" />

วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 7.5] - เนื้อหาในเกมที่ตัดออกไป

เนื้อหาในบทความนี้เป็นเนื้อหาที่แยกย่อยมาจากบทความนี้ >> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 7]

ซึ่งกล่าวถึงเนื้อหาส่วนหลังในคลิปนี้


ที่เราไม่ได้พูดถึงในบทความที่แล้ว เนื่องจากเราต้องการเขียนให้เนื้อเรื่องของตัวเกมนั้นเชื่อมต่อกับโดจินซีรี่ย์ที่ท่าน diodio เป็นคนเขียน



จึงได้นำเสนอเฉพาะบางส่วนที่ต่อเนื่องกัน และส่วนที่ดูไม่ค่อยเข้ากันเราก็จะไม่เอามาทำต่อเนื่องกัน เนื่องจากว่าเนื้อหาของเกมส่วนที่ต่อจากบทความที่แล้วที่ตัดออกไป ดูแล้วจะรู้ว่า ประธานนักเรียนหญิงมิโดริคาว่า เซย์นะ ที่เป็นนางเอกซีรี่ย์นี้แทนชิสุกะ เว่อร์เหนือมนุษย์มากกว่าโนบิตะเสียอีก แต่ถึงยังไงมันก็เป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งของเกมที่เราจะทิ้งไปเลยก็ไม่ได้เหมือนกัน เราเลยเอามาเขียนแยกเป็นอีกบทความหนึ่งเสียเลย



ประธานสภานักเรียนเซย์นะโซโล่เดี่ยว หลบซอมบี้! หนีฝูงหมา! ฆ่าฮันเตอร์!!!!


หลังจากที่โนบิตะ โดราเอม่อน และยาสุโอะร่วมมือกันปราบกิ้งก่ายักษ์ไบโอเกลลัสที่สนามหลังโรงเรียนได้ จึงได้เปิดทางให้พวกเขาและพวกเพื่อนๆที่เหลือสามารถเดินทางต่อไปยังเส้นทางหนีบนภูเขาหลังโรงเรียนได้เพื่อที่จะหลบหนีออกจากโรงเรียนซึ่งตอนนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับพวกเขาแล้ว



เส้นทางนี้คือเส้นทางที่พวกเขาจะใช้เป็นเส้นทางหนีพวกซอมบี้ในโรงเรียน ถึงแม้พวกเขาจะดูหวั่นๆกับเส้นทางที่ต้องฝ่าฝนบวกกับความน่ากลัวยามค่ำคืนของป่าภูเขาบ้างแต่พวกเขาต้องไม่เป็นไรแน่ โนบิตะเชื่อเช่นนั้น






แต่ทว่าก่อนที่พวกเขาจะเคลื่อนพลต่อไป โนบิตะก็รู้สึกวูบ สติเริ่มเลือนลาง เขาตระหนักได้ว่า พิษของกิ้งก่ายักษ์ที่เล่นงานเขาเริ่มส่งผลต่อร่างกายเขาแล้ว



ในช่วงที่โนบิตะวูบลงนั้น เพื่อนทุกคนต่างแสดงอาการตกใจกันยกใหญ่

"ไม่เป็นไรใช่ไหม โนบิตะ เกิดอะไรขึ้น!!"


โดราเอม่อนรีบตรวจสอบอาการของโนบิตะจึงได้บอกออกมาว่า ดูเหมือนแรงช๊อกจากพิษที่เข้าทางบาดแผลจะทำให้อ่อนแรงน่ะ ถ้าได้พักสักหน่อยก็คงจะดีขึ้น


เดคิสุงิได้ยินดังนั้นจึงรู้สึกดีใจที่ว่า ถ้าเป็นแค่อาการที่เกิดจากพิษของกิ้งก่านั้น แค่ยาห้ามเลือดจากห้องพยาบาลที่เคยช่วยชีวิตยาสุโอะไว้ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งพวกเขาโชคดีมากที่พวกชิสุกะหยิบมันออกมาด้วย






แต่เดคิสุงิเองก็เริ่มคิดหนักกับปัญหาต่อไปที่ชิรามิเนะจะพูดออกมา เพราะว่า สถานที่ตรงที่พวกเขาอยู่ตรงนั้นไม่ค่อยจะเหมาะแก่การพักเท่าไหร่นักหรอก เพราะว่าบริเวณเส้นทางบนภูเขาเช่นนี้ไม่รู้จะมีอันตรายโผล่ออกมาจากตรงไหนบ้างก็ไม่รู้ แถมฝนก็ตกลงมาอีก


นอกจากนั้นเพื่อนคนอื่นที่อยู่ในกลุ่มก็ดูท่าทางอิดโรยกันเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นไจแอนท์กับซูเนโอะที่ต่อสู้กันมาตลอดโดยไม่ค่อยได้หยุดพัก ยาสุโอะกับเดคิสุงิที่พึ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บสาหัส โนบิตะที่สติเริ่มเลือนลางจากพิษ โดราเอม่อนที่อยู่ในสภาพย่ำแย่ที่ต้องต่อสู้และคอยระวังหลังให้โนบิตะตลอด อีกทั้งชิสุกะเองก็ยังไม่หายบาดเจ็บที่ขา ดังนั้นคนที่ยังพอมีแรงเหลืออยู่ก็มีเพียง 2 คนเท่านั้น ซึ่งก็คือ ชิรามิเนะรุ่นพี่ปี 6 ที่ยังพอมีแรงเหลือเยอะกว่ารุ่นน้องคนอื่น กับเซย์นะที่ไม่ค่อยได้ออกไปต่อสู้ในแนวหน้าสักเท่าไหร่ ซึ่งในตอนที่ทุกคนสภาพย่ำแย่นั้น เซย์นะจึงได้อาสาว่า จะไปส่องต้นทางข้างหน้าสักหน่อย


คำพูดของเซย์นะทำเอาทุกคนตกใจกันยกใหญ่


เซย์นะบอกว่าตอนนี้ทุกคนคงเริ่มถึงขีดจำกัดแล้ว และเหลือแค่ตนกับชิรามิเนะเท่านั้นที่ยังพอมีแรงเหลืออยู่ เธอรู้สึกขอบคุณทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือเธอมาโดยตลอดและอยากตอบแทนทุกคนโดยการออกไปสำรวจเส้นทางบ้าง และเธอก็ได้ฝากให้ไจแอนท์กับชิรามิเนะช่วยดูแลเพื่อนๆทุกคนที่อยู่ตรงนี้ให้หน่อย


เมื่อได้ยินดังนั้น เดคิสุงิกับซูเนโอะจึงได้ค้านหัวชนฝาพร้อมกับบอกว่า ไปคนเดียวมันตรายมาก





แต่เซย์นะก็ยังยืนยันพร้อมกับบอกว่า ไม่ต้องห่วงเธอดูแลตัวเองได้ เหมือนกับหนีพวกแฟนคลับที่ชอบไล่ตามเธอนั่นแหละ (เนื่องจากเซย์นะเป็นประธานนักเรียนที่โดดเด่นและน่ารักทำให้มีแฟนคลับติดตามบ่อยแต่เธอก็ใช้ทักษะการเอาตัวรอดที่เก่งกาจสามารถหลบหนีแฟนคลับได้ทุกครั้ง << เรื่องนี้เดคิสุงิกับซูเนโอะเปิดเผยออกมาทีหลัง)





แล้วชั่วพริบตา เซย์นะก็วิ่งฝ่าสายฝนนำออกไปจนชิรามิเนะตามไม่ทัน ทำให้เขาบ่นออกมาอย่างหัวเสียว่า ยัยนั่นชอบทำอะไรตามใจตัวเองอยู่เรื่อย.. แต่เขาก็ไม่คิดที่จะตามไปเพราะเขาตระหนักดีว่า เขาเองนั้นมีหน้าที่สำคัญอยู่นั่นคือการปกป้องเหล่ารุ่นน้องที่ต่างบาดเจ็บ เมื่อยล้าและต้องการการพักผ่อนอยู่บริเวณนั้น...บนเส้นทางเดินบนภูเขาหลังโรงเรียน


ทางด้านเซย์นะ...ที่เดินนำหน้าออกมาคนเดียวนั้น เธอเองก็รู้สึกกลัวกับบรรยากาศรอบข้างไม่น้อย แต่เธอก็ได้ให้กำลังใจกับตัวเองพร้อมกับบอกตัวเองว่า เธอเป็นถึงประธานสภานักเรียนที่จะต้องมีหน้าที่ปกป้องและพานักเรียนคนอื่นๆให้ไปยังที่ปลอดภัยให้ได้ เธอจึงมุ่งมั่นตัดสินใจออกสำรวจเส้นทางล่วงหน้าท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำทันที


ซึ่งการสำรวจนั้นช่างเว่อร์มาก เพราะเธอต้องวิ่งฝ่าฝูงหมานรกเคลเบรอส (Cerberus) นับสิบบนเส้นทางแห่งนั้นเพียงตัวคนเดียว (แถมยังรอดมาได้ด้วย)


และพอไปถึงจุดๆหนึ่ง เธอก็พบว่าเส้นทางออกที่เป็นทางลงภูเขานั้นถูกดินถล่มต้นไม้ล้มขวางทางเสียแล้ว


แต่แล้วเธอก็สังเกตเห็นเส้นทางอีกเส้นทางหนึ่งที่มีป้ายติดไว้ว่า "ห้ามเข้า พื้นที่ส่วนบุคคล" ทำให้เธอรู้สึกสงสัยมากจึงได้เดินเข้าไปสำรวจ


ตามเส้นทางนั้นเธอได้พบฝูงซอมบี้มากมายทำให้เธอต้องวิ่งฝ่าพวกมันด้วยตัวคนเดียวท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ


จนถึงสถานที่แห่งหนึ่ง เธอก็พบศพผู้ชายสวมชุดคนงานที่น่าสงสัยและในมือของเขานั้นก็ถือบันทึกอะไรบางอย่างอยู่


เนื้อหาในบันทึกหลักๆเท่าที่อ่านและจำใจความได้ดูเหมือนว่าชายคนนี้กำลังกล่าวโทษ บริษัทที่มีชื่อว่า "อัมเบรล่า" บริษัทเวชภัณฑ์ชื่อดังที่พึ่งมาเปิดสาขาที่ญี่ปุ่นเมื่อไม่นานมานี้


หลังจากนั้นเซย์นะจึงได้เดินสำรวจเส้นทางต่อทั้งฝ่าฝูงซอมบี้และหนีฝูงหมาตามทางมา จนสลัดพวกมันหลุดไปได้หมด เธอเดินไปเรื่อยๆ และก็ได้ยินเสียงเหมือนตัวอะไรบางอย่างครางออกมาอย่างน่ากลัว


พอเธอเดินมาตามทางสักพัก โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น พอเธอหยิบมันขึ้นมาก็พบว่าคนที่โทรมาคือไจแอนท์นั่นเอง


ไจแอนท์โทรมาเพื่อบอกให้เธอรีบกลับมารวมกลุ่มกับพวกเขาได้แล้วเพราะตอนนี้พวกเขาเองก็ได้พักเหนื่อยกันมาบ้างแล้ว และยิ่งปล่อยไว้นานตัวเซย์นะจะยิ่งมีอันตรายเอง แต่เซย์นะกลับบอกมาว่าจะขอเดินสำรวจล่วงหน้าต่อไปอีกสักนิดนึง ก่อนที่จะวางสายไป


เซย์นะได้เดินทางต่อไปจนกระทั่งเธอได้เห็นกับอาคารขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางภูเขาหลังโรงเรียน ซึ่งเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย


แต่สิ่งที่เธอต้องตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ สิ่งที่ยืนอยู่ข้างหน้าทางเข้าตัวอาคารมีสัตว์ประหลาดสีเขียวดูน่ากลัวตัวหนึ่งดักรอเธออยู่ ซึ่งมันก็คือ 1 ในอาวุธชีวภาพ ฮันเตอร์ (Hunter) นั่นเอง


มันค่อยๆเดินย่างกรายมาหาเซย์นะเรื่อยๆ และดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้มาดีเสียด้วย


หลังจากนั้นเซย์นะจึงได้ใช้ปืนพกที่เธอถืออยู่ต่อสู้กับฮันเตอร์ตัวนั้นทันที เธอต่อสู้กับมันด้วยความยากลำบากเพราะมันเป็นสัตว์ประหลาดที่รวดเร็ว ว่องไว แถมยังมีพละกำลังที่น่ากลัวด้วย แต่สุดท้ายเธอก็สามารถปราบมันได้ (ด้วยปืนพก!!!)


แต่หลังจากที่ปราบได้ไม่นานเธอก็พบว่ามีอะไรบางอย่างกำลังออกมาจากพุ่มไม้


ฮันเตอร์ตัวที่สองจึงได้ปรากฏตัวออกมา ทำให้เซย์นะต้องต่อสู้กับฮันเตอร์อีกครั้ง


และท้ายที่สุดเซย์นะก็สามารถเอาชนะฮันเตอร์อีกตัวได้


 หลังจากที่เธอฆ่ามันได้สำเร็จ เธอถึงกับนั่งลงด้วยความเข่าอ่อน


เพราะตอนที่สู้กับฮันเตอร์เมื่อสักครู่นี้ เธอรู้สึกกลัวมาก


หลังจากนั้นเธอจึงตัดสินใจโทรบอกให้คนอื่นรู้สถานที่ที่เธออยู่ทันที


ทุกคนจึงได้มารวมตัวกันที่อาคารแห่งนี้ ซึ่งเซย์นะได้อ่านป้ายชื่อแล้วพบว่า สถานที่แห่งนี้คือ บ้านพักคนงาน ซึ่งทุกคนก็ประหลาดใจไม่ต่างกับเซย์นะเลยว่ามีสถานที่แห่งนี้อยู่ด้วย





หลังจากนั้นทุกคนจึงได้เข้าไปในสถานที่แห่งนั้น แต่ปรากฏว่าภายในบ้านพักนั้นกลับเต็มไปด้วยพวกซอมบี้มากมาย ทำให้พวกเขาต้องต่อสู้กับพวกมันสักพักก่อนที่จะหาห้องที่ปลอดภัยเข้าไปหลบอยู่ข้างในได้สำเร็จ



จบในเนื้อหาส่วนที่ 7.5 ซึ่งอันที่จริงเนื้อเรื่องตอนที่เปลี่ยนบทจากโนบิตะมาเป็นเซย์นะนั้นก็มีอยู่ในตัวโดจินด้วยเช่นกัน เนื่องจากโนบิตะตัวเอกหลักนั้นเริ่มอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าจากการต่อสู้จากกิ้งก่ายักษ์


แต่ในตัวเกมนั้นจะเปลี่ยนตัวตั้งแต่ตอนที่อยู่บนเส้นทางบนภูเขาหลังโรงเรียนเลย ซึ่งถ้าหากลองคิดตามสภาพความเป็นจริงแล้ว มันค่อนข้างที่จะไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่หากมองดูปัจจัยหลายๆอย่าง

- พวกเขาต้องรีบหาทางหนีออกให้ห่างจากโรงเรียนให้ได้มากที่สุดหรือต่อให้มีคนเจ็บก็ต้องทนแบกกันไป ซึ่งน่าจะปลอดภัยกว่า

- บริเวณภูเขาหลังโรงเรียนนั้นเป็นเขตที่มีพวกสุนัขกินเนื้อเคลเบรอสอยู่เต็มไปหมด หากเป็นสถานการณ์จริงๆ การวิ่งหาทางหนีไป พร้อมกับยิงไปจึงเป็นวิธีที่ดูมีสมเหตุสมผลมากกว่านั่งรวมกลุ่มกันเยอะๆแล้วมีคนเฝ้า เพราะว่ากระสุนที่แต่ละคนมีนั้นมีอยู่อย่างจำกัด แล้วยิ่งสถานที่ที่เป็นอันตราย ทั้งป่าภูเขา ทั้งฝนตกแล้ว มันไม่ใช่สถานที่ที่ควรนั่งพักเลยแม้แต่น้อย

- เซย์นะเทพมาก สามารถฝ่าฝูงซอมบี้(อันนี้ไม่แปลก) ฝ่าฝูงเคลเบรอส(แปลกมาก วิ่งหนีหมาบ้าจนพ้นได้!!) แถมยังปราบฮันเตอร์ด้วยปืนพกธรรมดาอีกต่างหาก แล้วยังมีเวลาพักอีก!!! ขนาดพวกหน่วย S.T.A.R.S ในเกม RE1 ยังทำไม่ได้เลย ดังนั้นความรู้สึกตรงนี้เลยขัดแย้งพอสมควร จึงปรับเนื้อเรื่องให้เซย์นะแยกทางกับพวกโนบิตะในบ้านพักเลยจะดูสมเหตุสมผลและตรงมากกว่า

**อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดอาวุธชีวภาพที่ปรากฏตัวออกมา**

1) เคลเบรอส (Kelberos) รหัสประจำตัว MA-39 : อาวุธชีวภาพในรูปแบบของสุนัขที่มีการเพิ่มพลังด้วยที-ไวรัส (T-Virus)  มีความว่องไวในการเคลื่อนที่สูง คนธรรมดาไม่มีทางหนีพ้นหากไม่เข้าสถานที่กำบังที่มิดชิดอย่างบ้านหรืออาคาร ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เซย์นะจะวิ่งหลบหนีพวกมันในป่าได้ - -"


2) ฮันเตอร์ (Hunter) รหัสอาวุธ MA-39 : อาวุธชีวภาพที่เกิดจากการผสมเทียมข้ามสายพันธุ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์เลื้อยคลานที่มีการเพิ่มพลังด้วยที-ไวรัส (T-Virus) มีกงเล็บที่แหลมคม และการเคลื่อนที่ที่คล่องแคล่ว ตามร่างกายมีเกล็ดที่แข็งแกร่งและหนาพอที่จะทนต่อแรงกระแทกได้ (ดังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะใช้ปืนพกธรรมดาต่อสู้กับมัน)


แต่เซย์นะที่เป็นผู้หญิงธรรมดา (ยังไม่มีคุณสมบัติพิเศษแบบโนบิตะ) กลับวิ่งฝ่าฝูงเคลเบรอสและเอาชนะฮันเตอร์ด้วยปืนพกได้นี่.... อืม....

แสดงความเห็นบน Facebook!

2 ความคิดเห็น :