>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 10]
มุ่งหน้าสู่ทางลับชั้นใต้ดิน
ความเดิมตอนที่แล้ว เซย์นะกับเคนจิได้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดจนกระสุนหมด เธอจึงต้องหาอาวุธป้องกันตัวจากสัตว์ประหลาดอีกตัวที่บุกเข้ามา ซึ่งเหลือเพียงแค่มีดเล่มเดียวเท่านั้น แต่ทันใดนั้นเอง เจ้าสัตว์ประหลาดก็ถูกใครบางคนยิงใส่หัวและหน้าท้องพร้อมกัน
คนที่เข้ามาช่วยเซย์นะไว้ก็คือไจแอนท์กับซูเนโอะ พวกเขาต่างปรากฏตัวพร้อมกับอาวุธที่รุนแรงทั้งคู่ ไจแอนท์ใช้ปืนลูกซอง ส่วนซูเนโอะใช้ปืนไรเฟิล** ซึ่งพวกเขาได้มันจากการที่พบคลังอาวุธในบ้างพักโดยบังเอิญนั่นเอง
**อันที่จริง ปืนไรเฟิลของซูเนโอะนั้นเขาได้มาตั้งแต่ก่อนจะเข้ามาในโรงเรียนแล้ว ซึ่งสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 1.5] : Side Story - ภาคซูเนโอะ
"ทะ...ทาเคชิคุง ซูเนโอะคุง" เซย์นะเอ่ยชื่อทั้งคู่
"ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะต้องมาเจอสภาพนี้"
ในตอนนั้นเองที่เซย์นะได้ร้องเตือนไจแอนท์ว่า ระวังเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ให้ดี ถ้าหากสมองของมันยังไม่ถูกทำลายมันจะฟื้นฟูบาดแผลตัวเองได้เรื่อยๆ ไจแอนท์จึงได้มองเห็นสิ่งที่เซย์นะพูดถึง คือการที่บาดแผลของมันกำลังสมานจนหายเป็นปกติ
ไม่กี่วินาทีต่อมา สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็ฟื้นฟูร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ ซูเนโอะและไจแอนท์ต่างก็อดทึ่งในความสามารถของมันไม่ได้ ซูเนโอะเริ่มที่จะลังเลว่าตัวเองจะจัดการเจ้านี่ได้หรือไม่ ไจแอนท์จึงได้บุกตะลุยเข้าไปซึ่งๆหน้า พร้อมกับฝากบอกให้ซูเนโอะยิงคุ้มกันเขาจากระยะไกลด้วย ซูเนโอะจึงได้แต่ทำตามสิ่งที่ไจแอนท์บอก
กระสุนที่ซูเนโอะยิงไม่อาจจะสร้างความเสียหายให้มันได้มาก และก่อนที่ไจแอนท์จะถึงตัวมัน มันก็ได้ฟาดแขนหมายจะใช้เล็บโจมตีไจแอนท์ แต่ทว่า ซูเนโอะก็ยิงเข้าใส่ที่แขนไว้จนมันเกร็งไปชั่วครู่
"ยิงได้สวย ซูเนโอะ"
ไจแอนท์วิ่งเข้าไประยะประชิดพร้อมกับส่องปากกระบอกปืนไว้ข้างหน้ามัน
"ปืนลูกซองน่ะถึงจะโจมตีได้รุนแรงมาก แต่มีข้อเสียอยู่ตรงที่ไม่สามารถยิงในระยะไกลได้อย่างแม่นยำแถมกระสุนยังกระจายออกไปมั่วอีก แต่ว่า...ถ้าหากใช้มันโจมตีในระยะประชิดล่ะก็...ตอนนี้แหละ!!"
ปัง!!
ปืนลูกซองของไจแอนท์ยิงเข้าใส่หัวของสัตว์ประหลาดในระยะประชิดจนเกิดพลังทำลายล้างที่น่ากลัวถึงกับทำให้หัวของสัตว์ประหลาดทั้งหัวกระจุยหายไป.oการโจมตีเพียงครั้งเดียว!!! เซย์นะได้เห็นดังนั้นก็อดทึ่งในความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาและปืนที่พวกเขาใช้ไม่ได้ มันช่างมีพลังทำลายล้างที่รุนแรงจริงๆ
หลังจากที่ปราบสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้ ไจแอนท์จึงโทรเรียกพวกโนบิตะที่ยังพักอยู่ในห้องพักตามมาสมทบทั้งหมดยกเว้นชิรามิเนะคนเดียวที่ยังเดินสำรวจบ้านพักอยู่ แต่ก็แจ้งข่าวให้เขารับทราบแล้วเช่นกัน
(อันที่จริงอยากจะบอกว่า เพราะชิรามิเนะไม่มีตัวตนในโดจินมากกว่า - -)
เมื่อทุกคนมาถึง ชิสุกะจึงรับหน้าที่เข้าไปปฐมพยาบาลบาดแผลให้เคนจิ
"แบบนี้..เป็นไรหรือเปล่า"
ชิสุกะที่พันผ้าพันแผลอยู่ได้เอ่ยถามออกมาเพราะกลัวว่าเคนจิจะบาดเจ็บเพิ่ม
"อ่ะ..อืม..ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจนะ"
เคนจิจึงได้สวมเสื้อนอกกลับเข้าไปอีกครั้งหลังจากที่ชิสุกะพันแผลให้เสร็จจากนั้นเดคิสุงิจึงได้หันมาทักเขา
"นายน่ะ เคนจิสินะ"
"เออ...มีอะไรเหรอ"
เดคิสุงิจึงได้ถามต่อว่าทำไมเขาถึงมาทำอะไรในที่แบบนี้ แถมยังเรื่องที่พูดกับพวกเขาก่อนหน้าซะอีก (ที่ในเกมเคนจิเปิดประตูมาไล่พวกเขาให้ออกไปจากที่นี่) ซึ่งตอนนี้เดคิสุงิก็พอเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่เคนจิเคยพูดว่าทุกคนในบ้านพักนี้น่าจะเป็นซอมบี้ไปหมดแล้วหมายความว่ายังไงจากข้อมูลบันทึกที่เซย์นะให้มา แต่ก็ยังไม่รู้ว่าสาเหตุที่เคนจิเดินสำรวจไปมาอยู่ที่นี่คืออะไร
เคนจิก็บอกไปว่า เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ 3 วันก่อน (ช่วงที่โนบิตะไปพักร้อนที่เกาะ) ที่พวกเขาพบว่ามีอะไรบางอย่างแปลกไปหลังจากที่ทางโรงเรียนก่อสร้างบ้านพักแห่งนี้เสร็จ ผู้คนในโรงเรียนเริ่มมีอาการแปลกๆ และกลายเป็นซอมบี้ไปทีละคน เขาได้แต่หนีและหาทางเอาตัวรอดพร้อมกับเพื่อนอีก 5 คน แต่สุดท้ายก็เหลือเขาเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ทำให้เขาตัดสินใจที่จะหาเบาะแสเรื่องราวที่เกิดขึ้น และไล่ตามมาจนถึงบ้านพักแห่งนี้ และเขาก็ได้ค้นพบข้อมูลสำคัญต่างๆที่ได้จากบ้านพักแห่งนี้ (รวมถึงบันทึกที่เซย์นะเจอด้วย) ดูเหมือนว่าจะมีกลุ่มคนได้กระทำลักลอบทำการทดลองบางอย่างลับๆที่นี่ แต่สำหรับเขาคนเดียวนั้นการสำรวจตามส่วนต่างๆของบ้านพักขนาดนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะที่นี่มีซอมบี้เพ่นพ่านเต็มไปหมด แต่อย่างน้อยเขาก็พบข้อมูลจากเอกสารต่างๆในบ้านนี้ว่า การทดลองที่ว่านั้นพวกเขาดำเนินการในห้องทดลองลับที่อยู่ชั้นใต้ดินนั่นเอง แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน
และช่วงนั้นเองที่ได้รับการติดต่อจากชิรามิเนะเพิ่มเติมว่า เขาได้พบทางลับลงไปชั้นใต้ดินแล้วซึ่งมันอยู่หลังห้องพักแห่งหนึ่ง แต่มันติดตรงที่ว่า มันมีประตูลูกกรงเหล็กขวางอยู่ทำให้เขาไม่สามารถไปต่อได้ เขาต้องการกุญแจเพิ่มเติม ทีนี้เซย์นะก็สังเกตเห็นห้องที่อยู่ข้างๆตรงที่พวกโนบิตะอยู่นี้ซึ่งเป็นห้องที่เธอยังไม่ได้เข้าไปสำรวจ เธอจึงเดินเข้าไปและพบกับกุญแจชั้นใต้ดินอยู่ข้างๆศพ
จากนี้ไปเธอจึงบอกกับพวกโนบิตะว่าขอตนเองไปจัดการเรื่องปริศนาบางอย่างที่คาใจเธอให้เรียบร้อยก่อนและขอให้พวกโนบิตะอยู่ดูแลเคนจิอยู่ที่ห้องนี้
หลังจากได้กุญแจแล้วเธอจึงรีบนำมันไปใช้กับประตูห้องใต้ดินทันที ซึ่งจากรายงานนั้นเธอรู้ว่ามันเป็นทางลับที่อยู่ในห้องพักที่ 103 ทางด้านหลังตู้หนังสือ หากผลักออกไปด้านข้างจะพบกับทางลง
เธอจึงได้เดินลงไปข้างล่างก็พบศพจำนวนมากที่โดนยิงไป (ซึ่งเธอคงคิดว่าชิรามิเนะคงจัดการมันไปก่อนหน้านั้นแล้ว)
เธอเดินจนมาถึงจุดที่มีประตูล๊อคอยู่ เธอก็ได้ใช้กุญแจที่ได้มาไขเข้าไป
ตามทางนั้นเธอได้พบว่าสถานที่แห่งนี้ดูเหมือนเป็นกรงขังพวกสุนัขซอมบี้เคลเบรอสจำนวนมาก แถมมีบางตัวที่หลุดออกมาเดินเพ่นพ่านด้วย เธอจึงใช้ปืนจัดการพวกที่เหลืออยู่ แล้วก็เดินเข้าไปสำรวจที่ห้องแห่งหนึ่งในชั้นใต้ดิน
ที่ห้องนี้เธอได้พบสิ่งที่เธอต้องรู้สึกสนใจอีกอย่างนั่นคือหนังสือปริศนาที่เธอพบก่อนหน้านั้นอีกส่วนหนึ่ง และถ้าหากมันมารวมกันแล้วก็จะเป็นหนังสือแห่งความตายที่มีหน้าปกข้างบนว่า
"EAGLE of EAST WOLF of WEST"
(ไอเท็มนี้มีในเกม RE1 จริงๆ และยังเป็นสิ่งที่ใช้พบเหรียญด้วย)
หลังจากนั้นชิรามิเนะจึงได้รายงานกับเซย์นะทางโทรศัพท์อีกว่า เขาสำรวจถึงห้องที่มีแท่นหินที่มีข้อความสลักไว้ว่า "EAGLE of EAST WOLF of WEST" อีกด้วย ที่เขาไม่รู้เหมือนกันว่าความหมายของมันคืออะไร เมื่อได้ยินดังนั้นเซย์นะจึงก้มมองดูหนังสือหน้านั้นอีกครั้ง และพบว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ข้างในด้วยซึ่งมันก็คือเหรียญนกอินทรีย์ (Eagle Medal) เอง และถ้าหากเอาคำที่อยู่บนบันทึกมาตีความ WOLF ที่ว่า มันต้องหมายถึงเหรียญหมาป่าที่เธอเก็บได้จากห้องลับแน่นอน
(ไอเท็มนี้มีในเกม RE1 จริงๆ แถมใช้มันในการเปิดห้องทดลองลับด้วย)
เธอจึงรีบมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ชิรามิเนะพูดถึงทันทีและที่แห่งนั้นเธอก็ได้พบกับแท่นหิน 3 แท่นและดูเหมือนว่าแท่นซ้านกับขวานั้นมีช่องวงกลมสำหรับใส่บางอย่างอยู่ด้วย ทำให้เธอมันใจทันทีว่า
EAGLE of EAST : อินทรีย์แห่งตะวันออก นั่นคือเหรียญอินทรีย์ต้องใส่ไว้ที่แท่นหินทางทิศตะวันออก (ทางด้านขวา)
WOLF of WEST : หมาป่าแห่งตะวันตก นั่นคือเหรียญหมาป่าต้องใส่ไว้ที่แท่นหินทางทิศตะวันตก (ทางด้านซ้าย)
เซย์นะจึงนำเหรียญทั้ง 2 ไปใส่ไว้ในช่องจนครบ
เธอสงสัยเหลือเกินว่าเมื่อใส่เหรียญแล้วมันเกิดอะไรขึ้น
และทันใดนั้นเองเธอก็พบว่าแท่นหินที่อยู่ตรงกลางนั้นได้เลื่อนเปิดออกมา ดูเหมือนเธอจะพบกับทางเข้าลับเข้าให้แล้ว
เธอจึงเดินไต่บันไดลงไปแล้วก็พบลิฟต์ที่อยู่ปลายทางซึ่งดูเหมือนจะใช้การไม่ได้เพราะขาดแบตเตอรี่
แต่เธอก็จำได้ว่า เธอเคยเห็นแบตเตอรี่มาก่อนในห้องที่เธอได้กุญแจชั้นใต้ดิน เธอจึงติดต่อให้พวกโนบิตะฝากไปเอามาให้หน่อยและขอให้ทุกคนมารวมตัวเจอกันในห้องลับที่เธออยู่ตอนนี้เลย
(แบตเตอรี่ก็เป็นไอเท็มที่มีในเกม RE1 ที่ต้องใช้กับลิฟต์เหมือนกัน)
ทุกคนจึงเตรียมตัวเดินทางมาที่ทางลงที่เซย์นะพบ
เดคิสุงิกับโนบิตะจึงเดินลงมาสำรวจข้างล่างก่อนก็พบทางเดินไปต่อ แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องที่เซย์นะรออยู่
"นะ..นี่มัน..ทางลับใต้ดินในบ้านพักสินะ"
"อืม..เหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ...ไปกันต่อเถอะ"
ตอนต่อไป...สำรวจอุโมงค์ใต้ดิน เส้นทางที่นำไปสู่ห้องทดลองลับที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด..
บทความหน้า สำรวจอุโมงค์ลับและเปลี่ยนตัวผู้เล่นหลักจากเซย์นะกลับมาเป็นโนบิตะ
ปล. อันที่จริงแล้วเนื้อหาในบทความนี้เราไม่ได้เขียนเนื้อเรื่องที่ตรงกับเกมหรือโดจินเป๊ะ ท่านสามารถอ่านความเห็นเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 11.5] - เนื้อหาที่มีการตัดแต่งระหว่างเนื้อเรื่องตัวเกมกับโดจิน
ส่วนบทความช่วงต่อไปสามารถอ่านต่อได้ที่ >> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 12]