" />

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 8]

เนื้อเรื่องส่วนที่ 8 เป็นเนื้อหาต่อเนื่องจาก >> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 7]

เนื้อหาบทความตั้งแต่บทนี้เป็นต้นไป เราจะมีการผสมเนื้อเรื่องกันระหว่างเนื้อหาในเกมกับโดจิน (โดยรายละเอียดแต่ละส่วนหลักยังคงอิงเนื้อหาในเกม) เนื่องจากตัวโดจินนั้นมีการเก็บรายละเอียดบางส่วนที่มีเนื้อหาละเอียดกว่าตัวเกมมากกว่า


บันทึกความลับของสถานที่แห่งนั้น...



ความเดิมตอนที่แล้วโนบิตะและเพื่อนๆ (ซึ่งได้แก่ โดราเอม่อน ชิสุกะ ไจแอนท์ ซูเนโอะ เดคิสุงิ ยาสุโอะ เซย์นะ และชิรามิเนะ) ได้วิ่งหนีการไล่ต้อนของพวกสุนัขซอมบี้เคลเบรอสเข้าไปยังบ้านพักแห่งหนึ่งบนภูเขาหลังโรงเรียน



ซึ่งเนื้อหาตรงนี้จะเหมือนกับการย้อนกลับไปล้อเลียนฉาก RE1 ตอนหนีหมาเข้าคฤหาสน์อีกครั้ง ซึ่งในภาคออริจินอลจะเล่นเป็นโนบิตะในบทบาทของคริส เรดฟิลด์ แต่ภาคนี้จะเปลี่ยนมาเล่นเป็นเซย์นะรับบทจิล วาเลนไทน์ แทน


หลังจากที่ทุกคนได้หลบหนีเข้ามาอยู่ในห้องที่ปลอดภัยในบ้านพัก เซย์นะได้รับเข้ามาหาโนบิตะซึ่งดูแล้วมีอาการหนักที่สุดเพราะพึ่งได้รับพิษจากกิ้งก่า

"ไม่เป็นไรใช่ไหม โนบิตะคุง"



"อา....อืม ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ ไม่เป็นหรอก"


โนบิตะตอบมาเช่นนั้นเพื่อไม่ให้เซย์นะเป็นห่วงแต่ดูเหมือนว่าใบหน้าของเขานั้นไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดเลย



(แย่ล่ะสิ สีหน้าไม่ดีเลย แถมตอนนี้ดูแล้วทุกคนก็เริ่มถึงขีดจำกัดกันแล้ว)


เซย์นะคิดอยู่ในใจ เธอสังเกตอาการของทุกคนที่อยู่รอบข้างแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาเองก็ดูอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าไม่ต่างจากโนบิตะเลย



แล้วในที่สุดเธอก็ซูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะตัดสินใจพูดออกมา..

"ทุกคน ช่วยฟังทางนี้หน่อย"



เนื้อหาส่วนนี้ตรงกับเนื้อเรื่องในโดจินตอนที่ 4 หน้านี้



"จากนี้ไปฉันจะเป็นคนตรวจสอบสถานที่แห่งนี้เอง ขอให้ทุกคนหยุดพักผ่อนกันที่นี่ก่อนนะ"


"นี่ เธอยังจะ..."

ชิรามิเนะได้บ่นออกมา.


แต่ว่าเดคิสุงิก็รีบชิงพูดตัดหน้าแสดงท่าทีตกใจก่อน

"เซย์นะซัง พูดอะไรออกมาน่ะ การไปคนเดียวมันเป็นเรื่องอันตรายมากนะ!!"



เซย์นะเองจึงบอกกลับมาว่า เพราะตัวเธอเองก็อยากทำประโยชน์ให้กับทุกคนมั่ง (เนื่องจากเธอเป็นคนที่ได้ลุยน้อยที่สุดและไม่บาดเจ็บเหมือนคนอื่น) แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เธอเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว


เนื้อหาจึงตรงกับโดจินในหน้านี้ ที่เซย์นะมั่นใจตัวเองว่า ไม่ต้องเป็นห่วง เธอเอาตัวรอดได้





 และก่อนที่ทุกคนจะเริ่มยอมรับเงื่อนไขนี้ โนบิตะจึงเรียกเซย์นะให้เข้าไปหา พร้อมกับมอบของบางอย่างให้ ถึงแม้ว่ามันจะเล็กน้อยแต่ก็น่าจะมีประโยชน์กับเธออยู่บ้าง
 


สิ่งที่โนบิตะมอบให้คือแม็กกาซีนกระสุนปืนที่สามารถใช้กับปืนของเซย์นะได้


เกร็ดเล็กน้อยเพิ่มเติม
- ปืนพกที่โนบิตะใช้อยู่คือ เบเร็ตต้า (Beretta) ขนาด 9 mm. แบบบรรจุ 15 นัด เป็นปืนอิตาลี
- ปืนพกที่เซย์นะใช้อยู่คือ วอลเตอร์ (Walter) P38 ขนาด 9mm. แบบบรรจุ 8 นัด เป็นปืนเยอรมันที่ใช้ในสงครามโลกครั้งที่สอง


"ขอบคุณมากนะ โนบิตะคุง"


หลังจากที่เซย์นะเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนที่เธอออกจากห้องปรากฏว่าประตูห้องก็ถูกใครบางคนเปิดออกก่อน..


ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มผมเหลืองปรากฏตัวที่หน้าประตู.. 

[ต่อมาภายหลังเราจะทราบชื่อของเขาซึ่งก็คือ "โอกะ เคนจิ"]

เขาพูดด้วยน้ำเสียงตกใจว่า..

"นะ นี่มันอะไรกันเนี่ย!! ทำไมห้องนี้ถึงได้มีซอมบี้เยอะแบบนี้.."



 พอเขาพูดจบ เขาก็หันหลังกลับพร้อมกับจะหนีออกไปข้างนอกแต่ปรากฏว่าเซย์นะได้ร้องทักเขาไว้ก่อน

"ดะ...เดี๋ยวก่อนสิ!!"



"พวกเราไม่ใช่สัตว์ประหลาดเหมือนกับพวกนั้นนะ พวกเราเป็นมนุษย์ธรรมดา"


คำพูดนั้นทำเอาชายหนุ่มผมเหลืองชะงักสักครู่ (พร้อมกับความคิดที่ว่า มีซอมบี้พูดได้ด้วยเรอะ!!) ก่อนที่จะหันกลับมามองพวกเขาเพื่อดูให้แน่ใจอีกครั้ง

"มนุษย์ธรรมดางั้นเหรอ...?"



เขายังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูประหลาดใจอย่างต่อเนื่อง..

"เรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้ยังไง!! ในเมื่อคนที่อยู่ที่นี่ทุกคนจะต้องเป็นพวกซอมบี้ทั้งหมดสิ!!"



คำพูดนั้นทำให้ไจแอนท์สงสัยมากยิ่งขึ้น

"เดี๋ยวก่อนสิ ที่นายพูดเมื่อกี้มันหมายความว่ายังไง?"



เดคิสุงิจึงได้พูดเสริมขึ้นมาว่า..

"นาย...รู้เรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่อย่างนั้นใช่ไหม? ถ้ารู้ล่ะก็ช่วยบอกหน่อยเถอะ"



แต่เขากลับบอกปัดไปว่า..

"ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ล่ะก็ รีบไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ"


ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป พร้อมกับทิ้งความประหลาดใจให้กับพวกโนบิตะ


"อะไรของหมอนั่นนะ เหมือนกับว่าจะรู้อะไรบางอย่างยังงั้นแหละ"

โดราเอม่อนพูดออกมาด้วยความสงสัย




เซย์นะเองก็ได้พูดกับตัวอย่างมั่นใจว่าต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่แน่ๆ



เมื่อได้ยินดังนั้นชิรามิเนะจึงบอกว่า เดี๋ยวเขาจะตามไปตรวจสอบเรื่องของที่เจ้าคนผมเหลืองพูดไว้เมื่อสักครู่นี้เอง


ซึ่งคำพูดของเขานั้นบ่งบอกว่า เขาเองก็จะไปสำรวจที่บ้านแห่งนี้ด้วยเท่ากับว่าเซย์นะอาจจะได้ไปพร้อมกับ..

"ชิรามิเนะคุง"


(คำพูดที่เซย์นะเรียกชิรามิเนะครั้งนั้นบวกกับอธิบายของคนแคสท์เกม บ่งบอกประมาณว่าทั้งสองเคยเป็นแฟนกันมาก่อนและมีเรื่องบางอย่างผิดใจกันทำให้ทั้งสองคนไม่สามารถเข้าหากันได้อีก)


แต่ชิรามิเนะกลับมองเซย์นะพร้อมกับบอกปัดไปว่า เธอคงคิดว่าจะไปกับเขาสินะ แต่เธอคิดผิด เพราะเขาขอแยกไปสำรวจคนเดียว และไม่อยากให้เซย์นะตามมาเกะกะเขา


เมื่อได้ยินดังนั้นเซย์นะจึงทำสีหน้าเศร้าเล็กน้อยและรู้สึกเจ็บปวดลึกๆ



แต่ถึงกระนั้นเขาก็บอกว่า..ยังไงก็แล้วแต่ ถ้าอยากให้เขาช่วยอะไรก็ให้โทรบอกเขาละกัน และบอกย้ำอีกครั้งว่า เขาคงจะไม่ตามไปช่วยเธอได้ตลอดหรอกนะ


หลังจากนั้นชิรามิเนะจึงได้เดินออกจากห้องไป


ซึ่งคำพูดของชิรามิเนะเมื่อสักครู่นี้ทำให้ไจแอนท์รู้สึกไม่พอใจมากเหมือนกับว่าชิรามิเนะทำเรื่องเสียมารยาทกับเซย์นะลงไปที่ไปพูดอะไรทำร้ายจิตใจแบบนั้น



เซย์นะได้แต่นิ่งเงียบ พร้อมกับคิดในใจว่า บางทีชิรามิเนะเองคงยังไม่หายโกรธเธอ..



ท่าทีของชิรามิเนะกับเซย์นะทั้งคู่ต่างก็ทำให้เพื่อนในกลุ่มรู้สึกอดเป็นห่วงไม่ได้ ถึงแม้ว่าสองคนนั้นจะไม่เคยเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาทั้งสองให้ฟังก็ตาม




หลังจากที่ชิรามิเนะออกไปจากห้องแล้วเซย์นะจึงได้ออกจากห้องตามไปเพื่อสำรวจสถานที่แห่งนั้น ซึ่งพบว่าสถานที่แห่งนี้มีซอมบี้เดินเพ่นพ่านตามทางเดินเต็มไปหมด


เซย์นะเดินไล่สำรวจไปทีละห้องพัก จนกระทั่งเธอได้พบกับชิรามิเนะที่ห้องพักห้องหนึ่ง..ดูเหมือนว่าเขากำลังอ่านบันทึกอะไรบางอย่างอยู่ และดูเหมือนว่าท่าทีตอนที่เขากำลังอ่านนั้นเหมือนกับเขารู้ถึงอะไรบางอย่างที่ดูน่ากลัวมาก เพราะเธอสังเกตได้ถึงอาการตกตะลึงของเขา


"ชิรามิเนะคุง เป็นอะไรไปเหรอ?"

เซย์นะจึงตัดสินใจเดินเข้าไปถามชิรามิเนะ


"เอ้านี่...ลองอ่านดูสิ"

ชิรามิเนะก็ได้ส่งสมุดบันทึกที่เขาพึ่งอ่านจบให้เซย์นะดู

"ของแบบนี้น่าคลื่นไส้ชะมัด"


หลังจากนั้นชิรามิเนะก็พูดเพิ่มเติมประมาณว่า ที่แห่งนี้คงลักลอบทำเรื่องแบบนี้มานานแล้วล่ะนะ


คำพูดของชิรามิเนะทำให้เซย์นะสงสัยมากยิ่งขึ้นว่าเขาพูดเรื่องอะไรอยู่


ชิรามิเนะจึงหันมามองเซย์นะด้วยสีหน้าไม่พอใจประมาณว่า..อ่านก่อนแล้วค่อยถาม ถ้ายังไม่อยากตายล่ะก็ลองทำความเข้าใจสิ่งที่อยู่ในบันทึกเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับเรื่องพวกนี้ให้ดีแล้วกัน


ว่าแล้วชิรามิเนะก็เดินออกจากห้องไป


โดยทิ้งเซย์นะที่ยังงงกับท่าทีของเขาไว้เบื้องหลัง และสงสัยว่าเขาเจออะไรกันแน่


หลังจากนั้นเซย์นะจึงตัดสินใจหยิบบันทึกที่ชิรามิเนะส่งมาให้ขึ้นมาอ่านดู


เมื่อเธอได้อ่านบันทึก เธอก็ต้องพบกับเรื่องราวที่ไม่คาดไม่ถึงที่เกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้...

(จะเห็นได้ว่าเนื่อเรื่องเกมนี้จะตรงกับเนื้อหาในโดจินตอนที่ 5 ที่ทางท่าน jinoga ยังไม่ได้แปลออกมาซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันเพิ่มเติมว่าตัวการ์ตูนโดจินที่ถูกวาดขึ้นมานั้นมีการอิงข้อมูลตามเนื้อเรื่องของเกมโดจินภาคนี้นั่นเอง)



ความลับที่น่าสะพรึงกลัวของผู้คนที่กระทำบางอย่างที่นี่...และจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันแสนวิปริตที่เปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบของพวกเขาให้กลายเป็นฝันร้ายสุดสยองที่จะตามหลอกหลอนพวกเขาไปชั่วชีวิต


ข้อความเนื้อหาในบันทึกเราได้ทำการอ่านดูแล้วมึนมากบวกกับทักษะภาษาญี่ปุ่นของเราเข้าขั้นกากมากทำให้อาจจะแปลออกมาได้ไม่ถูกต้องนักแต่ว่า..เนื้อหาโดยคร่าวๆก็พอจะจับคีย์เวิร์ดบางส่วนของมันได้และพบว่าเนื้อหาโดยหลักนั้นค่อนข้างตรงกับหนังสือบทสรุปเนื้อเรื่อง "Resident Evil Case File" เล่มนี้ในช่วงบันทึกของ RE1 เลย แค่เปลี่ยนชื่อตัวละครในบันทึกเป็นภาษาญี่ปุ่น เราจึงขอใช้คำอธิบายที่มีการผสมเนื้อเรื่องในส่วนของเนื้อหาหนังสือเลยแล้วกัน ถ้าเนื้อหาผิดพลาดประการใดขออภัย



อนึ่งเนื้อหาในไดอารี่เราไม่ได้แปลตรงๆแต่เราสรุปความเอาจากที่อ่าน

บันทึก : เจ้าหน้าที่นักวิจัย

วันที่ 16 เดือนกรกฎาคม
- คนเขียนบันทึกได้ใช้เวลาในช่วงกลางคืนเล่นไพ่โป๊กเกอร์กับผู้ดูแลบ้านพักที่ชื่อโมริยาม่ากับเพื่อนอีกคนที่ชื่อว่ามิตามูระแต่ดูเหมือนว่าโชคไม่เข้าข้างเท่าไหร่เพราะตนเองเสียไพ่ตลอด

ถ้าเป็นบันทึกของ RE1 จะเป็น สก็อต (Scott) เอเลียส (Alias) และสตีฟ (Steve)


วันที่ 17 เดือนกรกฎาคม
- วันนี้เป็นเวรของเขาที่ต้องไปตรวจดูความเรียบร้อยของอาวุธชีวภาพที่เป็นสัตว์ประหลาดตัวใหม่รูปร่างเหมือนกับกอริลล่าที่ไม่มีหนัง เขาได้ให้อาหารที่เป็นหมูที่ยังมีชีวิตอยู่ไป  พวกมันได้ใช้เขี้ยวเล็บแหลมคมรูปฉีกร่างของหมูตัวนั้นก่อนที่จะกินมัน มันช่างเป็นสัตว์ประหลาดที่ดุร้ายจริงๆที่เหมาะแก่การนำไปใช้ในการต่อสู้ แต่เนื่องจากว่ามันมีระดับสติปัญญาที่ไม่สูงนักทำให้มันไม่สามารถรับคำสั่งได้ตามที่ต้องการ

ถ้าเป็นบันทึกของ RE1 มันคือตัวคิเมร่า (Chimera) ซึ่งเป็นการผสมระหว่างมนุษย์กับแมลงวัน


ซึ่งเนื้อหาของบันทึกส่วนนี้ทำให้เซย์นะรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก..

"นี่เมันเรื่องอะไรกันเนี่ย..สัตว์ประหลาด? อาวุธชีวภาพ?"



วันที่ 19 เดือนกรกฎาคม
- วันนี้ได้เกิดสัญญาณแจ้งเตือนการรั่วไหลของเชื้อไวรัสดังไปทั่วห้องวิจัยและบ้านพักแห่งนี้ ทำให้เหล่านักวิจัยและผู้คนแตกตื่นกันอย่างอลหม่านจนเกิดอุบัติเหตุทำกรงขังอาวุธชีวภาพต่างๆไม่ว่าจะเป็นฮันเตอร์หรือสัตว์ประหลาดกอริลล่าหลุดออกมาเพ่นพ่านด้วย พวกเขาจึงได้วิ่งหนีออกมาพร้อมกับใส่ชุดป้องกันเชื้อด้วย แต่รู้สึกว่าอาการไม่ดีขึ้นเลย เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นคันบริเวณผิวหนังจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร แถมพวกสุนัขเฝ้ายามก็มีท่าทีแปลกๆเหมือนกับมันกำลังรับรู้ว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นภายในสถานที่แห่งนี้

คนเขียนบันทึกตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเชื้อไวรัสนั้นได้หลุดรอดเข้าไปในชุดป้องกันก่อนแล้ว



วันที่ 20 เดือนกรกฎาคม
- หน่วยแพทย์ในของทางศูนย์วิจัยได้เข้ามาตรวจดูอาการของคนเขียนบันทึกและนักวิจัยคนอื่นๆ พวกเขาไม่ยอมพูดอะไร และบอกว่าเป็นแค่ภูมิแพ้เท่านั้น จึงบอกให้ถอดชุดป้องกันออกพร้อมกับให้กลับไปทำงานเป็นปกติ แถมยังฉีดวัคซีนให้ แต่คนเขียนบันทึกสังเกตว่า พฤติกรรมของหน่วยแพทย์เขามีท่าทีแปลกๆไปราวกับเขากำลังปกปิดเรื่องอะไรบางอย่าง แถมวัคซีนนั่นก็ไม่ช่วยให้ดีขึ้นเลย

ตรงนี้คนเขียนบันทึกไม่รู้เลยว่า..พวกหน่วยแพทย์นั้นได้ลงความเห็นว่าพวกเขาติดเชื้อไวรัสแล้วแต่ปิดข่าวเงียบไว้เพื่อกันไม่ให้ผู้คนแตกตื่นอย่างเดียวแต่ไม่คิดจะช่วยเพราะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว


วันที่ 21 เดือนกรกฎาคม
- ตอนตื่นขึ้นมาเขาพบว่าอาการของตัวเองเริ่มรุนแรงขึ้นทุกที ผิวหนังบนเท้าของเขาเริ่มพุพองและร่อนออกเป็นแผ่นๆ ถึงกระนั้นเขาก็ยังฝืนสังขารเดินไปตรวจดูสุนัขเฝ้ายามที่คอกแต่ปรากฏว่าพวกมันกลับวิ่งหนีหายเข้าไปในป่าหมดแล้ว

ซึ่งพวกสุนัขเฝ้ายามเหล่านั้นเองก็ติดเชื้อไวรัสเหมือนกับผู้คนที่นี่จนกลายเป็นเคลเบรอสที่มีความดุร้ายที่เป็นตัวที่ไล่ต้อนพวกโนบิตะเข้ามาที่นี่ในเวลาต่อมา



วันที่ 22 เดือนกรกฎาคม
- อาการของคนเขียนบันทึกของคนอื่นๆเริ่มแย่ลงทุกที พวกเขาจึงมั่นใจเลยว่าหน่วยแพทย์ต้องโกหกพวกเขาเกี่ยวกับอาการที่เป็นอยู่แน่ พวกเขาเริ่มรู้สึกร้อน เริ่มคลุ้มคลั่ง และเกิดสภาวะหิวและกระหายจัดจนอาหารที่มีอยู่หมดลงอย่างรวดเร็ว



วันที่ 23 เดือนกรกฎาคม
- คนเขียนบันทึกเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ยากแล้วเพราะอาการของเขาหนักขึ้นจนเริ่มเขียนไม่รู้เรื่อง และเกิดความหิวกระหายอย่างรุนแรงจนถึงขั้นนำอาหารสุนัขมากิน


วันที่ 24 เดือนกรกฎาคม
- อาการเขาเริ่มแย่ลง ทั้งหิว ทั้งกระหาย แต่ก็ยังอดทนไว้เต็มที่เขาได้เดินไปหามิตามูระเพื่อของเขาอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าเขาได้กลายเป็นซอมบี้เกือบสมบูรณ์แล้วเพราะเขาเห็นมิตามูระฆ่าผู้ดูแลบ้านพักและนำศพของเขามากิน และพอถึงตอนนี้คนเขียนก็ไม่สามารถเขียนต่อได้อีกแล้ว เขาบอกแต่คำสุดท้ายว่า ทั้งคัน ทั้งหิว




"เรื่องแบบนี้มัน...ไม่จริงน่ะ..."


ซึ่งเนื้อหาของบันทึกช่วงสุดท้ายนั้นทำเอาเซย์นะแทบไม่เชื่อเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นในที่แห่งนี้



 (ตรงกับเนื้อหาตามโดจิน ซึ่งจะเห็นว่าบันทึกส่วนสุดท้ายนั้น ลายมือจะดูไก่เขี่ยบ่งบอกให้เห็นถึงสภาพอาการของคนติดเชื้อขั้นสุดท้าย และเซย์นะก็รู้สึกถึงความน่ากลัวของเรื่องราวในบันทึกนั้นเธอจึงรีบปิดบันทึกทันที)



หลังจากที่เซย์นะอ่านบันทึกจบทันใดนั้นเองก็มีซอมบี้โผล่พรวดออกมาจากตู้เสื้อผ้าที่อยู่ด้านหลังเธอ


ตามเนื้อหาในโดจินเป๊ะ



เซย์นะรีบตั้งสติได้จึงคว้าปืนพกที่อยู่ใกล้ตัวยิงใส่มันทันที


 หลังจากที่เธอยิงใส่(กลางกบาล) มันจนตาย เธอก็เห็นซ่าซอมบี้ตัวนี้ใส่เสื้อกราวน์เหมือนกับนักวิจัย ทำให้เธอคิดว่า คนพวกนี้ต้องทำการวิจัยเรื่องที่อยู่ในบันทึกแน่ๆ








ซึ่งมุกตอนอ่านไดอารี่แล้วมีซอมบี้ออกมาจากหลังตู้อันนี้ตรงกับฉากล้อเลียนในเกม RE1 ในคลิปข้างล่างนั่นเอง (ใช้เสียงดนตรีประกอบธีมเดียวกันด้วย) แล้วถ้าหากสังเกตดีๆจะเห็นว่า เนื้อหาในบันทึกนั้นค่อนข้างคล้ายคลึงกับไดอารี่ผู้ดูแลคฤหาสน์อีกด้วย ต่างกันแค่ชื่อในบันทึก วันที่และการย่อความให้สั้นลง (ขนาดตอนลงท้ายยังเหมือนกันเลย)




สักพักเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น ซึ่งคนที่โทรมาหาก็คือเดคิสุงิ เนื่องจากเขาได้ยินเสียงปืนของเซย์นะดังขึ้นทำให้สงสัยว่า เธอเป็นอะไรหรือเปล่า เธอก็บอกว่าเธอไม่เป็นอะไรแล้วก็บอกเตือนให้พวกเขาระวังตัวด้วย เนื่องจากเธอได้พบเบาะแสสำคัญบางอย่างแล้วจะรีบกลับไปหาพวกเขา แต่ก่อนที่เธอจะกลับไปหาพวกเขานั้น เธอก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่ดังก้อง


 เธอจึงรีบวิ่งไปสำรวจทันทีโดยที่เธอไม่ทันสังเกตว่า ซอมบี้ตัวที่เธอยิงไปนั้นติดบัตรนักวิจัยที่มีตราสัญลักษณ์ของอัมเบรล่าอยู่ด้วย


และตอนที่เธอออกจากห้องนั้นเธอได้หยิบบันทึกเล่มนี้ไปด้วย



เนื้อหาตรงนี้ขอตัดมาที่เกมอีกครั้ง หลังจากที่เธอรอดจากการจู่โจมของซอมบี้นักวิจัยที่ซ่อนอยู่ในตู้ได้ เธอก็รีบทำการหาสำรวจข้อมูลตามห้องอื่นๆต่อ



ปรากฏว่ามีอยู่ห้องหนึ่งที่แปลกประหลาด ซึ่งเป็นห้องที่มีทางยาวขั้นกลาง


และห้องด้านในสุดนั้นเป็นห้องที่ดูประหลาด แต่สิ่งที่ทำให้เซย์นะสนใจมากที่สุดคือ ที่ผนังห้องนั้นมีปืนลูกซองที่ดูใช้งานได้แขวนอยู่ด้วย เธอจึงตัดสินใจที่จะหยิบปืนนั้นมาใช้ป้องกันตัวดู แต่ปรากฏว่าเธอไม่สามารถดึงปืนลูกซองนั้นออกจากผนังห้องได้เพราะมันล๊อคด้วยกลไกอะไรบางอย่างอยู่


เซย์นะรู้สึกถึงความผิดปกติของห้องที่มีรูปปั้นถึง 2 ตัว และรอยบางอย่างที่พื้น 2 รอย ทำให้เธอลองดันรูปปั้นมาทับบนรอยที่พื้นดู ก็พบว่าสวิตซ์ที่อยู่กลางห้องนั้นสามารถทำงานได้ เธอจึงลองกดสวิตซ์ดู เธอก็ได้ยินเสียงปลดล๊อค


ซึ่งเนื้อหาการแก้ปริศนาอันนี้ก็เอามาจากเกม RE1 ในคลิปข้างล่างเช่นกัน



ทีนี้เธอจึงลองเดินเข้าไปหยิบปืนลูกซองที่แขวนกลางผนังห้องอีกครั้งปรากฏว่าเธอสามารถหยิบมันออกมาได้แล้ว แต่ทันทีที่เธอหยิบมา เธอก็ได้ยินเสียงกริ๊ก และสัญญาณอะไรบางอย่างสั้นๆ แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น เธอจึงไม่ใส่ใจกับมันมากนัก


หลังจากที่เธอหยิบปืนลูกซองเสร็จเธอก็เดินออกจากห้องไปตามห้องทางยาว แต่ปรากฏว่าพอเธอเดินไปถึงประตูเธอกลับเปิดมันไม่ออก


เธอจึงสงสัยว่าทำไมเธอถึงเปิดมันไม่ได้.. พอเธอลองเดินย้อนกลับไปดูปรากฏว่าประตูอีกฝั่งก็เปิดไม่ได้เช่นกัน!! และทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกว่าเพดานของห้องเริ่มขยับลงมาเรื่อยๆ ทำให้เธอรู้ทันทีว่า เธอเจอกับดักของบ้านพักเข้าให้แล้ว.. เธอจึงพยายามดึงประตูออกพร้อมกับส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ



และทันใดนั้นเอง เธอก็ได้ยินเสียงชิรามิเนะดังออกมาจากข้างนอกห้องว่า ที่นี่ถูกล๊อคไว้เหมือนกันเหรอเนี่ย..


 เมื่อได้ยินดังนั้น เธอจึงตะโกนเรียกชิรามิเนะ



ชิรามิเนะจำน้ำเสียงนั้นได้ดีและรู้ว่าเป็นเซย์นะ เขาคิดว่าเซย์นะคงจะสำรวจห้องแล้วแต่ก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมเธอต้องล๊อคห้องด้วย


เซย์นะจึงตะโกนบอกว่า เธอไม่ได้เป็นคนล๊อคและขอให้รีบช่วยเธอออกไปจากห้องนี้โดยเร็วเพราะตอนนี้เธอติดกับดักที่อันตรายเข้าให้แล้ว เพราะเพดานกำลังจะเลื่อนลงมาทับเธอ


ชิรามิเนะได้ยินดังนั้นจึงบอกให้เซย์นะถอยออกไปข้างหลังก่อน เพราะเขาจะพังประตูเข้าไป


หลังจากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงประตูถูกกระแทกหลายครั้ง ซึ่งชิรามิเนะพยายามอย่างมากที่จะใช้แรงของตนทั้งหมดพังประตูเข้าไปและในที่สุดมันก็เปิดออก


ชิรามิเนะจึงบ่นออกมาว่า ประตูนี่ติดแน่นมากท่าทางจะล๊อกด้วยระบบกับดักที่อยู่ภายในทำให้เขาต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะใช้แรงทั้งหมดของตัวเองพังมันพร้อมกับบอกให้เซย์นะรีบออกมาข้างนอกก่อนที่จะกลายเป็นเซย์นะแซนด์วิช


เซย์นะจึงกล่าวขอบคุณชิรามิเนะที่ช่วยเหลือเธอไว้

"ขอบคุณนะ ชิรามิเนะคุง"



ซึ่งชิรามิเนะก็พูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นใบหน้าที่ดีใจของเซย์นะ ทำให้เขาโกรธเธอไม่ลงสักระยะ ... ถึงเขาจะยังโกรธแค่ไหน แต่ก็ทนปล่อยให้เธอตายไม่ได้หรอก


หลังจากนั้นชิรามิเนะจึงได้แยกกับเซย์นะไปสำรวจอีกทางอีกครั้งพร้อมกับบอกว่าให้เธอระวังตัวให้มากกว่านี้  การสำรวจบ้านพักของทั้งคู่จึงดำเนินต่อไป


มุกกลไกกับดักหยิบปืนลูกซองแล้วลืมเอาปืนปลอมวางไว้แทน พอออกมาจากห้อง กลไกจะล๊อคห้องทั้ง 2 ด้านก่อนที่เพดานจะหล่นลงมาทับก็ยังคงเป็นมุกในเกม RE1 เช่นเดียวกันดังคลิปข้างล่าง


ซึ่งจะเห็นได้ว่าเนื้อเรื่องในตอนนี้..
เซย์นะรับบทเป็นจิล วาเลนไทน์
ชิรามิเนะรับบทเป็นแบรี่ เบอร์ตัน


กรุณาติดตามเรื่องราวตอนต่อไปในบทความหน้า....ทางคนเขียนต้องขออภัยจริงๆที่กว่าจะอัพบทความนี้ได้ต้องหายไป 2 วัน ขออภัยอย่างสูง...

วันนี้จึงขอแถมอีกบทความนึงให้เลยแล้วกัน >> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 9]

แสดงความเห็นบน Facebook!

3 ความคิดเห็น :

  1. ไม่ระบุชื่อ3 มีนาคม 2556 เวลา 12:43

    อยากหาเกมมาเล่นบ้างจัง ชอบมากครับ ^^

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ถ้าเป็นเกม เราเคยโพสต์ลิงค์ไว้ที่บทความแรกๆแล้วอ่ะนะ ลองไปดาวน์โหลดดู =w=

      ลบ