" />

วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 7]

เนื้อหานี้เป็นเนื้อเรื่องส่วนที่ 7 ควรอ่านเนื้อเรื่องส่วนที่ 6 มาก่อนในนี้ >> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 6]

เนื้อหาส่วนที่ 7 โดยหลักๆจะเป็นเนื้อหาในคลิปนี้


แต่เราจะไม่เขียนเนื้อเรื่องตามคลิปของเกมทั้งหมด เนื้อหาในบทความนี้จะมีการเขียนแบบประยุกต์และเรียบเรียงเนื้อเรื่องใหม่ระหว่างตัวเกมกับโดจินที่มีเนื้อหาต่อเนื่องกัน ซึ่งคอยติดตามกันตอนต่อไปว่าเราจะเขียนยังไง


มุ่งหน้าไปยังเส้นทางบนภูเขาหลังโรงเรียน


 ความเดิมตอนที่แล้วจากบทความที่ 6 โนบิตะได้เดินกลับมารวมกลุ่มกับเพื่อนๆที่ห้องพยาบาลอีกครั้ง โดยในตอนนี้ยาสุโอะกับเดคิสุงิที่เคยนอนบาดเจ็บอยู่บนเตียงได้หายกลับมาเป็นปกติแล้ว






ไจแอนท์จึงทักขึ้นมาก่อน

"ทีนี้ก็ครบทุกคนแล้วสินะ"





ส่วนทางด้านโนบิตะนั้นก็รู้สึกดีใจที่ได้เห็น 2 สาวสมาชิกในฮาเร็ม ชิสุกะกับเซย์นะปลอดภัยดี

"ชิสุกะจัง เซย์นะซัง ดีจังเลยที่ไม่เป็นอะไร"




"ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง"

ชิสุกะกล่าวตอบกลับมา



"เฮ้...ก็พวกเราเป็นเพื่อนกันก็ต้องช่วยกันอยู่แล้วล่ะ"

ไจแอนท์พูดออกมาอย่างอารมณ์ดี




"อืม อย่างที่ไจแอนท์พูดแหละนะ"

โดราเอม่อนพูดเสริม




ยาสุโอะได้มองไปรอบห้องก่อนที่จะถามขึ้นมาว่า..

"เอ๊ะ? แล้วเจ้าซูเนโอะกับรุ่นพี่ปี 6 คนนั้นหายไปไหนแล้วล่ะ"




ไจแอนท์ตอบกลับมาว่า..

"ทั้งสองคนนั่นกำลังดูต้นทางภายในโรงเรียนให้อยู่"




แล้วตอนนั้นเองที่เซย์นะจึงได้พูดขึ้นมาว่า..

"เอ่อ ขอถามอะไรสักอย่างได้ไหมคะ"




"หืม?"



"เอ่อ... คนที่ใส่ชุดสีฟ้าคนนี้"

แล้วเธอก็หันหน้าไปมองทางโดราเอม่อน

"ไม่ทราบว่ามีใครอยู่ข้างในหรือเปล่าคะ?"



หลังสิ้นสุดคำถามนั้น โดราเอม่อนถึงกับอึ้งกิมกี่...




 ไจแอนท์พยายามหาคำพูดที่ใช้ทำความเข้าใจก่อนที่พูดออกมา

"เอ่อ.มันก็..  เซย์นะพึ่งจะเคยพบกับโดราเอม่อนครั้งแรกนี่นะ"


  


"เจ้าหมอนี่ชื่อโดราเอม่อนน่ะ เป็นหุ่นยนต์ที่ที่คอยดูแลเจ้าโนบิตะมันอยู่"

ไจแอนท์พยายามอธิบาย



"หะ...หุ่นยนต์เหรอคะ!?"

เซย์นะรู้สึกตกใจมาก




"อือ หุ่นยนต์รูปร่างแมวที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 22 น่ะ แล้วเดินทางย้อนเวลามาน่ะ  รู้แค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก"

เดคิสุงิพยายามพูดเสริมพร้อมกับคำพูดตัดบท




"ระ..รูปร่างแมว...เหรอคะ?"




เซย์นะเงียบไปสักพักก่อนที่จะหลุดปากพูดออกมาด้วยความสงสัยว่า..

"ถ้าไม่บอกเราคงนึกว่าเป็นตัวทานูกิ..."


**อันที่จริงแล้วถ้าแปลญี่ปุ่นตรงตัวเซย์นะจะพูดว่า "ไม่เห็นจะมีหูเลย" แต่สำหรับมุกคนไทยแล้ว เราคิดว่าถ้าหากใช้สำนวนว่าโดราเอม่อนเหมือนตัวทานูกิมันน่าจะทำให้โดราเอม่อนจี๊ดมากกว่า **




 เมื่อได้ยินดังนั้นโนบิตะจึงรีบพูดเตือนออกมาทันที

"หวา!!! อย่าพูดเรื่องนั้นนะ!"




หลังจากที่ได้ยินคำนั้น โดราเอม่อนก็เริ่มเปลี่ยนสีหน้าเป็นใบหน้าที่ดูชั่วร้ายสุดๆ (ประมาณว่า "ฆ่ายัยนี่ทิ้งซะเลยดีไหมเนี่ย")




ดูเหมือนว่าเรื่องการพูดว่าโดราเอม่อนเหมือนตัวทานูกินั้นจะเป็นแผลทางใจสำหรับเขาพอสมควรถึงทำให้ เขาแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมา ทำเอาเพื่อนที่อยู่บริเวณนั้นต่างตกใจกันถ้วนหน้า





เมื่อได้เห็นดังนั้นเซย์นะเองจึงก้มหน้าพร้อมกับพูดออกมาว่า


"ขะ...ขอโทษค่า!!"




หลังจากที่เซย์นะเอ่ยขอโทษออกมาโดราเอม่อนก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าปกติ พร้อมกับหัวเราะออกมาว่า..

"น่าน่า.. เรื่องแบบนั้นน่ะช่างมันเถอะ อย่าไปคิดมากเลยนะ ฮะๆๆ"

 


โนบิตะยังพูดเสริมไปอีกว่า..

"ยังไงก็แล้วแต่ โดราเอม่อนก็เป็นเพื่อนพวกพ้องของเราที่ไว้ใจได้ดีเลยล่ะนะ ถึงจะพึ่งไม่ได้ในบางเรื่องก็เถอะ"



"เอ่อ ไม่ต้องพูดถึงขนาดนั้นก็ได้นะโนบิตะคุง" หลังจากนั้น เขาจึงหันมาทางเซย์นะพร้อมกับพูดว่า


"ยินดีที่ได้รู้จักนะ เซย์นะซัง"


"จะ..จ้ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน ขอฝากตัวด้วยนะคะ"


เซย์นะเองจึงได้ยิ้มทักตอบแต่ก็ยังไม่หายสงสัยอยู่ดีแต่ก็คงถามอะไรไม่ได้มาก เธอจึงได้แต่แอบคิดอยู่ในใจ

(เอ่อ ไม่มีคนอยู่ข้างในนั้นจริงๆเหรอ?)




(อาห์ นี่ฉันคงต้องทำตัวให้ชินกับเรื่องประหลาดๆนี่สักทีสินะ)




ซึ่งเนื้อหาตอนที่เซย์นะตกใจตอนที่พบเจอกับโดราเอม่อนครั้งแรกนั้นก็เกิดขึ้นในโดจินด้วย


แล้วก็ตอนอธิบายให้เซย์นะรู้จักกับโดราเอม่อนว่าเป็นหุ่นยนต์แมวจากศตวรรษที่ 22 นั้น ในโดจินก็ได้เขียนมุกนี้ไว้ที่แก๊กการ์ตูนท้ายตอน




หลังจากที่อธิบายเรื่องโดราเอม่อนกับเซย์นะไปจนจบ ทันใดนั้นซูเนโอะก็ได้โผล่พรวดเข้ามาในห้องพยาบาลด้วยสีหน้าตื่นตระหนก พร้อมกับแจ้งข่าวร้ายให้ทุกคนทราบว่า..


ตอนนี้ทุกคนกำลังตกอยู่ในเหตุวิกฤติแล้ว ตอนที่เขาสังเกตการณ์อยู่บนชั้น 4  เขาก็พบว่าตอนนี้ที่หน้าประตูโรงเรียนนั้นเต็มไปด้วยฝูงซอมบี้จำนวนมหาศาลเต็มสนามที่กำลังพังประตูใหญ่เข้ามาแล้ว คงกันได้อีกประมาณ 5 นาที 


แถมที่ด้านหลังโรงเรียนตรงบริเวณทางออกที่ใช้เดินทางไปยังภูเขาหลังโรงเรียนที่นั้นก็มีกิ้งก่ายักษ์ขวางทางอยู่ด้วย


ซูเนโอะยังบอกอยู่อีกว่าตอนนี้ชิรามิเนะกำลังต่อสู้ถ่วงเวลากับกิ้งก่ายักษ์นั้นอยู่ ขอให้พวกเขารีบไปสมทบโดยด่วน


เมื่อได้ยินดังนั้นโนบิตะจึงบอกว่า ถ้ายังงั้นก็ไม่มีทางหนีน่ะสิ!!


ในขณะที่ทุกคนกำลังตื่นตระหนก ไจแอนท์จึงได้บอกให้ทุกคนใจเย็นก่อน พร้อมกับเตรียมออกคำสั่งให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่



เขาบอกให้พวกผู้หญิง (ซึ่งมีอยู่ 2 คนได้แก่ ชิสุกะ กับเซย์นะ) ช่วยเตรียมพวกเสบียงและอุปกรณ์เครื่องมือที่จำเป็นสำหรับทุกคนให้เรียบร้อย พวกเขาจะทำการย้ายหนีไปยังเส้นทางบนภูเขาหลังโรงเรียนกัน


เซย์นะกับชิสุกะรับทราบภารกิจของพวกเธอ จึงได้ตอบรับออกมา
"เข้าใจแล้วค่ะ"
"รับทราบ"






ส่วนยาสุโอะกับเดคิสุงินั้นให้ไปจัดการเรื่องการนำคีย์การ์ดพาสโค้ด(ที่โนบิตะรวบรวมมา)ไปที่ห้องควบคุมเพื่อใช้ปลดล๊อคประตูรักษาความปลอดภัยเพื่อเปิดประตูนิรภัยด้านหลังซึ่งเป็นเส้นทางหนีสำหรับพวกเขา (สาเหตุที่ให้เดคิสุงิไปเพราะว่า ตัวระบบนั้นมีความซับซ้อนมากจำเป็นต้องใช้คนที่มีความฉลาดในการจัดการ)


"รับทราบ จะลองทำดู"



"เฮ้อ..คงจะปล่อยให้เจ้าเดคิสุงิไปคนเดียวไม่ได้สินะ ได้เลยฉันจะคุ้มกันให้"




จากนั้นไจแอนท์ก็ทำสีหน้าเครียดพร้อมกับบอกคนที่เหลืออีก 4 คนที่เหลือ (ซึ่งได้แก่ตัวเขาเอง ซูเนโอะ โนบิตะ และโดราเอม่อน) ว่า..พวกเขาจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มที่จะไปปราบหรือคอยถ่วงเวลาพวกศัตรูให้ทุกคนหนีไปให้ได้


ซึ่งแน่นอนว่า ซูเนโอะนั้นขอไปกับไจแอนท์



โดราเอม่อนขอไปกับโนบิตะ



และตอนนั้นเองไจแอนท์จะถามว่า โนบิตะอยากจะจัดการทางด้านไหน (ซึ่งในเกมนั้นจะมีคำสั่งให้เลือกได้ระหว่าง กิ้งก่ายักษ์ที่ด้านหลังโรงเรียน กับคอยถ่วงเวลาพวกซอมบี้ที่อยู่หน้าโรงเรียน)


ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าต้องการเล่นเกมให้เข้ากับเนื้อเรื่องมากที่สุด โนบิตะก็ต้องเลือกต่อสู้กับกิ้งก่ายักษ์ทางด้านหลัง (ต่อสู้กันมาหลายครั้งแล้วทำให้เป็นทางเลือกที่ดีกว่า)



ไจแอนท์จึงบอกว่า ถ้างั้นเรื่องกิ้งก่ายักษ์ให้กลุ่มโนบิตะจัดการ พร้อมกับคอยย้ำอีกครั้งว่า อย่าประมาทมันเด็ดขาดเพราะโนบิตะเกือบตายเพราะมันมาถึง 2 ครั้งแล้ว



ซูเนโอะยังพูดแถมอีกว่า อย่าตายนะโนบิตะ นายต้องร่วมมือกับคนอื่นๆในการจัดการมันให้ได้



 โนบิตะจึงได้ตอบอย่างแน่วแน่ว่า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขาเอง เขานี่แหละจะเป็นคนปิดฉากมันเอง นี่คงจะเป็นการเผชิญหน้าระหว่างเขากับมันเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว และเขาจะไม่ปล่อยให้มันหนีรอดไปได้เด็ดขาดและอีกอย่างคือ เขาเคยเผชิญหน้ากับมันมาถึง 2 ครั้งแล้ว ย่อมมีประสบการณ์ในการต่อสู้กับมันดีกว่าคนอื่นแน่นอน เขาจะไม่พลาดอีกเป็นครั้งที่ 3



 


อีกทั้งโดราเอม่อนยังบอกเสริมว่า ถ้าเรื่องต่อสู้ล่ะก็ เขาจะเป็นคนคอยช่วยโนบิตะยิงสนับสนุนจากทางด้านบนของอาคารเอง



 แต่โนบิตะก็แอบแซวว่า แล้วถ้าหากมีหนูซอมบี้โผล่ออกมา จะไม่ตกใจแน่เรอะ



โดราเอม่อนก็แอบต่อว่าโนบิตะเล็กๆว่า นี่ยังจะมาล้อเล่นแบบนี้อีกเรอะโนบิตะคุง (แต่ถึงอย่างนั้นคำพูดของโนบิตะก็ทำเอาโดราเอม่อนรู้สึกหวั่นๆนิดๆเหมือนกันว่า ถ้าหนูซอมบี้มันโผล่มาจริงๆล่ะ...)


หลังจากที่แบ่งภารกิจเรียบร้อย ไจแอนท์จึงได้บอกให้ทุกคนแยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่ได้ ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ของตนให้เร็วที่สุดและกลับมารวมตัวกันอย่างปลอดภัย





โนบิตะจึงได้รีบมุ่งหน้าไปยังด้านหลังของโรงเรียน ส่วนโดราเอม่อนนั้นได้ขึ้นไปบนอาคารเรียน ซึ่งที่ข้างบนอาคารเรียนนั้นโดราเอม่อนก็พบกับชิรามิเนะพอดี ซึ่งเขาบอกว่าตัวเขาได้มาหลบตรงนี้คอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่และลงไปต่อสู้ไม่ได้เพราะกระสุนของเขาหมดพอดี


หลังจากที่โนบิตะเดินออกมาทางอาคารหลังโรงเรียนเพียงลำพัง เขาก็พบว่าตอนนี้ฝนได้ตกหนักลงมาพอดี และที่กลางลานกว้างด้านหลังโรงเรียน เขาก็พบกับโจทก์เก่า กิ้งก่ายักษ์สีเขียวไบโอเกลลัส อีกครั้ง  ตอนนี้แหละที่เขาจะทำให้เรื่องมันจบๆไปเสียที

 


การต่อสู้ระหว่างโนบิตะ กับกิ้งก่ายักษ์จึงได้เริ่มขึ้นท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ โดยมีโดราเอม่อนคอยยิงสนับสนุนจากทางด้านบน โนบิตะได้ใช้ทักษะในการเอาตัวรอดทั้งหมดหลบการโจมตีของกิ้งก่ายักษ์พร้อมกับสาดกระสุนปืนพกใส่มันให้ได้มากที่สุด



โนบิตะสามารถหลบการโจมตีของมันได้หลายครั้ง เนื่องด้วยประสบการณ์ในการเผชิญหน้ากับมันมาหลายครั้งทำให้โนบิตะสามารถต่อสู้กับมันได้อย่างง่ายขึ้นจนในที่สุดมันก็เริ่มอ่อนแรง


ท้ายที่สุดโนบิตะก็ได้เล็งปืนไปที่ส่วนสมองที่เป็นจุดตายของมัน




แต่ปรากฏว่าเนื่องด้วยทัศนียภาพของสิ่งแวดล้อม ทำให้เขามองไม่เห็นพิษที่พ่นออกมาจากปากมันทำให้ พิษของมันถูกพ่นใส่มือของเขาจนเกิดอาการปวดแสบปวดร้อนและจนเขาทำปืนหลุดมือไป


"บ้าเอ้ย...ปืน.."



ในขณะที่โนบิตะกำลังเข้าตาจน ก็ได้มีเสียงใครบางคนตะโกนแหกปากร้องออกมาจากอาคารเรียน พร้อมกับเปิดประตูออกมาหากิ้งก่ายักษ์

"โอ้วววววววว!!!!!!!"


โนบิตะตกใจมากเพราะคนที่ออกมานั้นก็คือยาสุโอะนั่นเอง แถมเขาถืออะไรบางอย่างไว้ในมือด้วย


"เอานี่ไปแดกซะ ไอ้บ้าเอ้ย!!"



สิ่งที่ยาสุโอะถือมาด้วยมันคือปืนยิงลูกระเบิดที่เรียกว่าเกรเนดลันเชอร์ (Grenade Launcher) นั่นเอง 


เขาได้เล็งปืนกระสุนลูกระเบิดยิงใส่กิ้งก่ายักษ์อย่างต่อเนื่องหลายนัด


แล้วในที่สุดเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงจนฉีกร่างของกิ้งก่ายักษ์แหลกออกเป็นเศษเนื้อเลยทีเดียว ยาสุโอะสามารถปราบกิ้งก่ายักษ์ได้สำเร็จ (โดยที่ไม่ตายเหมือนภาคออริจินอล)


หลังจากนั้นไม่นานทุกคนจึงได้มารวมตัวกันบริเวณทางออกด้านหลังโรงเรียนเพื่อมุ่งหน้าเดินทางต่อไปยังเส้นทางหนีบริเวณภูเขาหลังโรงเรียน



"เจ๋งเป้งไปเลย ยาสุโอะ นายจัดการเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นได้แล้ว"

ไจแอนท์เอ่ยชมยาสุโอะ



"นายเนี่ย มีของดีจริงๆเลยนะ ยาสุโอะ"

ซูเนโอะพูดซ้ำ


 "ฮะฮะ ไม่เท่าไหร่หรอกน่า"



"พวกเราก็ช่วยกันปราบด้วยนะ"

โนบิตะขอร่วมวงด้วย




"อือ ใช่แล้วล่ะ พวกเราสามคนช่วยกันจัดการเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นได้แล้ว"

โดราเอม่อนพูดออกมา



หากแต่ว่า...

"นายนี่ยอดไปเลยนะ ยาสุโอะคุง"

เดคิสุงิกล่าวชมยาสุโอะ



"ทำได้ดีมากเลยนะ ยาสุโอะ"

ชิสุกะเองกล่าวชมยาสุโอะ



"สุดยอดเลยนะคะ ยาสุโอะคุง สามารถช่วยทั้งเดคิสุงิคุงและโนบิตะคุงได้ทั้งสองคนเลยล่ะ"

เซย์นะเองก็ยังคงกล่าวชมกับยาสุโอะ



หลังจากที่ได้ยินทุกคนพูดเช่นนั้น โนบิตะกับโดราเอม่อนก็ทำหน้าแบบว่า...เหมือนกับพวกตนโดนลืมไปแล้วยังไงยังงั้น แถมยังเสี่ยงตายหนักกว่ายาสุโอะอีกต่างหาก (น้อยใจกันเลยทีเดียว)



"โนบิตะคุง เราจะทำการสังหารหมู่กันตรงนี้เลยดีไหม"



และในตอนนั้นเองที่รุ่นพี่ชิรามิเนะก็พูดขัดออกมา

"พวกนายมัวแต่คุยอะไรกันอยู่...ตอนนี้พวกเราต้องรีบไปกันได้แล้วนะ!!"


ยาสุโอะจึงรายงานชิรามิเนะว่า

"เดคิสุงิได้ปลดล๊อคประตูทางออกแล้วครับ ตอนนี้ทุกคนสามารถเดินออกได้แล้ว"




หลังจากนั้นพวกโนบิตะก็ได้เดินมาจนถึงทางเดินบริเวณภูเขาหลังโรงเรียน



ซึ่งเนื้อเรื่องต่อไปนี้ทางเราจะขอเอ่ยถึงเนื้อเรื่องในโดจินแทน

หลังจากที่พวกโนบิตะสามารถจัดการกิ้งก่ายักษ์ไบโอเกลลัสได้ จึงกลับมารวมพลกับพวกไจแอนท์ที่กำลังจะมุ่งหน้าไปยังทางออกซึ่งเป็นทางหนีไปยังภูเขาด้านหลังโรงเรียน ซึ่งในขณะนั้นเป็นเวลาที่ฝนตกหนักพอดี




เมื่อมาถึงที่นัดหมาย ไจแอนท์ ซูเนโอะ ชิสุกะ เดคิสุงิ เซย์นะ โดราเอม่อน โนบิตะ (ถ้าเป็นเกมก็รวมถึงรุ่นพี่ชิรามิเนะ ที่ไม่มีในโดจินด้วย) จึงได้พากันออกเดินทางไปยังเส้นทางภูเขาหลังโรงเรียนเพื่อพากันหลบหนีออกไปจากโรงเรียนที่เต็มไปด้วยซอมบี้




ในระหว่างนั้นเองที่ชิสุกะกับเดคิสุงิรู้สึกได้ว่ามีตัวอะไรบางอย่างกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ และพวกเขาก็พบกับเส้นทางแยกต่างๆมากมาย โดยพวกเขาคิดไว้ว่าจะหาทางลงไปจากเนินเขาเพื่อหาที่ที่ปลอดภัยกว่านี้ แต่ปรากฏว่าเซย์นะได้สังเกตเห็นเส้นทางที่ลงไปยังเนินเขานั้นมีต้นไม้ล้มปิดขวางทางไว้ทำให้พวกเขาไม่สามารถเดินไปต่อได้ง่ายนัก




พวกเขาตัดสินใจอยู่นาน จึงหันไปมองอีกทางแยกหนึ่งก็พบกับป้ายขวางทางที่บอกว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลห้ามเข้าเด็ดขาด และทันใดนั้นเองพวกเขาก็ได้ยินเสียงคำรามพร้อมกับมีตัวอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา ซึ่งก็คือ อาวุธชีวภาพในรูปร่างของสุนัขที่มีชื่อว่า "เคลเบรอส (Kelberos)"




แถมมันยังไม่ได้มาตัวเดียวเสียด้วย ซึ่งเดคิสุงิกับชิสุกะจึงมั่นใจได้เลยว่าเจ้าพวกนี้คือตัวที่จ้องมองพวกเขามาตลอดตั้งแต่เดินออกมาจากโรงเรียน และเนื่องจากว่ามันมีจำนวนมากเกินกว่าที่พวกเขาจะรับไว้ โนบิตะจึงบอกให้ทุกคนวิ่งหนีไปโดยเร็ว




เส้นทางที่พวกเขาหนีไปนั้นคือ เส้นทางที่มีป้ายขวางว่าที่นี่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ซึ่งเป็นทางเลือกสุดท้ายไจแอนท์จึงได้เตะป้ายที่ขวางทางนั้นทิ้งไปพร้อมกับพาทุกคนวิ่งหนีกันไปทางนั้น

(ทางแยกสามทาง ทางหนึ่งคือทางที่พวกเขามา กับทางหนึ่งที่มีต้นไม้ปิดทับดังนั้นทางที่ยังพอไปต่อได้คือทางที่มีป้ายปิดกั้นไว้)




พวกเขาหนีไปด้วยพร้อมกับเอาปืนยิงสกัดพวกมันไปด้วย (เหมือนกับฉากตอนเริ่มต้นเกม RE1 ที่วิ่งหนีหมาตอนแรก) และในที่สุดพวกเขาก็พบว่ามีอาคารแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนภูเขาหลังโรงเรียน



ก่อนที่จะเข้าไปข้างในพวกเขาได้รีบอ่านป้ายชื่อที่ติดอยู่หน้าอาคาร ซึ่งมันเขียนไว้ว่า "บ้านพักคนงาน*"
ซึ่งหลายคนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีบ้านพักขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนภูเขาหลังโรงเรียนแห่งนี้ด้วย

*บ้านพัก อันที่จริงก็เรียกไม่ถูกนัก เพราะในเกมใช้คำว่า [เรียวคัง = 旅館 (Ryokan)] ซึ่งเป็นโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นที่มีลักษณะเป็นเหมือนกับบ้านพักขนาดใหญ่ แต่ส่วนตัวเราไม่ค่อยอยากใช้คำว่าโรงแรมเท่าไหร่นัก


พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นจึงตัดสินใจหนีเข้าไปยังอาคารแห่งนั้นก่อน โดยให้ไจแอนท์เป็นคนนำ พร้อมกับพุ่งเข้ากระแทกไปที่ประตูจนมันเปิดออก แล้วให้พวกผู้ชายที่เข้ามาถึงก่อนยิงสกัดเอาไว้ รอจนกว่าพวกผู้หญิงที่วิ่งช้ากว่ามาถึง




หลังจากที่ทุกคนหนีเข้าไปในอาคารหลังนั้นแล้วจึงได้ทำการปิดประตูล๊อคจากข้างในได้สำเร็จ ในตอนนี้พวกเขาปลอดภัยจากพวกสุนัขข้างนอกแล้ว แต่เดคิสุงิเองก็ยังรู้สึกเจ็บใจที่ว่าทำไมเขาถึงไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีบ้านพักแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขาด้วย




และในตอนนั้นเองที่ดูเหมือนกับว่าทุกคนต่างทำท่าทางอิดโรยเต็มที่ทั้งโดราเอม่อน ไจแอนท์ ซูเนโอะ ที่ต่อสู้กันมาตลอดโดยไม่ค่อยได้พัก ยาสุโอะกับเดคิสุงิก็พึ่งหายจากอาการบาดเจ็บสาหัสก็รู้สึกเพลียและเมื่อยล้า แต่ที่หนักที่สุดคงจะเป็นโนบิตะที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บและติดพิษจากการต่อสู้กับกิ้งก่าได้แสดงผลออกมาอีกแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะนำยาแก้พิษออกมาจากห้องพยาบาลด้วย แต่เขาก็ต้องการการพักฟื้น ชิสุกะเองก็เริ่มปวดข้อเท้าที่เคยหายไปแล้วอีกครั้ง



ซึ่งตอนนี้เหลืออยู่เพียง 2 คนเท่านั้นที่ยังเป็นปกติอยู่ซึ่งได้แก่เซย์นะที่ไม่ค่อยได้ออกตะลุยแบบสมบุกสมบันมากนัก กับชิรามิเนะซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่มีร่างกายแข็งแรงกว่ารุ่นน้องคนอื่นๆ  นั่นจึงเป้นสาเหตุที่ทำให้ชิรามิเนะตัดสินใจที่จะเดินออกสำรวจบ้านพักแห่งนี้โดยทิ้งพวกโนบิตะไว้ในห้องที่ปลอดภัย และเซย์นะเองก็ขออาสาไปเป็นคนช่วยชิรามิเนะสำรวจเส้นทางอีกด้านหนึ่งด้วย ถึงแม้ว่าเดคิสุงิจะห้ามเซย์นะไว้ แต่เธอก็บอกว่าตัวเธอเองนั้นพอที่จะดูแลตัวเองได้ และเธอเองก็อยากจะทำตัวให้เป็นประโยชน์กับพวกเขามากขึ้นด้วย




อีกทั้งชิรามิเนะเองก็รับรองด้วยเหมือนกันว่าถ้าเป็นเซย์นะล่ะก็ เธอดูแลตัวเองได้แน่นอน ตอนนี้ขอให้ไจแอนท์ ซูเนโอะ โดราเอม่อน โนบิตะ เดคิสุงิ ยาสุโอะ พักผ่อนอยู่ในห้องพักที่ปลอดภัยนี้ไปก่อน




 การสำรวจค้นหาความลับของบ้านพักแห่งนี้โดยที่มีชิรามิเนะกับเซย์นะเป็นคนนำจึงได้เริ่มต้นขึ้น และพวกเขาทั้งสองก็ได้ค้นพบกับความลับที่น่ากลัวบางอย่างภายในบ้านพักแห่งนี้เสียด้วย....


หากสังเกตดีๆจะเห็นว่าเนื้อหาช่วงท้ายนั้นเราจะยกโดจินออกมาเล่าเป็นส่วนใหญ่แทนที่จะเป็นเนื้อหาเกมที่มีความต่างกันออกไปโดยเราจะยกเนื้อหาที่ขาดหายไปไว้ในนี้ >> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 7.5] - เนื้อหาในเกมที่ตัดออกไป


บทความนี้จึงขอจบไว้เพียงเท่านี้ กรุณาติดตามอ่านต่อในบทความถัดไป >> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 8]

แสดงความเห็นบน Facebook!

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น