" />

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

บทวิเคราะห์ส่วนตัวของโนบิตะตะลุยซอมบี้ภาคออริจินอล + รีเมค

ก่อนที่จะอ่านบทความนี้ทางผู้เขียนขอ Assume ว่าผู้อ่านทุกท่านอ่านตอนจบบทสรุปของเกม Doraemon Nobita no Biohazard แล้วใน หน้านี้

ซึ่งถ้าใครยังไม่ได้อ่านบทสรุปของเนื้อเรื่องเกมนี้ ควรไปอ่านมาก่อนให้เรียบร้อยตั้งแต่ หน้านี้

========================================================


หลังจากที่ทางเราได้ดูเนื้อเรื่องของเกมในภาคออริจินอลจนจบแล้วทำให้เราเองก็พอจะเข้าใจว่า ตัวเนื้อเรื่องของเกมอันนี้มีรูปแบบการทำที่จงใจนำเอาตัวละครเรื่องโดเรม่อนมาเล่นบทบาทสมมุติในรูปแบบของตัวละครที่แสดงในซีรี่ย์ Resident Evil ตั้งแต่ภาค 1 ยันภาค 3 ซึ่งก็ทำออกมาได้ตรงกับเนื้อหาหลายๆส่วน ตั้งแต่เส้นทางการผจญภัยโดยเฉพาะ RE1 [หนีเข้าคฤหาสน์ (โรงเรียน) >> บ้านพักผู้ดูแลด้านหลัง >> กลับมาคฤหาสน์ (โรงเรียน) >> ลงทางลับอุโมงค์ใต้ดิน >> ห้องทดลองลับ]

การสร้างเกมในเวอร์ชั่นแรกนั้นเรียกได้ว่าเป็นตัวจุดกระแสรูปแบบการล้อเลียนที่ดังพอตัว แต่ถึงกระนั้น ตัวเนื้อเรื่องของเวอร์ชั่นแรกนี้ ค่อนข้างที่จะทำลายความเป็นโดเรม่อนมากพอสมควรโดยเฉพาะในเรื่องของการหักหลังเพื่อน (อย่างที่เดคิสุงิ กับชิสุกะ) ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของเนื้อเรื่องดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อีกทั้งการตายของตัวละครในหลายๆตัวก็สร้างความ Hurt ให้กับผู้ที่รักหรือชื่นชอบโดเรม่อนไม่น้อยเลยทีเดียว (เช่นตอน ชิสุกะโดนไทแรนท์เสียบตาย)

อีกทั้งฉากจบ...จะเรียกได้ว่า...จะดีที่สุดก็คงไม่ได้ เพราะว่าตัวละครหลายตัวที่ควรจะอยู่ต่อ (อย่างเช่น 1 ในพวกตัวเอกอย่างชิสุกะ) กลับได้บทตายอย่างน่าสงสาร และมีชีวิตรอดมาได้เพียงสูงสุด 5 คน ได้แก่ โนบิตะ ไจแอนท์ ซูเนโอะ เซย์นะ ทาโร่

แถมยังมีโอกาสที่จะจบร้ายกว่านี้อีกหากช่วยเพื่อนไม่ครบ ซึ่งเราขอยกตัวอย่างฉากจบบางฉากที่น่าสนใจ (ตอนช่วยเพื่อนไม่ครบ) โดยจะพูดถึงตัวละครที่มีอิทธิพลกับจิตใจของโนบิตะในตอนจบ ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเพื่อนของโนบิตะดั้งเดิม (ซูเนโอะ + ไจแอนท์) + คนกลุ่มใหม่ (เซย์นะ + ทาโร่)


ฉากจบ : เซย์นะตาย พวกเพื่อนของโนบิตะรอด (ไจแอนท์ ซูเนโอะ ทาโร่) โนบิตะที่เข้มแข็งขึ้นด้วยกำลังใจของเพื่อนๆ

หลังจากที่ทั้ง 4 รอดมาได้  ทาโร่จะรู้สึกกังวลและคิดหนักว่า ต่อจากนี้จะทำยังไงดี ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งพี่ๆ และคนรู้จักหลายคนก็ตายแล้ว เขาจะทำอย่างไรต่อไปดี



แต่โนบิตะจะบอกกับเขาว่า แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังรอดชีวิตและยังคงมีวันพรุ่งนี้รอพวกเขาอยู่ 


 คำพูดของโนบิตะนั้นเป็นตัวปลุกกำลังใจให้ทาโร่รู้สึกดีขึ้น และทำใจให้เข้มแข็งได้ ทาโร่จึงได้บอกกับตนเองว่า "ผมจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว"






ซึ่งฉากจบนี้จะเห็นว่าโนบิตะนั้นมีความเข้มแข็งขึ้น จากการผ่านอะไรมาหลายๆอย่าง อีกทั้งต่างกับฉากจบหลักตรงที่ไจแอนท์นั้นไม่ได้พูดให้กำลังใจใครเลย แต่เป็นโนบิตะเองที่มีความรู้สึกที่เติบโตขึ้น แต่ดูเหมือนว่า โนบิตะจะไม่ได้บอกว่า จะไปที่อัมเบรล่า ราวกับว่า พวกเขาจะต้องคอยอยู่ดูแลทาโร่นั่นเอง


ฉากจบ : เพื่อนของโนบิตะตาย (ไจแอนท์ + ซูเนโอะ + ทาโร่) มีเพียงเซย์นะกับโนบิตะที่รอด : โนบิตะที่สูญเสียกำลังใจในการใช้ชีวิตแต่ก็มีเพื่อนสาวที่คอยปลอบโยน (ราวกับบทพระ-นาง)

เนื้อหาจะแตกต่างตรงที่ตอนอยู่ที่ชานชะลาซึ่งจะเหลือเซย์นะเพียงคนเดียวที่รอโนบิตะอยู่


และสามารถขึ้นรถไฟได้โดยที่ไทแรนท์ไม่ปรากฏตัวออกมา


แต่ฉากจบสนทนาบนรถไฟจะต่างออกไป ตรงที่โนบิตะเริ่มรู้สึกเสียใจตรงที่ถึงเขาจะช่วยเพื่อนได้ แต่ก็ไม่อาจจะช่วยได้ครบทุกคน เพื่อนสนิทที่สำคัญของเขา ทั้งซูเนโอะ ไจแอนท์






ทั้งๆที่เขาพยายามช่วยแล้วแท้ๆ แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย



แต่ก่อนที่เขาจะเสียใจไปมากกว่านี้ เซย์นะก็ได้บอกกับโนบิตะว่า อย่าโทษตัวเองเลยนะ จริงอยู่ที่เธอเองก็ช่วยใครไม่ได้ แต่ว่าอย่างน้อยพวกเราก็ยังมีชีวิตอยู่นะ เราต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อพวกเขาเหล่านั้น


แถมเซย์นะเองก็ยังพูดเสริมว่า นั่นเป็นเพราะความช่วยเหลือของโนบิตะไม่ใช่เหรอ ที่ทำให้เธอรอดชีวิตมาได้จนถึงตอนนี้ ขอบคุณนะ...


แม้ว่าเซย์นะพยายามจะพูดปลอบใจแค่ไหน โนบิตะก็ไม่อาจจะทำใจกับสิ่งที่ตนไม่สามารถช่วยเพื่อนสนิทในกลุ่มของตนไว้ได้ จนต้องร้องไห้ฟูมฟายออกมาโดยมีเซย์นะเป็นที่พึ่งทางใจสุดท้ายของเขา



(แหม ดูจากข้างบนแล้วออกแนวคู่พระ-นาง ชัดๆ)

ซึ่งจะเห็นได้ว่า...กลุ่มคนที่มีอิทธิพลต่อจิตใจและความรู้สึกของโนบิตะนั้นยังคงอยู่ในกลุ่มเพื่อนสนิทของเขาเท่านั้น..ไม่ว่าไจแอนท์หรือซูเนโอะ สังเกตได้จากฉากจบทั้งสอง กรณีแรกคือตอนที่เซย์นะตายแต่เพื่อนของเขายังอยู่ เขายังคงมีกำลังใจสู้ต่อไปได้ แต่พอเพื่อนตายแม้ว่าจะมีเซย์นะคอยอยู่เคียงข้างพร้อมกับสคริปบทพูดที่สมกับเป็นนางเอกของซีรี่ย์นี้ก็ไม่อาจจะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของโนบิตะได้เลย สำหรับโนบิตะแล้ว ถึงคนทำเกมหรือคนเขียนบทจะอวยให้เซย์นะเป็นนางเอกมากแค่ไหน แต่สำหรับความรู้สึกทางด้านจิตใจส่วนลึกของโนบิตะแล้วเขาก็ไม่อาจที่จะลืมหรือทดแทนเพื่อนซึ่งเป็นที่พักพิงทางจิตใจของเขาได้เลย...โนบิตะจึงเห็นเซย์นะเป็นได้แค่คนนอกเท่านั้น สังเกตได้จากตอนที่เซย์นะตาย โนบิตะยังทำใจได้ตราบใดที่ยังมีเพื่อนเขาอยู่

ความจริงยังมีอีกฉากจบหนึ่งคือ โนบิตะรอดมาคนเดียว ซึ่งเป็นฉากที่หายากและไม่มีใครเล่นเกมอยากได้ฉากจบนี้เลยแม้แต่น้อย (อีกทั้งเราดูตามเว็บแล้วไม่มีใครทำฉากจบนี้เลย) เพราะว่าโนบิตะต้องสูญเสียทุกคนไปหมดทั้งคนที่พึ่งรู้จักหรือแม้แต่เพื่อนสนิท ซึ่งการจบแบบนี้นับได้ว่าเป็นฉากจบที่โหดร้ายที่สุด เพราะโนบิตะนั้น แม้ว่าจะผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาด้วยกัน ก็ต้องการที่พึ่งทางจิตใจหรือคนที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อให้เขาได้มีกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไป แต่ถ้าหากคนพวกนั้นตายหมดแล้ว โนบิตะเองก็ไม่รู้แล้วว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร...


จากข้างบนนั้นคือตัวอย่างฉากจบที่แย่กว่าฉากจบแรกเสียอีก แต่ถึงแม้ว่าฉากจบแรกจะเป็นฉากจบที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้เป็นฉากจบที่แฮปปี้ที่สุด (ประหนึ่งฉากจบเกม IB) เพราะกลุ่มของโนบิตะไม่ได้รอดทุกคน (เช่น ชิสุกะ) อีกทั้งโดเรม่อนก็หายไปยาวเลย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเนื้อเรื่องที่ทำเอาหลายๆคนรับไม่ค่อยได้กันเท่าไหร่

แต่ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องเกมจะทำได้น่าผิดหวังแต่การทำเกมโดจินนี้ก็ยังเป็นตัวที่ปลุกกระแสความแปลกประหลาดและความน่าสนใจในศิลปะที่กล้าเอาเนื้อเรื่องทั้ง 2 เรื่องคือโดเรม่อนกับ RE มาผสมกัน จนมีแฟนอาร์ทที่ทำออกมาได้อย่างน่าสนใจมากมายใน pixiv

ตัวอย่างแฟนอาร์ทผลงานคุณ モクデン (อ่านว่า โมคุเดน = Mokuden) ที่จับเอาตัวละครซีรี่ย์นี้มาโพสต์ท่าและแปะข้อความคำพูดเท่ๆของตัวละครเหล่านั้นที่ใช้ในเกมนี้ [เราแอบซ่อนคำพูดพวกนี้ไว้ตามเนื้อเรื่องต่างๆด้วย ลองกลับไปตรวจสอบดูก็ได้นะ]

คำแปลภาษาญี่ปุ่น + ไทยโดยท่านเรน (เราไม่ได้แปลเองหมด =w=)


โนบิ โนบิตะ
"ทาโร่ ช่วยรออยู่ที่นี่สักพักนะ.."


โฮเนคาว่า ซูเนโอะ
"ดูเหมือนว่าโรงเรียนนี้ใกล้จะย่ำแย่เต็มทีแล้วล่ะนะ.."


โกดะ ทาเคชิ (ไจแอนท์)
"เลิกโทษตัวเองได้แล้ว จะมีใครตายก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสักหน่อย!"

 
มิโดริคาว่า เซย์นะ
 "อีกสัก 1 นัดเป็นยังไงคะ คุณสัตว์ประหลาด"


มินาโมโตะ ชิสุกะ
 "ถ้าเป็นของเล่นระดับนี้ล่ะก็..จะขอลองใช้จนชินเลยล่ะ"


เดคิสุงิ ฮิเดโทชิ
 "สุดท้ายแล้ว..ขยะ ก็คือ ขยะ ไม่ใช่ศัตรูของอัจฉริยะอย่างผมหรอก "


โอกะ เคนจิ
"โนบิตะ.... ฝากดูแลทาโร่ด้วยนะ"


ยามาดะ ทาโร่
"ผมจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว" 


อีกทั้งความนิยมของเกมนี้ก็ถูกนำมาสร้างเป็นภาคใหม่หลายๆภาคด้วยกัน โดยเฉพาะภาคมุดะนิไคโซวบัง (無駄に改造版 - Muda ni Kaizouban) แต่จะรู้จักกันในชื่อภาคมุริโนะไน ไบโอ (無理のないバイオ - Muri no Nai Bio) ที่มีการปรับแต่งเขียนเนื้อเรื่องขึ้นมาใหม่จนเป็นที่โดนใจหลายๆคน จนคุณ diodio จาก pixiv นำไปวาดเป็นการ์ตูนโดจินซีรี่ย์ยาว ที่คุณ jinoga นำไปแปลเป็นภาษาไทยลงใน nekopost ด้วย ซึ่งเนื้อหานี้จะขอกล่าวถึงในบทความต่อไป




ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามบทความของเรามาโดยตลอด ทางเราก็ขอจบการเขียนเนื้อหาภาคออริจินอล + รีเมคแต่เพียงเท่านี้

ทุกท่านสามารถอ่านบทความต่อไปได้ที่เนื้อหาเกมในภาคต่อไปซึ่งก็คือ

โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban

แสดงความเห็นบน Facebook!

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น