" />

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 4 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 14]

หลังจากที่ดำเนินเนื้อเรื่องฝั่งโนบิตะกันไปในบทความ >> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 4 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 13] แล้ว

คราวนี้เราย้อนกลับมาดูเรื่องราวของฝั่ง U.B.C.S. กันบ้าง


ซึ่งตอนนี้ พวกเขาได้เข้ามาสู่เขตประเทศญี่ปุ่นที่พวกโนบิตะอยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว...

การเผชิญหน้ากันของแก๊งเด็กแว่นกับหน่วยรบพิเศษของอัมเบรล่าเริ่มกระชั้นชิดเข้ามาทุกที....




บทที่ 14
ภารกิจในประเทศญี่ปุ่นของหน่วย U.B.C.S.
ภาคเปิดตัวหัวหน้าคนใหม่

ก่อนเริ่มเนื้อเรื่องจะมีคำถามขึ้นมาทุกครั้งว่าจะข้ามฉากหรือไม่ แน่นอนว่า ตอบไม่...เพราะเรามาเสพเนื้อเรื่องเหมือนเช่นเคย


ขึ้นตราสัญลักษณ์ของอัมเบรล่าและตราประจำหน่วย U.B.C.S.


ณ บัดนี้ สมาชิกของหน่วย U.B.C.S. ทุกคนได้มาอยู่รวมกันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว...

ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลสวมผ้าคาดหัวสีขาวจึงกางเอกสารขึ้นมาบนโต๊ะพร้อมกับรายงานภารกิจใหม่ที่พวกเขาจะกำลังจะได้รับให้ทุกคนได้ฟัง


ภารกิจใหม่ที่พวกเขาจะได้รับคือ...การออกตามหาเจ้าหน้าที่หน่วย USS ที่มีชื่อว่า ซาช่า ที่หายสาบสูญไปตอนที่เธอกำลังปฏิบัติภารกิจในการรวบรวมข้อมูลสัตว์ประหลาดในเมืองใกล้กับทุ่งราบสุสุกิ




ภารกิจของผู้หญิงคนนี้คือการบันทึกข้อมูลของพวกสัตว์ประหลาดที่เรียกว่าฮันเตอร์อยู่ในเมืองนั้น และข้อมูลที่ได้จากการบันทึกเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเบื้องบนมากที่พวกเขาจะต้องนำมันกลับไปให้ได้


แต่เจ้าหน้าที่ซาช่ากลับขาดการติดต่อมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพวกเขาที่ต้องตามไปสืบหาเรื่องราวที่เกิดขึ้น


ในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มผมสีฟ้า ผ้าคาดหัวสีแดง หัวหน้าหน่วยของ U.B.C.S ที่รู้จักกันในชื่อ ลิทเชนคุสกี้ หรือ ลิทชี่ ก็ได้บ่นออกมาเปรยๆว่า ทำไมต้องให้พวกเราที่พึ่งจะได้รับภารกิจที่ต่างประเทศมาทำต่อด้วยล่ะเนี่ย หน่วยอื่นก็มีไม่ใช่หรือไง...




เอสเตอร์แต่ดูเหมือนเอสเตอร์จะไม่ได้สนใจตอบกลับสิ่งที่หัวหน้าบอกเท่าไหร่ พร้อมกับรายงานภารกิจต่อ เขาบอกว่า... ในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ทางอัมเบรล่าได้ส่งหัวหน้าผู้ดูแลคนใหม่มาช่วยเหลือพวกเขา พร้อมกับแนบรูปถ่ายมาให้ดูด้วย ซึ่งเป็นผู้หญิงดวงตาสีแดง หน้าตาดี....

"ชื่อของเธอก็คือ......... โตรุชูเบีย??  โตชิบิอา.!?? !?
 อ่านว่ายังไงวะเนี่ย!!?"


ทุกคนในกลุ่มถึงกับทำหน้าละเหี่ยใจเมื่อเห็นท่าทางของเอสเตอร์ในตอนนั้น เอสเตอร์ก็ได้แต่ยืนเหงื่อตกพร้อมกับเอามือเกาหัวแกร่กๆและพยายามอ่านมันให้ถูก

"เอ่อ...เอ้อ... โตชิบ้า*.....ล่ะมั้ง?"
(ความจริงเขาอ่านผิดเป็น โทริชิบะ (トリシバ) แต่เราคิดว่าเล่นมุกเกรียนๆแบบไทยใช้โตชิบ้าแทน โทชิบะจะดีกว่า)

แต่สุดท้ายเขาก็หันไปหาชายหนุ่มสวมหมวกปีกกว้างตัวใหญ่ที่ชื่อ เซก้า


"เซก้า... แก อ่านคันจิออกใช่ไหม!?"



เซก้าพยักหน้าอย่างเงียบๆ แต่ไม่คิดจะพูดอะไรออกมา... ในตอนนั้นเองลิทชี่ก็ถอนหายใจพร้อมกับเปรยๆออกมาว่า เฮ้ๆ นายเรียนภาษาญี่ปุ่นมานานกว่าใครเพื่อนเลยนะ


เมื่อได้ยินคำพูดนั้นจากหัวหน้าหน่วย ทำเอาเอสเตอร์เหงื่อออกเต็มหน้ามากกว่าเดิม  

จากนั้นหญิงสาวผมยาวสีบลอนด์ที่ชื่อ รีซิสซ่า ก็ทำหน้ายิ้มเยาะเย้ย


"เห...นายอ่านคันจิไม่ออกเหรอเนี่ย!?"



แต่แล้ว ลิทชี่ก็รีบตัดบ่นว่า เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ.... (ขืนปล่อยไว้มีหวังเอสเตอร์ได้รู้สึกอับอายยิ่งกว่านี้แน่) เอาเป็นว่า คิดในแง่ดี ที่ญี่ปุ่นก็มีเบียร์หลายแบบให้ดื่มเยอะดีนะ


เอสเตอร์จึงเสริมขึ้นมาว่า ถ้าพูดถึงญี่ปุ่นก็ต้องพูดถึงเหล้าสิ....อาบน้ำร้อนไป จิบเหล้าไปเนี่ย วิเศษสุดๆไปเลย


"เอ่อ...นี่กำลังพูดถึงเรื่องของกินอร่อยๆกันอยู่เหรอครับ"



ชายหนุ่มผมบ๊อบสั้นสีฟ้าที่ชื่อ ยานอฟ ก็พูดแทรกขึ้นมา



"พวกนายเนี่ยเปลี่ยนเรื่องพาออกทะเลได้ไวจริงๆ"

รีซิสซ่าจิกกัดทุกคน


".....เฮ้! เดี๋ยวสิ... เราไม่ได้ไปเที่ยวเล่นกันนะ ใครพูดเรื่องพาออกทะเลก่อนฟะ!?"

ลิทชี่กล่าวเตือนสติทุกคน


หลังจากลิทชี่พูดจบ ทั้งเอสเตอร์ รีซิสซ่า และยานอฟก็พากันหันสายตามองมาทางลิทชี่ว่า คนที่พาออกทะเลก่อนใครเพื่อนก็คือหัวหน้านั่นแหละ  เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นเซก้าถึงกับอมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย




จากนั้นลิทชี่ก็กระแอมขึ้นมาหนึ่งทีก่อนที่จะกลับมาเข้าพูดถึงเรื่องภารกิจต่อว่า...
แล้วต่อไปจะทำยังไง...พวกเขาจะนัดพบกับคุณหัวหน้าสาวคนนี้ได้ที่ไหน


ในเวลาต่อมา...


ณ ที่สนามบินแห่งหนึ่งภายในประเทศญี่ปุ่น
สมาชิกของ U.B.C.S ประกอบไปด้วย เซก้า ลิทเชนคุสกี้
ยานอฟ เอสเตอร์ และรีซิสซ่า

ผู้ที่รออยู่ในล็อบบี้ของสนามบินตอนนี้มีแค่...
- หัวหน้าหน่วยลิทเชนคุสกี้ ในชุดเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ U.B.C.S. เต็มยศ
- เอสเตอร์ที่คาดผ้าพันหัวสีขาวเหมือนเดิม แต่ใส่เสื้อไปรเวทลายดอกสีฟ้า กางเกงสีขาวเหมือนพวกนักท่องเที่ยว
- รีซิสซ่าในชุดเสื้อแขนกุดสีเขียวกระโปรงเกงขาสั้นและเพิ่มเครื่องประดับขนนกสีขาวติดที่ศรีษะเหมือนกำลังจะไปพักร้อน
- ยานอฟในชุดสุภาพ เสื้อสีขาวทับด้วยเสื้อสีเขียว..ที่พร้อมจะออกไปเดินตะลอนทั่วญี่ปุ่น

ลิทชี่ที่เห็นสภาพลูกน้องแต่ละคนจึงเอามือกำหมัดไว้แน่นก่อนที่จะคิดในใจว่า
"พวกนายแต่ละคนนี่ อยากมาเที่ยวเล่นกันเต็มที่เลยนี่หว่า...."

แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใดเพราะว่า การนัดพบกันทางโทรศัพท์กับหัวหน้าสาวที่ชื่อ "โตชิบ้า" ที่ว่านั่น เธอเป็นคนบอกมาเองว่า จะพาไปดูลาดเลาสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นใกล้เคียงก่อน ซึ่งเป็นการพักผ่อนก่อนถึงเวลางาน....โดยจุดนัดพบกันคือที่สนามบิน...

ลิทชี่จับคอปกเสื้อของตัวเองสะบัดพร้อมกับปาดเหงื่อเบาๆ

"ให้ตายสิ ที่นี่ร้อนชะมัด"


"นั่นสินะครับ โดยปกติพวกเราจะอยู่ในที่ที่มีอากาศเย็นกว่านี้เยอะ ถ้าต้องอยู่ที่ญี่ปุ่นจริงคงจะอึดอัดน่าดูนะครับเนี่ย"

ยานอฟพูดเสริม


เอสเตอร์ก็พูดอธิบายเพิ่มเติมว่าช่วงนี้มรสุมกำลังเข้าทำให้ฝนตกชุก อาการจึงค่อนข้างอบอ้าว


ระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกัน ชายร่างยักษ์ก็วิ่งผ่านเข้าประตูมารวมกลุ่มกับพวกเขา....  เซก้านั่นเอง...


เซก้ายังคงใส่หมวกปีกกว้างตามปกติ ชุดก็ยังคงเป็นเครื่องแบบทหาร แต่ดูเหมือนว่าเขาจะใส่สีเขียวน้ำตาลอ่อนกว่าปกติเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศภูมิประเทศญี่ปุ่น

เอสเตอร์ที่เห็นดังนั้นจึงตะโกนทักขึ้นมาว่า "มาช้าจังเลยนะ เซก้า ทำไมใช้เวลาแต่งตัวนานจัง?"


ลิทชี่ที่เห็นเซก้าก็พูดเอ่ยทักขึ้นมาบ้างว่า...ยังคงสวมหมวกใบนั้นเหมือนเดิมเลยนะ เซก้า...ท่าทางนายจะชอบหมวกใบนั้นมากเลยสินะ


เอสเตอร์ก็พูดขึ้นมาบ้างว่า ไม่ใช่หมอนั่นคนเดียวหรอก ฉันเองก็ชอบคาดบันดาน่า (ผ้าคาดหัว) สีขาวนั่นเหมือนกัน มันดูเท่ออก  แล้วเขาก็ชี้ไปที่ที่คาดหัวสีขาวบนศีรษะตัวเอง


ลิทชี่เลยพูดสวนขึ้นมาว่า ไม่เหมือนกันหรอก นายมันเป็นพวกบันดาน่าเฟติช (Fetish = โรคคลั่งไคล้ อะไรสักอย่าง) โรคจิต ต่างหาก

(จากบทพูดนี้ทำให้รู้ว่าการที่ลิทเชนคุสกี้กับเซก้าสวมใส่เครื่องประดับศีรษะไว้ตลอดเวลามีเหตุจำเป็นบางอย่าง(หรือเปล่า) ต่างจากเอสเตอร์ทีใส่เอาเท่เท่านั้น)


".... พวกนายนี่เป็นแบบนี้ทุกทีเลยน้า"
รีซิสซ่าพูดให้ความเห็น


หลังจากที่พวกเขาคุยเล่นกันสักพัก ลิทชี่ก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู พร้อมกับบอกว่า

"นี่มันก็นานแล้วนะ? ป่านนี้น่าจะมาถึงได้แล้วมั้ง?"


"อืม... นั่นสินะ...."

จากนั้นเอสเตอร์ก็ได้หันไปมองรอบเพื่อควานหาตัวผู้นัด


ไม่นานนักก็มีหญิงสาวผมสีน้ำเงินคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น (ที่มุมซ้ายล่างของจอ)


"เอ่อ... ไม่ทราบว่าคุณเจ้าหน้าที่ที่จะไปตรวจสอบที่ราบสุสุกิอยู่ที่นี่หรือเปล่าคะ!?"


เมื่อได้ยินเสียงนั้น เอสเตอร์ก็พูดว่า..
"เอ.... เธอคนนั้นน่าจะพูดประมาณนี้แหละมั้ง...."


รีซิสซ่าที่มองหาต้นเสียงจึงได้พูดขึ้นว่า
"เฮ้ยๆๆ คนที่นัดเราไว้น่าจะเป็นเธอคนนั้นไม่ใช่เหรอ!?"


เอสเตอร์จึงหันไปหาพร้อมกับร้องโอ๊ะ!!!....ท่าทางจะใช่....


"เฮ้!!  ทางนี้ครับ...พวกเราเอง...."


เมื่อได้หญิงสาวได้ยินเสียงร้องทักจากเอสเตอร์ เธอจึงรีบวิ่งมาทางกลุ่มของพวกเขาทันที...

ในตอนนั้นลิทชี่ได้มองเห็นเธอ..อย่างชัดเจน

เธอเป็นหญิงสาวผมสั้นประบ่าสีน้ำเงินที่เงางามที่ดูสวยสะดุดตา เธอสวมเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินอ่อนรัดรูป (จนเห็นหน้าอกที่ยื่นออกมาจนแทบล้น) กระโปรงยาวสีม่วง และห้อยจี้บางอย่างไว้ที่คอ


"อาระ....ขอโทษทีทำให้คอยน้า....
ฉันชื่อ โทชิบะ (Toshiba : 鳥柴) จ้ะ
ตั้งแต่วันนี้ไปจะมาเป็นผู้บัญชาการประจำหน่วยของพวกเธอนะจ้ะ
อาจจะยังไม่เก่งเท่าไหร่ แต่ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยจ้า"


ท่าทางของเธอดูเหมือนหญิงสาวไร้เดียงสาที่ต่ำกว่าอายุจริงๆ แถมดูท่าทางเป็นกันเองด้วย เธอมักจะมีรอยยิ้มที่น่ารักอยู่บนหน้าเสมอ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ลิทชี่จ้องมองเธอไม่กระพริบ...เหมือนเขาจะถูกอะไรบางอย่างสะกดให้อยู่กับที่...

"ฉันพอจะรู้จักพวกคุณบ้างแล้วล่ะน้า....เอ....."

จากนั้นเธอก็หันมองหน้าที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้มไปยังพวกเขา
พร้อมกับแบมือบอกตำแหน่งไล่ชื่อแต่ละคนเรียงกันตามลำดับ

เธอหันไปมองทางผู้ชายร่างยักษ์สวมหมวกปีกกว้างที่เคร่งขรึมไม่ค่อยพูด : "คุณเซก้า"
จากนั้นเธอก็หันไปมองชายผมสีน้ำตาล สวมผ้าคาดหัวสีขาว : "คุณเอสเตอร์"
แล้วก็หันไปมองชายผมสีฟ้าอ่อนสั้น : "คุณยานอฟ"
ตามด้วยผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม : "คุณรีซิสซ่า"
และคนสุดท้าย....



"เอ่อ.......คุณ........
ไลเชนสุกี้"


......................................
..............................
...............

แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบเป็นเวลา 10 วินาที....
เจ้าหน้าที่ในกลุ่ม UBCS ทุกคน (ยกเว้นลิทชี่) กำลังอดกลั้นไม่ให้ตัวเองขำก๊ากออกมา
ส่วนลิทชี่...ก็เงิบไปพักใหญ่ ก่อนที่จะตัวสั่นและพูดเสียงดังออกมาว่า...

"....นี่เธออ่านยังไงกันแน่ฟะ!!!
ฉันชื่อ ลิทเชนคุสกี้ ว้อยยย!!!!!"


เมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอชะงักไปเล็กน้อยก่อนเปลี่ยนท่าทีใหม่เป็นรอยยิ้มที่รู้สึกผิดแบบเด็กๆขี้เล่น


"อ้ะ ตายจริง... ดันอ่านชื่อคุณผิดซะแล้ว....
คุณไล.....คุณลิทเชนคุสกี้..."


เมื่อได้เห็นท่าทีไร้เดียงสาของโทชิบะ ทำเอาลิทชี่รู้สึกจี๊ดขึ้นมาเล็กน้อยประมาณว่า...เธอคิดจะสำนึกผิดจริงๆไหมเนี่ย!!!?

แล้วจากนั้น เธอก็หันมายิ้มให้ลิทชี่พร้อมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ทำเอาลิทชี่หัวใจเต้นโครมคราม ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง

"คุณลิทเชนคุสกี้จะยกโทษให้ฉันไหมอ่ะ....ถ้างั้นฉันจะทำอะไรให้เป็นการขอโทษคุณดีน้า..."

เมื่อได้เห็นท่าทางของเจ้าหล่อนในระยะประชิด ทำเอาลิทชี่ต้องหันหน้าไปทางอื่นพร้อมกับพูดว่า..

"มะ....ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก.ครับ.."



หลังจากได้ยินคำตอบนั้น โทชิบะก็ถอยหลังกลับมาพร้อมกับพูดอย่างดีใจ

"เย้....คุณลิทเชนคุสกี้ใจดีที่สุดเลย...สมกับเป็นหัวหน้าหน่วยที่ทุกคนไว้วางใจ"

จากนั้นเอสเตอร์จึงเริ่มเอ่ยขึ้นมาว่าจะเอายังไงต่อดี


โทชิบะจึงบอกว่า เรื่องภารกิจไว้คุยกันหลังจากนี้ดีกว่า ตอนนี้ เธอเตรียมรถมารับพวกเขาแล้ว ระหว่างที่ฟังภารกิจไปด้วยก็เดินชมเมืองญี่ปุ่นไปด้วยพลางๆก็แล้วกัน...


เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนในกลุ่มต่างก็แสดงความดีใจที่จะได้เที่ยวชมเมืองก่อนทำภารกิจ
 ลิทชี่ที่เห็นท่าทีลูกน้องตัวเองแต่ละคนก็เปรยออกมาว่า เฮ้อ...ญี่ปุ่นก็ไม่ได้กว้างขนาดนั้นสักหน่อย
ตื่นเต้นเป็นเด็กไปได้นะพวกนาย


รีซิสซ่ายิ้มแบบมีเลศนัยน์ก่อนที่จะพูดว่า..
"แหมๆ ทำตัวเป็นผู้ใหญ่จังหน้า  ไลเชนสุกี้...."


ปึ้ดส์!!! เส้นโทสะบนศีรษะของลิทชี่เริ่มปูดขึ้นมา

"นะ นั่นสินะครับ....คุณไล...."

ชิ้ง!!!

จู่ๆเอสเตอร์ก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารบางอย่างที่แผ่ออกมาจากลิทชี่จนเขาต้องเปลี่ยนคำพูดกลับเป็น..

"คุณหัวหน้าหน่วย...."


จากนั้นทุกคนก็เดินตามโทชิบะไปพร้อมกับจิตสังหารของคุณหัวหน้าหน่วยที่แผ่ออกมาเป็นระยะๆ



=======================================================================

และแล้วเวลาแห่งความสนุกก็ผ่านไปจนถึงเวลาเย็น...
ซึ่งเป็นช่วงเวลาปฏิบัติภารกิจ

โทชิบะได้แจกแจงข้อมูลรายระเอียดงานในการปฏิบัติการตามหาตัวเจ้าหน้าที่ USS ซาช่าที่หายสาบสูญไป ในเมืองร้างแห่งความตายที่เต็มไปด้วยอาวุธชีวภาพแถวที่ราบสุสุกิ


แต่แล้วลิทชี่ก็มีคำถามขึ้นมาว่า...
"ถ้าเกิดได้ข่าวมาว่าคนที่ชื่อซาช่านั่นตายไปแล้วล่ะ"
เพราะมีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกันที่มันเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอขาดการติดต่อ


โทชิบะก็บอกว่าเรื่องแบบนั้นมันก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ถึงยังไงพวกเขาก็ต้องถูกส่งไปอยู่ดี เพราะสิ่งที่เบื้องบนต้องการจริงๆคือบันทึกข้อมูลของซาช่า ไม่ใช่การช่วยชีวิตเธอ...ดังนั้นตอนที่บรรยายเนื้อหางานส่วนนี้ก็ทำเอาโทชิบะรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเหมือนกัน


เมื่อได้ยินเช่นนั้นเอสเตอร์จึงพึมพำว่า ให้ตายสิ ห่วงข้อมูลมากกว่าชีวิตคนหรือนี่เจ้าพวกเบื้องบนนั่น


โทชิบะอธิบายข้อมูลต่อว่า เฮลิคอปเตอร์ที่พวกเขากำลังนั่งอยู่นี้จะปล่อยทุกคนลงไปสำรวจตามจุดต่างๆของเมืองในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหล่าสัตว์ประหลาดจะนอนหลับกันหมดหรือไม่ก็หนีไปอยู่ในชั้นใต้ดิน แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันจะมืดมาก (เพราะเป็นเมืองร้าง) ถึงจะมีกล้องสำหรับมองทัศนวิสัยในเวลากลางคืนได้ก็อย่าประมาทเด็ดขาด

(เค้าเป็นห่วงทุกคนน้า.....)


ลิทชี่จึงตอบรับไปว่า เข้าใจแล้ว พร้อมกับพูดไว้ว่า ถ้าหากจบภารกิจนี้แล้วล่ะก็อย่าลืมเลี้ยงเหล้าด้วยล่ะ ขอร้านเด็ดๆเลยนะ


โทชิบะก็ยิ้มตอบรับพร้อมกับบอกว่า ทราบจ้า เดี๋ยวเลี้ยงให้เต็มอิ่มเลย แล้วคนอื่นล่ะจะเอาอะไร...


รีซิสซ่าที่ควรจะลงจากเฮลิคอปเตอร์ตรงจุดนี้จู่ๆก็โพล่งขึ้นมาว่างั้นขอปลา.... (มันเขียนว่า ปลา จริงๆ)


"เฮ้ รี่ซี่.....เธอ..."


แต่แล้วรีซี่ก็พูดตัดบทว่า 
"จ้าจ้า จะไปทำงานแล้ว ไปทำงานแล้ว"


ว่าแล้วรีซี่ก็โรยตัวลงไปจากเฮลิคอปเตอร์ตรงตำแหน่งที่ระบุเอาไว้....

======================================================================

เจ้าหน้าที่ UBCS ทุกคนสามารถลงมายังเมืองร้างที่มืดทึบไว้ได้โดยปลอดภัย โดยตอนนี้เราจะรับบทเป็นเซก้าเช่นเดิม


หลังจากที่ลงมาแล้ว พวกลิทชี่จะติดต่อมาทางวิทยุว่า ขอให้ทุกคนใช้แว่นส่องทางเวลากลางคืนด้วย



เนื่องจากว่าสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างมืดเกินกว่าที่สายตาปกติของมนุษย์จะมองเห็นได้ พวกเขาจึงต้องพึ่งอุปกรณ์อย่างแว่นส่องทางเวลากลางคืน (ก็อกเกิ้ลไนท์วิชั่น : Goggle Night Vision) เอาไว้ ซึ่งต้องติดตั้งก่อนถึงจะมองเห็นในเวลากลางคืนได้


เมื่อสวมใส่แล้วจะเห็นว่าทัศนวิสัยโดยรอบจะมีแสงสีเขียว ซึ่งก่อนออกเดินทางจะมีจุดเซฟอยู่ที่หัวมุมซ้าย ให้เซฟให้เรียบร้อย


จากนั้น เซก้าจึงออกสำรวจบริเวณต่างๆในเมืองร้างที่มืดมิด (เส้นทางการเดินของเซก้าจะเหมือนกับเส้นทางการเดินของพวกโนบิตะตอนเข้ามาในเมืองนี้ทุกประการ)


โดยระหว่างทางเราจะได้ยินการติดต่อจากพวกพ้องเป็นระยะๆ อย่างเอสเตอร์จะรายงานสถานการณ์ว่า ตอนนี้พวกฮันเตอร์ที่อาศัยอยู่ในเมืองต่างก็นอนหลับกันอยู่ ถ้าไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยงการต่อสู้ หรือถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ (เช่นมันนอนขวางทางเดิน) ก็ขอให้ฆ่ามันอย่างเงียบที่สุด


ตอนนั้นรีซิสซ่าก็พยายามใช้กล้องจากปืนไรเฟิล (ที่ติดอุปกรณ์มองในที่มืด) ส่องสำรวจตามเส้นทางเวลากลางคืน ก็พบว่ายังมีฮันเตอร์บางกลุ่มยังไม่หลับ เธอจึงบ่นออกมาว่า... "เฮ้อ นอนไปซะสิ"


ลิทชี่ก็ย้ำอีกครั้งว่า พยายามอย่าทำให้มันตื่นเด็ดขาด ไม่งั้นเป็นเรื่องแน่...


แน่นอนว่า ระหว่างทาง เซก้าจะเจอพวกฮันเตอร์ที่กำลังนอนหลับอยู่ (ยังไม่ตาย) เป็นจำนวนมาก เขาจึงพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้ให้มากที่สุด แต่ถ้าหากจำเป็นจริงๆ เขาก็ใช้มีดยักษ์คู่กายทิ่มสมองมันซะตอนที่มันยังนอนหลับเนี่ยแหละ


โดยระหว่างทางเดิน พวกพ้องของเราจะติดต่อมาเป็นระยะๆ ว่า เราอยู่ถึงช่วงไหนและต้องคอยระวังอะไรไว้บ้าง


เช่น พอถึงช่วงที่มีศพขวางทางเยอะ เอสเตอร์จะเตือนว่า เขาเองก็อยู่บริเวณนี้ ให้ระวังกองศพที่นอนเกลื่อนอยู่ตรงทางเข้าให้ดี เพราะว่าในกลุ่มนั้นจะมีฮันเตอร์ที่ยังมีชีวิตนอนอยู่ใกล้ๆกัน


เซก้าจึงค่อยเดินย่องไปอย่างระมัดระวัง และสัมผัสได้ถึงลมหายใจของฮันเตอร์ที่มีชีวิตและขวางทางเขาอยู่ เขาจึงใช้มีดยักษ์ปักทะลุสมองมันอย่างแม่นยำจนมันตายในคราวเดียว....


ยานอฟรายงานว่า ตอนนี้เขาสำรวจในโซนที่รับผิดชอบหมดแล้ว กำลังจะมุ่งหน้าไปยังอพาร์ทเม้นใหญ่ด้านหน้า


ลิทชี่ก็บอกว่า เขาเองก็จะมุ่งหน้าไปยังที่นั่นเช่นกัน


ระหว่างทางอาจจะเจอเอสเตอร์มาพูดคุยบ่นอะไรนิดหน่อย ซึ่งก็ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่


ระหว่างทางก็จะเจอจุดเซฟ


ลิทชี่เดินมาจนถึงทางเข้าบ้านแห่งหนึ่ง (ซึ่งก็คือบ้านของพวกโนบิตะ).... และตอนนั้นเองที่ลิทชี่ติดต่อมาหาเซก้าพอดี เขาบอกกับเซก้าว่า ตอนนี้เขาพบร่องรอยการใช้ปืนไรเฟิลของหน่วย USS ที่อพาร์ทเม้นที่เขาอยู่ และตำแหน่งของปากกระบอกปืนก็เล็งไปทางบ้านที่อยู่ด้านข้างเซก้าพอดี ลิทชี่จึงขอร้องให้เซก้าเดินเข้าไปสำรวจในบ้านหลังนั้นหน่อยเพื่อหาข้อมูลว่า... เจ้าหน้าที่คนนั้นกำลังเล็งยิงอะไรกันแน่?


เซก้าได้รับคำสั่งจึงเดินเข้าไปสำรวจในบ้านของโนบิตะ


และสิ่งที่เขาพบในบ้านหลังนั้นก็คือ.....



โปรดติดตามตอนต่อไป....
>>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 4 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 15]

คลิปประกอบ


แสดงความเห็นบน Facebook!

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น