" />

วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556

โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 3 (Outbreak) Chapter 3 - part 3

การต่อสู้เอาชีวิตภายในโรงพยาบาลนรกของโนบิตะยังคงดำเนินต่อไป

Chapter 3 -  The Hive [Part 3]
สัตว์ประหลาดแห่งโรงพยาบาลนรก




"ขอโทษนะ ที่ช่วยเธอไม่ได้..."

โนบิตะยืนไว้อาลัยเด็กสาวผมมัดแกละตัวเล็กที่พึ่งตายไปเนื่องจากเสียเลือดมาก ทั้งๆที่โนบิตะเอาถุงเลือดมาให้แล้ว แต่ทุกอย่างนั้นสายเกินไป....


โนบิตะใช้เวลาทำใจสักพักก่อนที่จะกลับมาฮึดสู้อีกครั้ง

"ต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้!"

จากเอกสารข้อมูลต่างๆที่โนบิตะรวบรวมมาในตอนที่ผ่านมาทั้ง part 1 และ part 2 บนชั้น 1 และ ชั้น 3 ของโรงพยาบาลนั้นทำให้เขารู้ว่า โรงพยาบาลแห่งนี้มีอยู่ด้วยกันทั้ง 6 ชั้น ซึ่งได้แก่ ชั้น 1, ชั้น 2, ชั้น 3, ชั้นดาดฟ้า (RF), ชั้น B1 และชั้น B2 แต่ในตอนนี้เขายังไม่สามารถขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้าหรือลงไปยังชั้นใต้ดินชั้น B2 ซึ่งเชื่อมต่อกับทางเดินท่อระบายน้ำได้ เขาจำเป็นที่จะต้องรวบรวมข้อมูลต่างๆและหาทางปลดล็อกการทำงานของลิฟต์ที่ห้องควบคุม (ซึ่งอยู่ที่ชั้น B1) เสียก่อน

โนบิตะจึงเดินกลับไปยังลิฟต์ 


และกดปุ่มเพื่อเดินทางไปสำรวจชั้น 2


พอถึงชั้น 2 โนบิตะจึงรีบเดินออกจากลิฟต์และเดินเข้าไปสำรวจห้องฝั่งขวาที่อยู่ด้านในสุดก่อน


ภายในห้องนั้นเขาได้พบสมุดบันทึกที่หน้าสงสัยวางอยู่บนโต๊ะ


มันคือบันทึกของผู้ป่วย (Patient's Diary)


ในบันทึกนั้นบอกเล่าเกี่ยวกับตัวผู้ป่วยซึ่งบอกประมาณว่า ต้องเข้ามาในโรงพยาบาลแห่งนี้เพราะอาการของเขาตอนนี้มันแย่มากๆ แถมต้องมาพบเจอกับผู้ป่วยจำนวนมากชนิดที่ว่า มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของโรงพยาบาลเลยก็ว่าได้


นอกจากจำนวนผู้ป่วยจำนวนมหาศาลแล้ว บรรยากาศรอบข้างนั้นดูอึดอัดและยุ่งเหยิงไปหมด ดูท่าว่าพวกแพทย์และพยาบาลคงวุ่นวายกับการดูแลคนพวกนี้ ถึงแม้ตัวเขาจะมีอาการย่ำแย่แต่โชคดีที่ว่า เขาเองก็ได้พบกับเพื่อนที่รู้จักที่เข้ามารักษาตัวที่นี่หลายคนด้วย ทำให้เขาได้พูดคุยกับเพื่อนฆ่าเวลาไปได้บ้าง


วันนี้เขาพึ่งรู้ว่าพวกเพื่อนของเขาชอบขนมหวานเย็นที่ชื่อบาเดนดาซ (デンダッツ)* มากๆ แถมยังแอบเอาเข้ามากินด้วย ให้ตายสิทั้งๆที่อาการไม่ดีแล้วยังแอบเอาเข้ามากินในห้องนี้อีก และสุดท้ายก็มีตัวเขา (คนเขียนบันทึก) คนเดียวที่ไม่ได้กิน

[*ตรงนี้ไม่แน่ใจในชื่อเท่าไหร่เพราะไม่มีในกูเกิ้ลแต่คิดว่ามันอาจจะทำล้อเลียนของหวานร้านฮาเกนดาซ http://www.haagen-dazs.co.jp/ ก็ได้]


ท่าทางพวกเพื่อนๆของเขาจะชอบเล่น [น้ำแข็งแห้ง (ดรายไอซ์)] ด้วย ให้ตายสิเจ้าพวกนี้ชอบทำอะไรแผลงๆจริง แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นกับผมและพวกเขา


ระหว่างที่ผมกับพวกเพื่อนๆกำลังรอการตรวจเรียกในห้องซึ่งก็เป็นเวลาที่ดุกมากแล้ว และในตอนนั้นเองก็มีตัวอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนวุ้นสีแดง ไม่สิ เหมือนสไลม์โผล่ออกมาจากช่องระบายอากาศและโดดเข้าใส่เพื่อนผม!! ใช่ มันคือสไลม์!! มันออกมาจากไหนไม่รู้!! เพื่อนผมที่โดนมันจับได้ถูกมันกลืนเข้าร่างพร้อมกับส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด!! มัน..เป็นไปไม่ได้!!


เพื่อนของผมที่ถูกมันดูดกลืนเข้าไปในร่างพร้อมกับย่อยสลายจนตาย ผมกลัวมากและในตอนนั้นเองผมได้ใช้น้ำแข็งแห้งที่พวกเพื่อนผมแอบเอาเข้ามาด้วยปาใส่มัน ดูเหมือนว่ามันจะเกิดอาการแปลกๆขึ้นเล็กน้อย.... ท่าทางมันจะกลัวของแบบนี้อย่างงั้นหรือ? หลังจากนั้นผมก็ลองใช้น้ำเย็นที่อยู่ในห้องสาดใส่มัน


ท่าทางมันคงจะเป็นสไลม์ที่กลัวความเย็น? อืม...หลังจากนั้นไม่นานมันก็ได้หนีไป ผมอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับหมอที่พึ่งเข้ามา แต่ดูท่าทางเขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่ผมเล่าให้ฟัง ซึ่งแน่ล่ะ ผมเองก็ยังไม่อยากเชื่อสิ่งที่มันเกิดขึ้นเมื่อครู่ในโรงพยาบาลนี้เลย


หลายวันต่อมา ผมก็ยังคงไม่มีอาการดีขึ้นเลย หมอต้องโกหกแน่ๆ แถมยังบอกว่าผมเริ่มมีอาการทางประสาทที่มักจะเห็นเจ้าตัวบ้านั่นอยู่เรื่อย ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ! ผมเห็นมันจริงๆ!


และครั้งสุดท้ายผมก็เห็นเจ้านั่นอีกแล้ว
ท่าทางมันต้องการจะจัดการกับผมเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ
ไม่ไหวแล้ว ผมคงจะต้องตายอยู่ที่นี่แน่ๆ


สิ่งที่โนบิตะได้รู้จากบันทึกนั้นมีเพียงแค่ว่า เขารู้ว่าสไลม์สีแดงที่พูดถึงมันอาจจะเป็นตัวเดียวกับตัวที่กำลังตามล่าเขาอยู่ก็ได้ นอกจากนี้ภายในห้อง เขายังพบศพชายจำนวนมากซึ่งดูเหมือนพวกยากูซ่ามารวมตัวกันรักษาที่นี่ ซึ่งโนบิตะยังจำได้เกี่ยวกับบันทึกของนางพยาบาลที่เขาเคยอ่านใน part 1 ที่มีเนื้อหาบอกว่ากลุ่มยากูซ่าเข้ามารักษาตัวอยู่ที่นี่ด้วย (นางพยาบาลบางคนจึงนำอาวุธของพวกเขามาใช้งานหลังจากที่ทำการตรวจริบของพวกนั้น) และพวกนั้นคงจะถูกสไลม์สีแดงฆ่าตายหมดตามบันทึก

โนบิตะลองสำรวจศพยากูซ่าแต่ละคนในห้อง พบว่า..ที่ศพแต่ละคนนั้นมีอาวุธปละกระสุนปืนพกติดตัวอยู่ด้วย

(อย่างคนในคลิปข้างล่างสำรวจแล้วได้มีดปลอกผลไม้ที่ใช้เป็นอาวุธ)


คนที่อยู่ติดกับเตียงได้แม็กกาซีนกระสุนปืนพก (แต่น่าเสียดายที่โนบิตะไม่พบปืนพกที่จะนำมาใช้แต่อย่างน้อยก็เก็บกระสุนไว้กับตัวก่อน)


คนที่อยู่ใกล้ม่านฉากก็ได้แม็กกาซีนกระสุนปืนพก


ศพตรงกลางได้มีดดาบขนาดกลาง


หลังจากที่ได้อาวุธประเภทมีดดาบไว้ป้องกันตัวแล้ว โนบิตะจึงเดินออกจากห้องและเดินตรงไปยังลิฟต์ เพื่อที่จะกดปุ่มลิฟต์ลงไปยังชั้น B1


ที่ทางเดินหน้าลิฟต์ชั้น B1 โนบิตะได้พบกระดาษข้อความบางอย่างแปะไว้บนตู้ด้านหน้าลิฟต์


มันคือประกาศบอกความสามารถในการเข้าถึงของคีย์การ์ดในระดับเลเวลต่างๆ
คีย์การ์ดเลเวล 1 (ซึ่งเป็นคีย์การ์ดที่มีอยู่ในปัจจุบัน) : ไม่สามารถใช้งานในชั้น B2 ได้ (แต่ใช้ในชั้น B1 ได้)
คีย์การ์ดเลเวล 2 : ไม่สามารถใช้งานในชั้น B3 (อยู่ในระหว่างการปรับปรุงซ่อมแซม) ได้


เจ้าหน้าที่จะได้รับคีย์การ์ดเลเวลต่างกันตามความรับผิดชอบ
*เลเวล 1 สามารถไปได้แค่ 4 ชั้น (B1,1,2,3) และถ้าต้องการไปมากกว่านั้นต้องมีรหัสคีย์โค้ด (Key Code) ในการเข้าถึง
*เลเวล 2 จะสามารถเดินทางไปยังชั้นต่างๆ นอกจากนั้นยังมีการล็อกด้วยระบบการจดจำเสียงด้วย
*ห้ามเจ้าหน้าที่ที่ไม่เกี่ยวข้องเกินขอบเขตที่กำหนดตามเลเวลของการ์ดเข้าไปยังส่วนที่ไม่ได้รับผิดชอบเด็ดขาด


หลังจากอ่านประกาศเสร็จ โนบิตะจึงเดินเข้าไปในห้องด้านขวา ซึ่งเป็นห้องที่เขาต้องการจะไปจัดการบางอย่างมากที่สุด ซึ่งก็คือห้องควบคุมลิฟต์


ภายในห้องควบคุมนั้นยังมีใบประกาศบางอย่างแปะอยู่ด้วย


บันทึกข้อความเกี่ยวกับห้องควบคุม


มันเขียนระบุเอาไว้ประมาณว่า หัวหน้าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบตรวจดูบริเวณทางน้ำใต้นั้นไม่มาเข้าเวรตามที่กำหนด ทำให้พวกเขาไม่สามารถสำรวจเส้นทางออกบริเวณทางระบายน้ำใต้ดิน (ชั้น B2) ได้ เนื่องจากกุญแจที่ต้องใช้เปิดประตูกรงเหล็กนั้นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ได้นำมันติดตัวไปด้วย ใครก็ตามที่เห็นหัวหน้าขอให้มาแจ้งให้ทราบโดยทันที


นอกจากนั้นทางด้านหลังก็เป็นคำอธิบายว่าชั้นต่างๆของอาคารในโรงพยาบาลเป็นอะไรบ้าง
ชั้นที่ 1 - ห้องทำงานแพทย์ (Doctor Office)
ชั้นที่ 3 - ศูนย์พยาบาล (เนิร์สเซนเตอร์ - Nurse Center)


นอกจากนี้ที่ตู้ล็อกเกอร์ด้านในยังมีมีดเหล็กที่สามารถนำมาใช้เป็นอาวุธได้ด้วย


"ตรงนี้...แผงควบคุมลิฟต์สินะ"

โนบิตะให้ความสนใจกับแผงควบคุมลิฟต์เบื้องหน้า ซึ่งเขาคิดว่าตอนนี้เขาน่าจะสามารถใช้งานมันได้


ต้องการปลดล็อกการใช้งานลิฟต์ใช่หรือไม่ ซึ่งแน่นอนโนบิตะต้องกดว่าใช่...



เครื่องควบคุมการทำงานของลิฟต์ปัจจุบันนั้นมีการล็อกตำแหน่งการใช้งานเพียง 2 ชั้น ซึ่งก็คือ
- ชั้นดาดฟ้า
- ชั้นใต้ดิน B2


โนบิตะตัดสินใจที่จะปลดล็อกชั้นดาดฟ้าก่อน และแผงควบคุมที่ใช้ในการปลดล็อกชั้นดาดฟ้านั้นดูเหมือนจะมีลักษณะคล้ายๆกับช่องรับเสียงสำหรับพูดและมีปุ่มไฟสีแดงกระพริบอยู่



"ตรงนี้ต้องปลดล็อกด้วยระบบเสียงสินะ..."

โชคดีที่โนบิตะเก็บเทปบันทึกเสียงที่ได้มาจากศพของเจ้าหน้าที่ใน part 2 เอาไว้ เขาจึงนำเทปมาเล่นเสียงอัดใส่เทป


ตื้ด!! ไฟสีแดงกระพริบที่อยู่บนแผงควบคุมได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวทันที ซึ่งเป็นสัญญาณที่บอกว่าการปลดล็อกชั้นดาดฟ้าสำเร็จ


หลังจากนั้นโนบิตะก็เลือกที่จะปลดล็อกชั้น B2 ต่อ


การปลดล็อกชั้นใต้ดินนั้นจำเป็นต้องใช้รหัสผ่าน 4 ตัว


รหัสผ่าน 4 ตัวที่ว่านี้ ได้มาจากจำนวนยารวมตามบันทึกที่อยู่ใน part 2 ซึ่งโนบิตะได้คิดไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว มันคือ 68 โนบิตะจึงกรอกรหัส 0068 เข้าไป*

(จากการสังเกตแต่ละคลิปมา ตัวเลขจะไม่เหมือนกันดังนั้นรหัสที่ได้ต้องบวกเลขกันเองนะ)


ตอนนั้นเองแผงควบคุมก็ส่งเสียงดังตื้ด บ่งบอกว่าการปลดล็อกสำเร็จ...

"เหวอ!!"

ในตอนนั้นเองเจ้าอูส สไลม์สีแดงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้อง โนบิตะจึงต้องรีบหนีมันออกจากห้องโดยไว!!!

(ควรระวังการสุ่มเกิดในแต่ละห้องทุกครั้ง!!)


โนบิตะรีบวิ่งหนีมันกลับไปยังลิฟต์และกดลิฟต์ขึ้นไปสำรวจบนชั้้นดาดฟ้าเผื่อว่ามีของที่สามารถใช้งานได้


"ไอ้เจ้าบ้านั่น จะจัดการมันยังไงดี!?"

ระหว่างที่ลิฟต์กำลังมุ่งหน้าไปยังชั้นบนโนบิตะก็ได้แต่คิดหาวิธีกำจัดเจ้าอูสไปตลอดทาง ข้อมูลที่่เข้าได้มามีเพียงรู้แค่ว่าอูสแพ้ของเย็นเท่านั้น

จนกระทั่งลิฟต์มาหยุดอยู่บนชั้นดาดฟ้า ที่เต็มไปด้วยซากศพจำนวนมาก (บริเวณข้างลิฟต์มีสมุนไพร 3 สีอยู่ ให้เก็บมาด้วย)


โนบิตะสำรวจศพคนที่อยู่ด้านบนนั้นและได้พบของบางอย่างที่ดูท่าจะมีประโยชน์มาจากศพผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งก็คือ



ปืนพกรุ่น SIG P210


"เอาล่ะ...เท่านี้ก็มีปืนใช้แล้ว"

โนบิตะได้มองลงไปยังชั้นล่างจากลูกกรงเหล็กพบว่า บริเวณชั้นล่างนั้นเต็มไปด้วยฝูงซอมบี้จำนวนมาก กำลังพังประตูหน้าเข้ามาอยู่ และดูเหมือนว่ามันจะมีเยอะมากกว่าตอนแรกที่เขามองลงมาจากชั้น 3 เสียอีก

"ไม่ได้การแล้ว...ต้องรีบหาทางออกจากโรงพยาบาลนี้ให้เร็วที่สุด ไม่งั้นแย่แน่ๆ"

เมื่อคิดได้ดังนั้น โนบิตะจึงเดินกลับไปยังลิฟต์และตัดสินใจกดลิฟต์ลงไปสำรวจชั้น B2 ทันที


ที่ชั้น B2 โนบิตะ เดินเข้าไปยังห้องที่ใกล้ที่สุด...


เขาสนใจเอกสารที่ยื่นออกมาจากตู้หนังสือ


มันคือคู่มือการใช้งานแผงควบคุมห้องปรับอุณหภูมิที่แสดงวิธีทำเป็นรูปภาพ (ดังนั้นมันจึงไม่แสดงเป็นเอกสารข้อความ)


นอกจากนี้เขายังสนใจเอกสารบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องนั้น


บันทึกการสำรวจเฉพาะกิจ...


ดูตอนแรกอาจจะไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่พอโนบิตะเปิดเข้าไปดูหน้าแรก...เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าด้านในมีรูปภาพของตัวอะไรบางอย่างติดอยู่ และมันเป็นรูปของ...




"เจ้าสไลม์สีแดงตัวนั้นนี่!!"

โนบิตะจึงอ่านบันทึกต่อเพราะคาดว่า มันจะต้องมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้แน่ๆ รวมไปถึงวิธีจัดการกับมันด้วย....และก็เป็นไปตามที่โนบิตะคิดไว้..

เมื่อวาน ได้มีการค้นพบ สัตว์ประหลาดขึ้นในท่อระบายน้ำจึงได้นำพวกมันขึ้นมาตรวจสอบและพบว่ามันคืออมีบา (Amoeba) ที่มีการกลายพันธุ์อย่างน่าประหลาด


หลังจากนั้นก็ได้การตรวจสอบกับฐานข้อมูลของบริษัทอัมเบรล่าแล้ว ก็พบว่ามันเป็นหนึ่งในผลการทดลองที่ผิดพลาดซึ่งมีนามว่า "อูส (Ooze : ウーズ)" ซึ่งเป็นผลค้างเคียงของสิ่งมีชีวิตที่ได้รับไวรัสเข้าไป ถึงพวกมันจะดูเป็นของเหลวที่ไร้สมองแต่พวกมันก็เป็นสัตว์สังคมที่มีจ่าฝูงเป็นตัวหัวหน้า และดูดกลืนเหยื่อที่เป็นสิ่งมีชีวิตเป็นสารอาหารในตัวมัน


"เจ้าพวกอัมเบรล่านั่นเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยสินะ..ให้ตายสิ"

การสร้างความเสียหายทางกายภาพธรรมดาไม่อาจจะจัดการมันได้ การจัดการเจ้าสิ่งนี้ได้มีเพียงการระเบิดและการปรับอุณหภูมิเท่านั้น โดยเฉพาะอุณหภูมิที่มีความต่ำกว่าจุดเยือกแข็งจะสามารถใช้ได้ผลดี


ดูเหมือนว่าบันทึกจะจบอยู่เพียงเท่านี้...แต่อย่างน้อยโนบิตะก็รู้วิธีจัดการกับมันได้อย่างแน่นอนแล้ว... และที่สำคัญ ที่ห้องด้านในห้องเก็บเก็บเอกสาร


เป็นห้องที่มีลักษณะเหมือนกับห้องทดลองกระจก


ที่ป้ายด้านข้างมีประกาศเขียนไว้ว่า ห้องปรับอุณหภูมิ
ห้ามลืมการ์ดระบบรักษาความปลอดภัยทิ้งไว้ที่ห้องนี้เป็นอันขาด...


โนบิตะเดินเข้าไปอยู่หน้าแผงควบคุม


ซึ่งเป็นแผงควบคุมสำหรับปรับอุณหภูมิตามคู่มือที่เขาได้รับมา


มันมีคำสั่ง 2 อย่างคือ ปรับอุณหภูมิ +80 องศาเซลเซียส หรือ -50 องศาเซลเซียส


โนบิตะลองเลือกปรับอุณหภูมิติดลบดู หลังจากที่กดแล้ว ประตูห้องกระจกด้านในก็ทำการปิดล็อกโดยอัตโนมัติพร้อมกับมีไอเย็นกระจายออกมาทั่วห้องกระจก...เขารู้ว่า อุณหภูมิในห้องกระจกนั้นต้องเย็นจัดแน่ๆ...


"ได้การละ....ถ้าล่อให้เจ้าสไลม์นั่นเข้ามาในห้องนีได้ล่ะก็...."

ในที่สุดโนบิตะก็รู้วิธีจัดการกับเจ้าสไลม์สีแดงนั่นแล้ว แต่ปัญหาอีกอย่างคือ....มันจะโผล่ออกมาเมื่อไหร่นี่สิ....

เพื่อไม่ให้เสียเวลา โนบิตะจึงตัดสินใจที่จะจัดการมันทีหลัง หลังจากที่เขาสำรวจครบทุกอย่างแล้ว...

"อ้ะ!! ยังไม่ได้ทดลองใช้การ์ดเลเวล 1 เลยนี่นา"

โนบิตะจึงเดินกลับไปยังลิฟต์และขึ้นไปบนชั้น B1


เขาเดินสำรวจตามห้องต่างๆ


"เหวอ!! ห้องนี้ศพเต็มไปหมดเลย!!"


ห้องที่มีสภาพศพเยอะแบบนี้มันอันตรายเกินกว่าที่เขาจะตัดสินใจเข้าไปสำรวจเพราะว่าอาจจะถูกซุ่มเล่นงานตรงไหนก็ไม่รู้ จึงเดินออกจากห้องและเข้าไปยังด้านในสุด ก็พบว่ามีประตูระบบไฟฟ้าล็อกอยู่ ซึ่งเขาได้ใช้การ์ดเลเวล 1 ที่ได้มาจากห้องทำงานใน part 2 รูดเข้าไป


ด้านในสุดดูเหมือนจะเป็นห้องควบคุมการระบายน้ำ



เขาต้องเดินผ่านทางน้ำขึ้นไปยังอีกฝั่ง


ซึ่งบริเวณอีกฝั่งของทางน้ำนั้นมีศพชายคนหนึ่งอยู่ด้วย


โนบิตะเดินข้ามทางน้ำไปสำรวจศพอีกฝั่งและพบว่าที่ศพนั้นมีกุญแจสำหรับใช้เปิดประตูไปยังทางระบายน้ำชั้นใต้ดินด้วย


นั่นเป็นสิ่งที่ใช้ยืนยันเลยว่า ศพนี้คงจะเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ที่ไม่ยอมมาเข้าเวรตามกำหนดแน่นอน ที่แท้มานอนเล่นแพลงกิ้ง(ตายจริง) อยู่ในห้องควบคุมทางน้ำชั้น B1 นี่เอง


นอกจากนี้ก่อนที่โนบิตะจะเดินออกไปจากห้อง เขาสังเกตเห็นศพนายทหารคนหนึ่งจมอยู่ใต้น้ำและบริเวณใกล้ๆนั้นก็มีปืนกลอยู่ด้วย


โนบิตะตัดสินใจที่จะหยิบมันขึ้นมา...


มันคือปืนกลเบารุ่น MP5 SD5

เขาสงสัยว่ามันยังใช้งานได้หรือไม่จึงลองยิงดู..?


"ยิงไม่ออก สงสัยจะแช่น้ำนานเกินไป...."


สุดท้ายแล้ว อาวุธปัจจุบันก็ยังคงเป็นปืนพกกระบอกเดียวอยู่เช่นเดิม...

เมื่อสำรวจจนทั่วชั้น โนบิตะจึงตัดสินใจที่จะเดินกลับไปยังลิฟต์เพื่อที่ลงไปยังชั้น B2 อีกครั้ง และจะนำกุญแจที่เขาพึ่งเก็บได้ไปใช้งานไขประตูเหล็กเปิดทางลงไปยังท่อระบายน้ำเพื่อออกจากโรงพยาบาลแห่งนี้เสียที...
"เอาล่ะ....เท่านี้ก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลแห่งนี้สักที..."


โนบิตะได้กดสวิตช์ไปที่ลิฟต์เพื่อรอให้ลิฟต์ลงมาชั้นล่าง....

ตุ้บ!!

!!!!!!!!!!!

ลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่างพร้อมกับบางสิ่งที่ปรากฏตัวขึ้นจากช่องระบายด้านหลังโนบิตะพอดี....


"ฮะๆๆๆๆ ทำไมมันถึงมาโผล่เอาตอนนี้ล่ะเนี่ย!?"



การหลบหนีออกจากโรงพยาบาลนรกช่วงสุดท้ายได้มาถึงจุดไคลแม็กซ์แล้ว....!!
โปรดติดตามต่อในบทความหน้าซึ่งเป็นบทสรุปของ Chapter 3 ได้เร็วๆนี้....

แสดงความเห็นบน Facebook!

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น