนั้น..."
ซึ่งทำให้ไจแอนท์รู้สึกดีใจหายเครียดขึ้นมาทันตา..
"!! โฮ่!! ถ้างั้นเราก็นั่งเจ้านั่นออกไปได้น่ะสิ!"
โนบิตะก็อธิบายย้ำข้อมูลอีกว่า..ยังไงก็แล้วแต่ การที่จะให้เฮลิคอปเตอร์สังเกตเห็นพวกเขาในตอนนั้นได้จะต้องหาสถานที่ซึ่งเป็นลานกว้างเหมาะๆบริเวณใกล้เคียงและจุดสัญญาณไฟให้ชัดเจนด้วย
"เรื่องสัญญาณไฟเราทำได้อยู่แล้วน่า ภายในมหาวิทยาลัยนี้มีของที่ใช้งานได้อยู่เยอะแยะ"
"แถมยังมีเวลาเหลือถมถืด (ตั้ง 2 ชั่วโมง) ก็ค่อยๆหาไปพร้อมกับไล่ทุบหัวซอมบี้ไปก็ได้นี่นา"
และในตอนนั้นเองเดคิสุงิก็รีบตะโกนขึ้นมา..
"เดี๋ยวก่อน ทาเคชิคุง...ฉันยังมีเรื่องที่ต้องบอกพวกนายอยู่อย่าง.."
"หือ? เรื่องอะไรเหรอ?"
"เรื่องนี้มันสำคัญมากถึงขั้นชี้ความเป็นความตายของพวกเรา
และเพื่อนๆคนอื่นทุกคนเลยนะ ตั้งใจฟังให้ดีๆล่ะ"
"อะไรเหรอ?"
"ฉันสืบหาข้อมูลมาหลายจุดทั่วเมืองมาแล้วอยากจะบอกว่า ตอนที่พวกเราทุกคนนั่งอยู่ที่ร้านอาหาร
กันเมื่อตอนนั้นน่ะ..พวกเราทุกคนติดเชื้อไวรัสกันหมดแล้ว"
เดคิสุงิก็ยังคงอธิบายต่อโดยไม่สนใจท่าทีตกใจของโนบิตะกับไจแอนท์ เขายืนยันแล้วว่า ตอนนี้พวกเขาทุกคนต่างก็ติดเชื้อไวรัสกันหมดแล้ว แต่อาจจะยกเว้นเขากับโนบิตะ (และเซย์นะ) ซึ่งได้รับวัคซีนคุ้มกันเชื้อที-ไวรัสมาตั้งแต่ตอนที่ออกจากเมืองบ้านเกิดครั้งนั้น แต่คนอื่นๆที่ติดเชื้อไวรัสล่ะ...จะช่วยพวกเขากันยังไง?
"มันไม่ง่ายแค่จะนั่งรอเฮลิคอปเตอร์เฉยๆมารับออกไปนอกเมืองอย่างเดียวหรอก ต่อจากนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมงเพื่อนของพวกเราหลายคนคงจะได้กลายเป็นซอมบี้กันหมดแน่ๆ รวมถึงนายด้วย ทาเคชิคุง..."
ทันทีที่ไจแอนท์ได้ยินดังนั้น..
"กะ..ก็แล้วจะให้ทำยังไงเล่า!! เดคิสุงิ!!?"
"ใจเย็นก่อนสิ ทาเคชิคุง..แล้วก็.."
เดคิสุงิก็เริ่มพูดต่อไปว่า ตอนนี้ถึงพวกเขาจะไม่เหลือวัคซีนรักษาการติดเชื้อที-ไวรัสแล้ว เนื่องจากใช้ไปหมดตอนที่หนีออกมาจากเมืองบ้านเกิด (ใช้กับโนบิตะ ยาสุโอะ และตัวเดคิสุงิเอง)
แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า ภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้จะมีวัคซีนที่ใช้รักษาอาการติดเชื้อที-ไวรัส และยับยั้งไม่ให้พวกเพื่อนของเขากลายเป็นซอมบี้ได้แน่ แต่ก็ยังคงมีปัญหาอีกไม่น้อยคือ วัคซีนที่ว่าคงไม่ได้หากันง่ายๆหรอก เพราะว่า ที่เก็บหรือที่ซ่อนวัคซีนนั้นต้องอยู่ในห้องลับของมหาวิทยาลัย บางทีกว่าจะหาคงต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ไม่รู้
"ดะ..เดคิสุงิ.....!!"
ตอนนี้ก็ต้องถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องตัดสินใจวัดดวงกันอีกครั้ง... ภายในเวลา 2 ชั่วโมงก่อนที่เฮลิคอปเตอร์จะมารับพวกเขาออกไปจากเมือง พวกเขาก็จะต้องหาวัคซีนที่คาดว่าอยู่ในห้องลับภายในมหาวิทยาลัยเสียก่อน ซึ่งถ้าหากเขาหาไม่ได้...เขาก็จะต้องสูญเสียเพื่อนไปแน่นอน แต่ถ้าหากเลือกที่จะออกตามหา...แล้วเกิดมันใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง พวกเขาทั้งหมดก็จะถูกทิ้งไว้ในเมืองนี้ สำหรับโนบิตะแล้ว มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะตัดสินใจเรื่องนี้..เพราะว่าความคิดของเขามีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น!!
"พวกเรารีบกันตามหาเบาะแสเกี่ยวกับวัคซีนกันเถอะ....
เพื่อช่วยเพื่อนของพวกเรากัน"
"นั่นสินะ โนบิตะคุง...ยังไงก็มีแต่ทางนี้ทางเดียวอยู่แล้ว เอาล่ะ ตอนนี้เวลาไม่มีแล้วขอให้ทุกคนช่วยกันตามหาเบาะเกี่ยวกับวัคซีนภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไปพร้อมกันเถอะ"
"เออ มันก็คงต้องเป็นแบบนั้นนั่นแหละ!!"
"เอาล่ะ!! ตัดสินใจได้แล้ว พวกเราสามคนจะร่วมมือกันหาเบาะแสเกี่ยวกับวัคซีนกัน!!"
เหล่า 3 พระเอกจึงร่วมมือกันตามหาเบาะแสวัคซีนรักษาการติดเชื้อที-ไวรัสภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
เวลาจำกัดอยู่ที่ 2 ชั่วโมง...
โปรดติดตามตอนต่อไป
>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 3 (Outbreak) Final Chapter - part 2
ความคิดเห็นของคนเขียนแถมท้าย
- โนบิตะไปที่ไหน ตัวประกอบตายที่นั่น ทีนี้พอมารวมกลุ่มกับเดคิสุงิกับไจแอนท์ในมหาลัยนี่ตายหมู่กันเลยทีเดียว
>> อ่านเนื้อเรื่องไซด์สตอรี่ของไจแอนท์เพิ่มเติมได้ที่
โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 3 (Outbreak) : Side Story ภาคไจแอนท์
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น