ผู้อยู่เบื้องหลังหายนะ
ความเดิมตอนที่แล้วพวกโนบิตะกับเพื่อนคนอื่นๆได้ตามกันเข้ามาในเส้นทางลับชั้นใต้ดินของบ้านพักที่เซย์นะเป็นคนค้นพบ ซึ่งพวกเขาพบว่ามันเป็นอุโมงค์ใต้ดินที่กว้างขวางมาก
เซย์นะได้รอพวกเขาอยู่ที่นั่น โนบิตะจึงเดินเข้ามาหาเซย์นะที่ดูท่าทางเหนื่อยหอบและอ่อนแรง
"คุณเซย์นะ...ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะ ตอนนี้ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะ"
ในตอนนี้โนบิตะได้ฟื้นฟูพลังเต็มที่จากการพักผ่อนแล้ว แถมเขายังดูกระปรี้กระเปร่าผิดปกติไปจากเดิมด้วย (ให้เดาว่าตอนนี้พลังของทีไวรัสเริ่มเข้ากับเลือดของโนบิตะได้แล้ว)
"ต่อจากนี้ พวกฉันจะเป็นคนจัดการต่อเอง ไปพักผ่อนก่อนเถอะ"
ไจแอนท์ที่เดินตามมาทีหลังบอกกับเซย์นะ
ดูเหมือนว่าชิสุกะจะสังเกตเห็นท่าทางผิดปกติของเซย์นะจึงถามด้วยความเป็นห่วง
"คุณเซย์นะ ไหวหรือเปล่า? ดูท่าทางเหนื่อยๆนะ"
หลังจากที่พวกโนบิตะถามมากๆเข้า เซย์นะจึงรีบแสร้งทำท่าทางเสียใหม่ให้ดูเหมือนคนสบายดีพร้อมกับบอกว่า เธอไม่เป็นไรหรอก แล้วก็บอกพวกโนบิตะให้ระวังตัวด้วยเพราะว่าอาจจะมีพวกสัตว์ประหลาดโผล่มาอีกก็ได้
แถมเธอยังจะบอกว่า...ถ้ายังไงก็ขอให้ฉันได้ไปสำรวจล่วง...
หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงเหมือนกับมีใครล้มลงทรุดไปบนพื้น
ซูเนโอะจึงได้เอ่ยชื่อคนที่ทำให้เกิดเสียงนั้นทันที
"คุณเซย์นะ!!!"
คนที่ล้มทรุดลงไปบนพื้นก็คือเซย์นะนั่นเอง เดคิสุงิจึงรีบเข้าไปดูอาการพร้อมกับบอกว่า..
"ไม่เป็นไรหรอก เธอแค่รู้สึกเหนื่อยเท่านั้นเอง"
ดูเหมือนว่าตอนนี้เซย์นะจะถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้ว โนบิตะจึงได้บอกให้เซย์นะพักอยู่เฉยๆดีกว่า ส่วนเรื่องการสำรวจเส้นทางต่อเดี๋ยวให้พวกเขาจัดการต่อเอง
โนบิตะกับเพื่อนๆจึงเดินผ่านปากทางเข้าและออกมาก็พบกับอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
"ท่อน้ำทิ้งเหรอ? ไม่สิ มีเส้นทางแบบนี้อยู่ที่ชั้นใต้ดินในบ้านพักนี้ด้วยเหรอ..."
เดคิสุงิเองก็พูดเสริมว่า..แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เรื่องแบบนี้มาก่อนเลย
หลังจากที่เดคิสุงิได้มองรอบๆอุโมงค์ไปสักพักจึงได้ทำการพูดคุยกับโนบิตะกับคนในกลุ่มว่าเขาเองก็เริ่มสงสัยไม่น้อยว่า สถานที่แบบนี้ใช้ทำอะไรกันแน่ และเขาก็ได้นึกไปถึงบันทึกที่เซย์นะพบเจอ ซึ่งกล่าวถึงการทดลอง การสร้างสัตว์ประหลาด ตามคำบอกเล่าของคนในบันทึก เขาสังหรณ์ใจว่ามันต้องมีการทำเรื่องอะไรที่น่ากลัวบางอย่างที่นี่แน่ๆ
เคนจิเองก็พูดเสริมขึ้นมาเช่นกันว่ามันต้องเป็นการทดลองลับบางอย่างของพวกนักวิจัยที่นี่ ซึ่งเคนจิในตอนนี้ที่บาดเจ็บอยู่ก็ได้ไจแอนท์ช่วยพยุงไว้จนมาถึงที่นี่ได้
ชิสุกะก็เริ่มคิดหนักว่าจะทำการสำรวจที่นี่ยังไงดี เพราะทางนี้คนเจ็บเองก็เยอะคงจะไปสำรวจด้วยกันทั้งหมดไม่ไหวแน่ๆ จึงได้หันไปถามเดคิสุงิว่าจะคิดยังไงดี
ซึ่งไจแอนท์ก็แนะนำว่าก็ให้แยกทีมไปสำรวจกันคนละทางสิ
แต่ทว่าซูเนโอะก็บอกกับไจแอนท์ว่าดูเหมือนว่าในอุโมงค์แห่งนี้จะไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้เลย
เดคิสุงิได้ยินดังนั้นจึงพูดว่าการจะแยกทีมออกไปเป็นคู่ๆแถมยังมีคนเหนื่อยล้าในสถานที่แบบนี้มันเสี่ยงอันตรายมากเกินไป
โดราเอม่อนเองก็บอกเสริมว่า ถ้ายังงั้นคงต้องไปแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่สองกลุ่มแล้ว...
โดยพวกเขาจะแบ่งเป็น 2 ทีมใหญ่ๆ
1) ทีมดูแลผู้บาดเจ็บและปกป้องพื้นที่ปลอดภัย เป็นทีมที่รอคอยอยู่ตรงสถานที่ที่พวกเขายืนอยู่นี้ประกอบด้วย
- โดราเอม่อน : ซึ่งไม่ค่อยถนัดต่อสู้มากเท่าคนอื่นๆสายลุย อย่างพวกไจแอนท์หรือโนบิตะ
- ชิสุกะ : ด้วยความที่เธอเป็นคนอ่อนโยน ใจดี จึงรับหน้าที่คอยปฐมพยาบาลดูแลคนอื่นๆที่เหนื่อยล้าและบาดเจ็บ
- ชิรามิเนะ : เนื่องจากเขาใช้เวลาที่ผ่านมาทำการสำรวจเส้นทางตลอดทำให้เหนื่อยแรงไม่น้อยจึงควรไว้อยู่ในทีมนี้ และอย่างน้อยก็ยังพออุ่นใจได้บ้างเพราะว่ามีคนที่มีความสามารถในการต่อสู้อยู่ด้วย
- เซย์นะ : หมดสภาพจากการต่อสู้ทำให้ต้องอยู่ที่นี่เพื่อพักผ่อน
- เคนจิ : ได้รับบาดเจ็บที่ไหล่ บาดแผลยังไม่หายดีทำให้ไม่สามารถออกไปลุยได้
- ยาสุโอะ : ดูเหมือนว่าจะเกิดอาการบางอย่างเกิดขึ้นกับยาสุโอะ เพราะตอนนี้เขารู้สึกเจ็บปวด และอ่อนเพลียตามร่างกาย
(อาการที่เกิดขึ้นกับยาสุโอะนั้นเนื่องมาจากว่าทีไวรัส (T-Virus) ที่เขาได้รับตอนถูกกิ้งก่ายักษ์ทำร้าย และดูเหมือนว่าร่างกายของเขานั้นไม่สามารถต้านทานความเป็นพิษของทีไวรัสได้ ซึ่งในตอนนี้พวกโนบิตะยังไม่รู้ว่าทีไวรัสคืออะไรจึงได้แต่สงสัยในอาการแปลกๆของยาสุโอะ)
**อนึ่งดูเหมือนว่าเดคิสุงิจะไม่ได้รับผลด้านลบของทีไวรัสตอนถูกกิ้งก่ายักษ์เล่นงาน ซึ่งคาดการณ์ว่าเดคิสุงิก็เป็นอีกหนึ่งคนที่มีเลือดเข้ากับทีไวรัสได้เหมือนโนบิตะ และถ้าหากว่าต้องการทำเนื้อเรื่องต่อเนื่องถึงภาคจี (G) จะพบว่าในภาคจีนั้นความสามารถของเดคิสุงิจะเข้าขั้นเหนือมนุษย์เสียแล้ว**
2) ทีมสำรวจบุกตะลุยอุโมงค์ซึ่งประกอบด้วยชาย 4 คนที่มีความสามารถในการต่อสู้และได้รับการฟื้นฟูพลังเต็มที่จากการพักผ่อนแล้ว
- โนบิตะ : ที่พร้อมที่จะลุยแล้ว
- เดคิสุง : มันสมองประจำกลุ่ม
- ไจแอนท์ : หัวโจกบ้าพลังประจำกลุ่ม อีกทั้งมีความเป็นผู้นำ
- ซูเนโอะ : ที่มีอาวุธที่รุนแรงและใช้ได้อย่างชำนาญ
แต่ก่อนที่พวกโนบิตะจะออกไปลุยนั้น เคนจิก็ได้เรียกโนบิตะให้ไปหาพร้อมกับมอบมีดพกให้กับโนบิตะ (ตรงลูกศรเขียนว่าเอาคืนมาจากเซย์นะแล้ว) ซึ่งเขาบอกว่าตอนนี้เขาคงไม่ได้ใช้มัน (อีกอย่างคือเขาหาไม้บริเวณนั้นมาใช้เป็นอาวุธแทนแล้ว) และให้โนบิตะไปมันคงจะเป็นประโยชน์กว่าในเวลาที่กระสุนหมด
ก่อนที่เขาจะไป โนบิตะได้มองไปทางกลุ่มเพื่อนของเขา เขามองเห็นชิสุกะที่กำลังเอายาบำรุงกำลังให้เซย์นะที่ดูอ่อนล้า เขามองเห็นยาสุโอะที่ดูเหมือนว่าจะเกิดอาการเหนื่อยหอบมากขึ้น เขาจึงรู้ได้ว่าตอนนี้พวกเขาต้องหาวิธีที่จะพาพวกเขาออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด หลังจากที่ทั้ง 4 คนเดเดินออกไปไม่ไกลนัก พวกเขาก็พบกับทางแยก 2 ทางที่ควรแยกกันสำรวจ เดคิสุงิตัดสินใจที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือมาดูอีกครั้งเพื่อหวังว่ามันจะใช้การได้
หากแต่ก็ยังเป็นเช่นเดิม โทรศัพท์มือถือก็ยังคงใช้การไม่ได้ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นจึงตัดสินใจที่จะแยกกันทางกันออกไปเป็นกลุ่มละ 2 คน โดยให้ไจแอนท์ไปกับโนบิตะ ส่วนซูเนโอะไปกับเดคิสุงิ
ทางด้านไจแอนท์กับโนบิตะก็ได้เดินสำรวจไปตามทางเรื่อยๆ โนบิตะก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังคราง อือ..อือ..ออกมา ซึ่งโนบิตะก็ได้แต่เดาไว้ก่อนว่ามันอาจจะเป็นเสียงของพวกซอมบี้
แต่ปรากฏว่าเสียงที่เขาได้ยินอีกครั้งนั้นมันต่างกันออกไป
"นะ...นั่น..ใคร"
โนบิตะจึงรู้ทันทีว่า เสียงนั้นต้องเป็นเสียงร้องของคนที่ยังมีชีวิตอยู่แน่ๆ จึงรีบบอกไจแอนท์ทันทีแล้วตามที่มาของเสียงนั้นไปโดยหารู้ไม่ว่ามีใครบางคนคอยสะกดรอยตามพวกเขามาด้วย
โนบิตะกับไจแอนท์จึงออกเดินไปตามเส้นทางอุโมงค์ที่มีเสียง
และดูเหมือนว่าที่นั่นเขาก็พบกับผู้ชายวัยกลางคนในชุดทหารหนึ่งกำลังนอนสลบอยู่
โนบิตะรู้สึกแปลกใจมากที่มีคนนอนอยู่ตรงนี้ด้วยและสงสัยว่าเขาเป็นใครกัน ทำไมถึงได้มานอนอยู่ตรงนี้
ตอนนั้นเองที่ทำให้ผู้ชายคนนั้นรู้สึกตัว จึงได้ชักปืนขึ้นมาอย่างตื่นตระหนกพร้อมกับถามว่า
เมื่อเห็นดังนั้นโนบิตะจึงรีบบอกให้เขาใจเย็นลงก่อนและไจแอนท์ก็ได้บอกเสริมว่า พวกเขาเป็นแค่คนธรรมดาไม่ใช่พวกสัตว์ประหลาดอะไรพวกนั้นสักหน่อย
ซึ่งทหารคนนั้นเองก็ประหลาดใจเหมือนกันเพราะคนที่มาหาเขานั้นดูแล้วยังเป็นเด็กทั้งคู่จึงได้ลดปืนลง แถมยังรู้สึกสงสัยด้วยว่าทำไมถึงมีเด็กๆมาในที่แบบนี้
"คุณน้าเป็นใครกันแน่..?"
ทหารคนนั้นนิ่งไปสักพักเพื่อพิจารณาบางอย่าง ก่อนที่จะตัดสินใจพูดออกมาว่า..
"ฉันคิดว่าพวกเธอคงจะอยากรู้เรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นสินะ ก็ได้ ฉันจะเล่าให้ฟัง แต่พวกเธอจะเชื่อหรือไม่มันก็อีกเรื่องหนึ่ง"
หลังจากนั้นนายทหารจึงเริ่มเราเรื่องให้ฟัง
"ฉัน...ไม่สิ..พวกฉันน่ะเป็นกลุ่มที่ถูกส่งมาช่วยเหลือทีมนักวิจัยที่อยู่ที่นี่"
เมื่อได้ยินดังนั้นโนบิตะจึงเริ่มสงสัยมากขึ้น..
พวกฉัน.?.. หมายความว่ามีคนอื่นอีกงั้นหรือ?
นักวิจัย.?.. ในที่แบบนี้เนี่ยนะ?
นายทหารคนนั้นก็ได้เล่าต่อไปอีกประมาณว่า..
พวกเขาคือทีมกู้ภัยที่ถูกส่งมาช่วยเหลือผู้คนที่นี่ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ได้พบเจอกับสัตว์ประหลาดและต่อสู้กันจนล้มตายไปมากเหลือเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิตอยู่ หลังจากนั้นนายทหารก็เริ่มพูดต่อว่า..ตัวเขาเองได้สืบสวนเรื่องต่างๆจากเอกสารที่ค้นพบและปรากฏว่าเขาได้ค้นพบความจริงบางอย่างเกี่ยวกับกลุ่มของเขา
"ทุกอย่างที่เป็นแบบนี้ก็เพราะไอ้หมอนั่น.."
ไจแอนท์จึงถามออกมาว่าตกลงไอ้หมอนั่นที่เขาพูดถึงนี่เป็นใคร
เขาจึงเล่าต่อว่า ในบรรดาทีมที่เขามาด้วยกันนั้นมีคนหนึ่งที่เป็นหนอนบ่อนไส้เข้ามาในกลุ่มของพวกเขาและทำการปล่อยสัตว์ประหลาดออกมาเพ่นพ่านโจมตีพวกเขาเพื่อที่จะเก็บข้อมูลการต่อสู้ให้เจ้านักวิจัยพวกนั้น
เมื่อได้ยินดังนั้นโนบิตะจึงสงสัยขึ้นมาว่า..
"ดะเดี๋ยวนะ...? นักวิจัย? ห้องทดลอง? สถานที่แห่งนี้กำลังทำอะไรอยู่กันแน่? แล้วนักวิจัยพวกนั้นเป็นใคร"
นายทหารคนนั้นจึงได้สารภาพกับพวกโนบิตะ...
"ฉันและพวกเขาต่างก็เป็นคนที่ทำงานให้กับอัมเบรล่า และพวกเขากำลังทำการทดลองบางอย่างที่น่ากลัวอยู่ซึ่งแม้แต่ฉันเองก็ยังไม่รู้รายละเอียดมากนัก"
"อัมเบรล่า?? บริษัทเวชภัณฑ์ชื่อดังของต่างประเทศที่มาเปิดสาขาในญี่ปุ่นเมื่อไม่นานมานี้น่ะเหรอ??"
ทันทีที่ได้ยินชื่อของอัมเบรล่า ไจแอนท์กับโนบิตะจึงรู้สึกตกใจขึ้นมาทันที เพราะอัมเบรล่านั้นเป็นชื่อที่รู้จักกันในวงกว้าง แม้แต่คนโง่อย่างเขาเองก็รู้
บริษัทอัมเบรล่าคอเปอเรชั่น : องค์กรด้านเวชภัณฑ์ที่กลายมาเป็นบริษัทชั้นนำของโลกที่อยู่ภายใต้คำขวัญ "ความ เชื่อฟังนำมาซึ่งวินัย วินัยนำมาสู่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเป็นบ่อเกิดของพลังอำนาจ และพลังอำนาจคือทุกสิ่ง"
นอกจากนั้น โนบิตะยังจำสิ่งที่เขาสังเกตขึ้นได้ในโรงเรียนเพราะภายในโรงเรียนเขานั้นก็มีโปสเตอร์รับสมัครคนทำงานของอัมเบรล่าแปะอยู่ เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่า อิทธิพลของอัมเบรล่านั้นได้แทรกซึมเข้ามาอยู่ในโรงเรียนของเขาแถมยังมาตั้งสถานที่สำหรับทำการทดลองลับๆบางอย่างใกล้ๆที่นี่ด้วย
หลังจากทื่พวกเขาทราบชื่อหน่วยงานที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แล้ว โนบิตะจึงได้ย้ำสิ่งที่คุณน้าทหารเขาพูดไว้ว่า สรุปคือพวกน้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคนพวกนั้นจริงๆสินะ นายทหารคนนั้นก็ได้ตอบรับ โนบิตะจึงปรึกษาหารือกับไจแอนท์ว่าจะเอายังไงกับเขาต่อดี พวกเขารู้สึกเสี่ยงมากหากจะช่วยเขาซึ่งทำงานให้กับพวกคนอันตรายพวกนั้น แต่โนบิตะก็แย้งไปว่าเราน่าจะช่วยคุณน้าดีกว่านะ เพราะว่าอย่างน้อยเขาก็อาจจะให้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมได้อีก ไจแอนท์ได้ยินดังนั้นจึงตกลงและบอกว่า ก่อนอื่นต้องพาตัวคุณน้ากลับไปหาพวกเพื่อนๆของเขาก่อน...
นายทหารคนนั้นจึงเอ่ยขอโทษและดูเหมือนว่าเขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา...แต่ทว่า...
ปัง!!!!!!
ได้มีกระสุนปืนลึกลับพุ่งเจาะเข้ากลางหน้าผากของนายทหารอย่างแม่นยำต่อหน้าต่อตาพวกโนบิตะ
"นั่นใครน่ะ!!?"
ไจแอนท์หันไปมองทางที่มีเงาคนลึกลับ ซึ่งดูเหมือนว่าคนๆนี้ก็คือคนที่แอบสะกดรอยตามโนบิตะกับไจแอนท์มาก่อนหน้านั้นนั่นเอง
ไจแอนท์ไม่รอช้าจึงคว้าปืนลูกซองวิ่งไล่ตามไปทันที ส่วนโนบิตะที่ยังคงช๊อคกับสิ่งที่เกิดขึ้นดูเหมือนว่าเขาจะยังทำใจไม่ได้กับภาพตรงหน้า
"ยิงเข้ากลางแสกหน้าแบบนี้...โหดร้ายที่สุด ทำไมถึงต้องทำเรื่องแบบนี้ด้วย"
เมื่อโนบิตะรู้ว่านายทหารคนนั้นตายแล้วจึงตัดสินใจปล่อยเขาทิ้งไว้แบบนั้นเพราะคิดว่าคงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว
แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นเขาได้พบว่ามีอะไรบางอย่างตกอยู่หลังศพนายทหารคนนั้น
มันคือประแจที่ใช้สำหรับไขอะไรบางอย่างนั่นเอง..โนบิตะคิดว่ามันต้องนำไปใช้ประโยชน์อะไรสักอย่างแน่จึงเก็บมันไปด้วยก่อนที่จะออกวิ่งไล่ตามไจแอนท์ไป
โนบิตะได้วิ่งตามไจแอนท์ไปเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่พบกับไจแอนท์เลยและแล้วเขาก็เดินมาสุดที่ทางที่มีหลุมเหวขนาดใหญ่ขวางทางอยู่ แต่เขาก็สังเกตเห็นว่ามีแท่นอะไรบางอย่างอยู่ข้างๆและมันก็มีรูเหมือนกับจะเป็นที่ใส่อะไรบางอย่างพอดี
เขานึกขั้นได้ว่าเขาเก็บประแจที่ได้มาจากศพทหารจึงลองใส่มันเข้าไปในช่องดูปรากฏว่ามันสามารถใส่เข้าได้พอดี เขาจึงสามารถหมุนสะพานให้มาเชื่อมต่อกันได้ ก่อนที่จะวิ่งข้ามสะพานไป
เขาเดินต่อไปจนสุดทางก็พบว่ามีก้อนหินทรงกลมขนาดใหญ่ขวางทางอยู่ เขาจึงหันกลับไปหาทางเพื่อตั้งหลักใหม่อีกครั้ง
แต่ดูเหมือนว่าหินก้อนนั้นเหมือนจะถูกใครบางคนผลักออกมาจนกลิ้งไล่ทับโนบิตะ
แต่โชคดีที่โนบิตะวิ่งหนีก้อนหินนั้นจนถึงทางแยกได้ทันจึงสามารถกลิ้งหลบก้อนหินได้ก่อนที่จะโดนทับเป็นกล้วยปิ้ง
โนบิตะจึงเดินไล่ไปตามทางที่หินไล่ทับมาจนเขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่ปลายทางนั้น
โนบิตะได้ยินคำพูดประมาณว่า..คนที่พูดอยู่ได้ทำการจัดเก็บกวาดคนที่เอาความลับของเขาไปแฉเรียบร้อยแถมยังได้ข้อมูลการต่อสู้มาได้เยอะแล้วด้วย
โนบิตะสังเกตเห็นว่ามีคนใส่ชุดทหารคนหนึ่งกำลังยืนคุยโทรศัพท์หันหลังอยู่ เขาจึงวิ่งแอบเข้าไปอยู่ข้างหลังก้อนหินที่อยู่ใกล้กว่านี้นิดนึงเพื่อที่จะได้ยินเสียงการสนทนาได้อย่างชัดๆ
โนบิตะได้ยินคำพูดทำให้พอจับใจความได้ว่า ดูเหมือนเขารู้สึกสนุกอยู่ในใจยามที่เขาได้ปล่อยพวกสัตว์ประหลาดให้ออกมาเล่นงานพวกนักวิจัยและทหารในกลุ่มของเขา ทำให้โนบิตะรู้ทันทีว่า คนที่ทรยศที่คุณน้าทหารพูดถึงก็คือคนๆนี้นั่นเอง และดูเหมือนว่านายทหารคนนั้นจะรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังจับตามองเขาอยู่หลังก้อนหินอยู่ จึงได้ชักปืนไปทางที่โนบิตะหลบอยู่พร้อมกับเรียกให้ไอ้คนที่มุดหัวซ่อนตัวอยู่ออกมาซะดีๆ
แต่เมื่อถึงขั้นนี้แล้ว เขาจึงไม่มีทางเลือกจึงได้ปรากฏตัวออกไปให้เห็น ทางด้านทหารเองก็ดูเหมือนประหลาดใจนิดหน่อย พร้อมกับพูดด้วยคำถามลองเชิงดูว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ และเมื่อกี้ได้ยินหรือเปล่า โนบิตะจึงตอบแบบโกหกไปว่า พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่อง
นายทหารคนนั้นรู้ทันทีว่าโนบิตะพูดโกหกเพราะว่าเขานั่นเองที่เป็นคนแอบสะกดรอยตามพวกโนบิตะมาดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้เรื่องของเขา ทำให้โนบิตะถึงกับเหงื่อตกเพราะว่าเขาไม่รู้ตัวมาก่อนเลยว่าทหารคนนี้สะกดรอยตามพวกเขามาตั้งแต่ต้น เท่ากับว่าที่เขาโกหกไปสูญเปล่าแน่
โนบิตะได้ยินดังนั้นจึงได้แต่ถามไปตรงๆว่า.. คุณเป็นใครกันแน่..?
แต่เขาก็ตอบกลับไปว่าจะเป็นใครก็ไม่สำคัญหรอก และบอกกับโนบิตะว่าเขาน่ะรู้มากเกินไปแล้ว คงจะปล่อยให้เขาเอาความลับที่นายทหารคนนี้เป็นคนทรยศหรือตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดไม่ได้
โนบิตะจึงคิดในใจทันทีว่า...คงไม่มีประโยชน์ที่จะคุยแล้ว และนายทหารคนนี้คงคิดจะฆ่าตนเองเพื่อปิดปากแน่ หากจะเอาตัวรอดไปจากสถานการณ์นี้ได้เห็นทีต้องใช้ปืนขู่สถานเดียวเท่านั้น ซึ่งโนบิตะไม่อยากจะทำแบบนี้เลย
"..บ้าเอ้ย!!!"
แต่ทว่าเขาไม่สามารถหยิบปืนออกมาได้ง่ายนัก เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เจอปืนจริงจ่อตรงหน้า แต่ในที่สุดเขาก็รวมรวมสมาธิไว้ได้พร้อมกับหยิบปืนขึ้นมายิง
โนบิตะใช้ปืนยิงใส่นายทหารคนนั้นอย่างเร็ว แต่ปรากฏว่ากระสุนเฉียดไปที่แก้มของเขาเท่านั้น (อาจจะเป็นเพราะโนบิตะไม่อยากจะฆ่าเขาทันทีจึงทำได้แต่ใช้ปืนยิงขู่ให้ยอมแพ้เท่านั้น เพราะเอาเข้าจริงเซ้นส์กับทักษะในการยิงปืนของโนบิตะนั้นสูงและแม่นยำมาก) นายทหารคนนั้นรู้สึกโกรธเล็กน้อยที่ถูกยิงเฉียดแก้ม เขาจึงใช้ปืนยิงกลับไปทันที
กระสุนปืนพุ่งเฉือนไหล่ทางด้านขวาของโนบิตะเข้าอย่างจัง ทำให้เขาถึงกับล้มลงไปด้วยความเจ็บปวด นายทหารคนนั้นเองก็รู้สึกได้ว่าฝีมือการยิงของเจ้าเด็กคนนี้ร้ายกาจมาก ถ้าหากโนบิตะคิดจะฆ่าเขาจริงเขาคงตายไปนานแล้ว
หลังจากที่เห็นสถาพโนบิตะที่รู้สึกเจ็บปวดเช่นนั้นทำให้ทหารคนนั้นมั่นใจว่า เขาคงจัดการเด็กนี่ได้แน่
"น่าเสียดายจริงๆนะไอ้หนู ฉันคงจะปล่อยให้พวกแกมาขัดขวางการวิจัยที-ไวรัส (T-Virus) ไม่ได้หรอก"
นายทหารคนนั้นได้หลุดปากคำว่า "ที-ไวรัส (T-Virus)" ออกมาทำให้โนบิตะสงสัยมากว่ามันคืออะไร
แต่เรื่องที่เขาต้องสนใจก่อนหน้านั้นคือ นายทหารได้เอาปืนพกเดิมเก็บพร้อมกับหยิบปืนโคลท์ไพธ่อน * ที่มีอานุภาพในการทำลายล้างสูงขึ้นมาเพื่อที่จะปลิดชีพของโนบิตะในทีเดียว
*อธิบายเพิ่มเติม- ปืนโคลท์ไพธ่อน (Colt Python) หรือที่รู้จักในอีกชื่อว่า ปืนแม็กนั่ม (Magnum) เป็นปืนแม็กนั่มที่ปรากฏในเกม RE1 ครั้งแรก ใช้กระสุน .357 Magnum
อานุภาพการทำลายล้างสูงมาก ใช้ยิงซอมบี้แล้วไม่มีหัวให้ดูเลย
คุณสมบัติทั่วไป
- เป็นปืนสั้นที่มีความสวยงามในเชิงคลาสลิก
- ระบบปฏิบัติการของปืนลูกโม่ (รีโวลเวอร์ = Revolvers) ใช้ได้ง่าย ไม่ต้องขึ้นลำก่อนยิง ไม่มีเซฟให้ปลดก่อนยิง หากบรรจุลูกกระสุนไว้แล้ว ฉุกเฉินควักปืนขึ้นมาเหนี่ยวไกกดไกปืน ลั่นตูมทุกนัด
- หากลูกปืนด้านก็ไม่ต้องยุ่งยาก ก็เพียงเหนี่ยวไกกดไกปืนนัดต่อไปก็ลั่นตูมได้ *0* โอ้วแม่เจ้า..
- อานุภาพความรุนแรงสูงมาก
- รังเพลิงใส่กระสุนบรรจุกระสุนได้ 6 นัด
"แกคงต้องตายที่นี่ซะแล้วล่ะนะ แต่ไม่ต้องห่วง ฉันจะส่งเพื่อนของพวกแกตามไปด้วย"
(คนเขียน : คุณมึงโหดมาก นี่กะจะใช้แม็กนั่มกะเด็กเลยเรอะ!!!!)
ในตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงประหลาดดังมาจากด้านหลังของเขา
และทันทีที่เขาหันกลับไปมอง เขาก็ต้องพบกับแมงมุมขนาดยักษ์ที่มีนามว่าแบล็คไทเกอร์ (Black Tiger) ซึ่งเป็นอาวุธชีวภาพชนิดหนึ่ง ซึ่งเจ้าแมงมุมตัวนี้มันคือสัตว์ประหลาดที่พวกนักวิจัยขังมันไว้ภายในอุโมงค์ชั้นใต้ดินแห่งนี้นั่นเอง
เขาตกใจมากกับการปรากฏตัวของมันกะทันหัน และในตอนนั้นเองที่มันพ่นใยโจมตีใส่เขา
การโจมตีด้วยใยของมันทำให้ร่างของเขากระเด็ดนไปกระแทกกับก้อนหินพร้อมกับทำให้ปืนโคลท์ไพธ่อนร่วงจากมือ เขาพยายามที่จะต่อสู้กับมันด้วยปืนพกที่เหลืออย่างตื่นตระหนก
"บะ..บะเอ้ย ใยนี้มันเหนียวอะไรขนาดนี้วะ!!"
เขาพยายามจะดึงใยของมันออกแต่มันเหนียวยิ่งกว่าเชือกรัดเขาเสียอีก และปืนพกที่เขามีอยู่นั้นไม่อาจจะเจาะทะลุผิวหนังของมันได้เลยแม้แต่น้อย
"อย่าเข้ามานะว้อยยย อย่าเข้ามา!!!"
แล้วในที่สุด ทหารคนนั้นก็กลายเป็นอาหารอันแสนโอชะของแมงมุมยักษ์ตัวนั้น หลังจากที่มันรับประทานอาหารตรงหน้าเสร็จ มันก็มองไปทางเหยื่อตัวต่อไปซึ่งก็คือโนบิตะที่กำลังบาดเจ็บจากการถูกกระสุนปืนมาหมาดๆ
หากแต่ว่า...เขาบาดเจ็บหนักอยู่ทำให้เขาไม่สามารถวิ่งหนีไปไหนได้ ดังนั้นหากไม่อยากตายก็มีทางเลือกเดียวเท่านั้น
เขาต้องสู้กับมันทั้งในสภาพบาดเจ็บอยู่แบบนี้นั่นเอง!!!
สถานปัจจุบันของโนบิตะ : Caution บาดเจ็บจากการถูกกระสุนปืนยิง ไม่มีไอเท็มเพิ่มพลังอย่างสเปรย์ปฐมพยาบาลหรือแม้แต่กรีนเฮิร์บ (Green Herb) !!!!
บทความต่อไป...
การต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด โนบิตะ VS แมงมุมยักษ์ แบล็คไทเกอร์.....
โนบิตะจะสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้หรือไม่ เพื่อนคนอื่นจะมาช่วยเขาทันไหม โปรดติดตามตอนต่อไปในบทความ
>>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 13]
จะเห็นได้ว่าเนื้อเรื่องส่วนนี้จะคล้ายกับ RE1 คล้ายกับภาคออริจินอลที่เคยพูดถึงเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเจอคนแล้วถูกยิงตาย จากนั้นก็เก็บประแจไปไขทางต่อ หนีก้อนหิน และมาสิ้นสุดที่เจอแมงมุมยักษ์ แบล็คไทเกอร์
ขยันมากๆเลยค่ะ ขอบคุณที่อัพมาให้อ่านกันนะคะ ^__^
ตอบลบโอ้ เร็วดีแท้........ ตอนนี้กำลังเขียนอยู่... = ="
ลบอัพเรียบร้อยละจ้า... ช่วงนี้อาจจะลงช้าไปหน่อย เพราะติดธุระเยอะ (น่าจะเรียกว่าโดนใช้ให้ทำธุระโน่นนี่นนั่นมากกว่า) แถมย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดเน็ตก็ไม่ค่อยแรงด้วย ติดๆดับๆบ้าง
ตอบลบและแล้วอาวุธสุดท้ายของมนุษยชาติแห่งเกมไบโอก็โผล่มาแล้ว(ฮา) (แรงสุดทุกภาคทั้งทีเป็นแค่ปืนพกทั่วไป)
ตอบลบอืม ปืนแม็กนั่ม แรงได้โล่จริงๆ ปืนพกบ้าอะไรเนี่ย =w=
ลบ*เพิ่มข้อมูลปืน
(คนเขียน : คุณมึงโหดมาก นี่กะจะใช้แม็กนั่มกะเด็กเลยเรอะ!!!!)
ตอบลบ55555+