" />

วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556

โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 16]

หลังจากที่ห่างเหินการอัพเดทมาเป็นเวลานานก็ขอกลับมาอัพเนื้อเรื่องต่อสักที....ซึ่งบทความที่แล้วคืออันนี้ >> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 15] ตอนนี้ก็ขอเริ่มบทความที่ 16 เลยละกัน


เอกสารการทดลองของอัมเบรล่า


ความเดิมตอนที่แล้วเดคิสุงิ โดราเอม่อน ไจแอนท์ และซูเนโอะมุ่งหน้าไปยังชั้นใต้ดินเพื่อตรวจสอบข้อมูลจากจดหมายของนักวิจัยที่ชื่อ "อากิระ" ที่พวกเขาพบ ซึ่งเนื้อความในจดหมายนั้นอากิระต้องการบอกให้นักวิจัยที่ชื่อ "ริน" ซึ่งเป็นคนรักของเขานำเอกสารการวิจัยต่างๆที่เขารวบรวมเก็บซ่อนไว้เป็นหลักฐานในการจับกุมอัมเบรล่านำออกไปให้ทางรัฐบาลเพื่อดำเนินการจับกุมเอาผิดตัวต้นเหตุหายนะทั้งหมดให้ได้

ที่ชั้นใต้ดินนั้นดูเหมือนว่าพวกเดคิสุงิจะพบกับร่างของนักวิจัยหญิงที่ชื่อรินในห้องๆหนึ่งแล้ว แต่ทันทีที่ไจแอนท์เดินเข้าไปสำรวจข้างในปรากฏว่าระบบกำจัดผู้บุกรุกของห้องนั้นได้เริ่มทำงานทำให้ไจแอนท์ถูกขังอยู่ข้างในและต้องต่อสู้กับเคลเบรอสที่ออกมาจากลิฟต์ภายในห้องนั้นอย่างต่อเนื่อง

สิ่งที่เกิดขึ้นกับรินนั้นคือ  ตอนที่เธอไปหาเอกสารลับที่อากิระซ่อนไว้และคิดที่จะนำมันออกไปข้างนอกห้องทดลองแต่ว่า เธอถูกนักวิจัยคนหนึ่งจับได้จึงตามเอาปืนมายิงเธอจนได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในห้องกับดักที่ไจแอนท์ติดอยู่ในปัจจุบัน หลังจากนั้นนักวิจัยคนนั้นจึงได้ยึดบัตรประจำตัวของริน [ซึ่งจากข้อมูลในบัตรทำให้รู้ว่าเธอมีชื่อเต็มว่า "ซาคาเอะ ริน (Sakae Rin)"] เพื่อไม่ให้เธอนำบัตรนั้นมาใช้เปิดประตูห้องจากข้างในได้และปล่อยให้เธอรวมถึงหลักฐานต่างๆถูกขังไว้ในห้องนั้น ซึ่งกำลังจะดำเนินการปล่อยพวกสัตว์ทดลองอาวุธชีวภาพมาเพื่อจัดการกับเธอรวมถึงทำลายหลักฐานต่างๆในห้องนั้นไปพร้อมกัน  แต่รินซึ่งยังไม่ตายพยายามเอื้อมมือคว้าเอกสารพวกนั้นไว้ก่อนที่สัตว์ทดลองตัวแรกอย่างเคลเบรอสจะถูกปล่อยออกมา


เธอรู้ตัวดีว่าเธอคงไม่รอดออกไปจากสถานที่แห่งนี้จึงได้พยายามเอาตัวบังเอกสารไว้ไม่ให้สัตว์ทดลองเข้าไปทำลายมันได้ และในที่สุดเธอก็ถูกเคลเบรอสฆ่าตายอย่างน่าสงสารในห้องแห่งนั้น (สาเหตุที่ต้องยอมตายเพราะว่าหากระบบภายตรวจจับได้ว่าเธอไม่ตายภายในช่วงเวลานั้น ตัวระบบจะดำเนินการปล่อยสัตว์ทดลองออกมาเรื่อยๆซึ่งทำให้ยากต่อการรักษาเอกสารมากขึ้น)

ตัดกลับมาปัจจุบัน ไจแอนท์พยายามหาวิธีเอาตัวรอดออกไปจากที่นี่ ซึ่งเขาคิดอยู่ว่าจะใช้เครื่องยิงระเบิดที่สะพายอยู่ด้านหลังเขาเลยดีไหม (มีอยู่ 2 นัด) แต่ก็ตัดสินใจที่จะไม่ใช้เพราะเขาไม่รู้ว่า ความรุนแรงของมันอาจจะทำให้เขาโดนลูกหลงหรือเปล่าเพราะต้องใช้มันในห้องแคบๆ


และตอนนั้นเองเขาก็ต้องตกใจเมื่อมีมือข้างหนึ่งมาจับขาเขาไว้





รินที่ตายแล้วกลายเป็นซอมบี้นั่นเองที่จับขาเขาไว้ ไจแอนท์จึงต้องใช้ปืนลูกซองยิงไหล่ของเธอเพื่อให้หลุดจากการพันธนาการและช่วงนั้นเองที่เคลเบรอสพุ่งเข้าจู่โจมเขา  และโชคร้ายที่กระสุนปืนลูกซองเขาดันมาหมดตอนนี้พอดี เขาจึงใช้ตัวปืนขึ้นป้องกันการกัดของมันก่อนที่จะเหวี่ยงฟาดใส่มันอย่างรุนแรง หลังจากนั้นเขาจึงต้องเปลี่ยนมาใช้ปืนพกต่อสู้กับพวกมัน

 

ไจแอนท์ไม่รู้ว่าเขาจะทนสู้อยู่ในห้องนี้ได้นานแค่ไหน ทางฝั่งเดคิสุงิที่อยู่ด้านนอกพยายามที่จะกดปุ่มแก้พัซเซิลระบบที่จะช่วยไจแอนท์ออกมาอย่างสุดความสามารถ แต่ในสถานการณ์ที่กดดันเช่นนี้ทำให้เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการรวบรวมสมาธิในการแก้ปริศนานี้


และในตอนนั้นเองที่โดราเอม่อนสังเกตุเห็นอะไรบางอย่างจึงหันปากกระบอกปืนอัดอากาศโจมตีใส่ทันที


ในระหว่างที่เดคิสุงิพยายามช่วยไจแอนท์อยู่นั้น ก็มีพวกเฟอโรวิเนอร์โต้บุกเข้ามาโจมตีพวกเขา ทำให้โดราเอม่อนกับซูเนโอะต้องคอยยิงต่อสู้กับพวกมันอย่าให้เข้ามาใกล้พวกเขาได้




เวลาที่จะช่วยไจแอนท์ได้เหลือเพียง 20 วินาทีเท่านั้น เดคิสุงิได้พยายามใช้สมาธิทั้งหมด คำนวณปุ่มที่จะใช้แก้ปริศนาทั้งหมด


ในระหว่างนั้น โดราเอม่อนกับซูเนโอะก็ต้องช่วยกันยิงต่อสู้กับพวกสัตว์ประหลาดที่บุกเข้ามา


อีก 10 วินาทีเท่านั้น!!  เดคิสุงิได้มองเห็นคำตอบแล้วจึงกดปุ่มทั้งหมดในเวลาอันรวดเร็วและในที่สุดก็สามารถเปิดประตูช่วยไจแอนท์ออกมาได้ (เหลืออีก 4 วินาที) ไจแอนท์รู้สึกโล่งใจที่เห็นประตูนั้นเปิดออกเสียที (ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เขาใช้ปืนพกจัดการพวกเคลเบรอสจนหมดห้อง) เขาหันไปมองที่ศพของรินอีกครั้ง ซึ่งตอนนั้นเองที่เขานึกได้ว่าบางทีเอกสารพวกนี้คือข้อมูลหลักฐานการทดลองต่างๆของอัมเบรล่าที่พวกเขาตามหาอยู่ก็ได้ ไจแอนท์จึงหยิบมันขึ้นมาสำรวจดูและในตอนนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียง..


เสียงลิฟต์ที่กำลังขนอะไรบางอย่างลงมาถึงชั้นล่าง และหลังประตูลิฟต์นั้นก็ได้ยินเสียงคำรามของตัวอะไรบางอย่างจำนวนมากดังออกมา เมื่อได้ยินดังนั้นไจแอนท์จึงรู้ทันทีว่าสิ่งที่อยู่ภายในลิฟต์คืออะไร เขาจึงรีบหยิบเอกสารและวิ่งออกมาจากห้องทันที ซูเนโอะจึงถามไจแอนท์ว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า ไจแอนท์จึงรีบตอบออกมาว่าเขาไม่เป็นไร และขอให้ทุกคนรีบวิ่งหนีออกมาจากชั้นนี้เดี๋ยวนี้!!! เพราะเขามั่นใจเลยว่าสิ่งที่อยู่หลังประตูลิฟต์นั้นคือบรรดาสัตว์ประหลาดอาวุธชีวภาพที่ดุร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนแน่นอน


และในตอนนั้นเองพวกไจแอนท์ก็พบว่าพวกโนบิตะได้ตามลงมาถึงชั้นที่เขาอยู่พอดี  ทำให้พวกไจแอนท์ต้องตะโกนบอกไล่ให้พวกโนบิตะหนีกลับไปชั้นบนโดยด่วนที่สุด ซึ่งการที่โนบิตะลงมาชั้นล่างเองโดยพลการนั้นทำให้ไจแอนท์โมโหมากเพราะว่าดันเอาตัวเข้ามาเสี่ยงอันตรายโดยไม่จำเป็นในช่วงที่อยู่ในเวลาวิกฤติพอดี


โดราเอม่อนพยายามบอกให้ไจแอนท์ใจเย็นลงแต่ก็ไม่สำเร็จ เดคิสุงิจึงเข้ามาช่วยพูดเกลี่ยกล่อมซ้ำว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโทษกันเอง ไจแอนท์จึงปล่อยมือ และตอนนั้นเองที่โนบิตะพูดขึ้นมาว่า เขาแค่ไม่อยากให้ใครต้องตายอีกแล้ว..


...แน่นอนว่าโนบิตะเองไม่อยากให้มันเกิดเรื่องเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับรุ่นพี่ชิรามิเนะอีกแล้ว เขาแค่..ไม่อยากปล่อยให้เพื่อนของเขาตายโดยที่เขาไม่ได้เข้าไปช่วยเลยแม้แต่น้อยได้อีกแล้ว



สิ่งที่โนบิตะพูดออกมานั้นทำให้ทุกคนเริ่มเข้าใจ ไจแอนท์จึงได้ใจเย็นลงและดึงเข้าให้ลุกขึ้นมาพร้อมกับบอกว่า นายนี่มันบ้าจริงๆเลยนะ


ตอนนั้นเองที่ซูเนโอะพูดถึงสิ่งที่ไจแอนท์พบซึ่งมันไม่ได้มีแค่ตัวเอกสารเท่านั้นแต่ยังมีแผ่นซีดีที่ใส่ข้อมูลบางอย่างไว้ด้วย ไจแอนท์ตัดสินใจส่งมันไปให้เซย์นะที่เป็นรุ่นพี่อ่านให้เนื่องจากว่าภายในเอกสารนั้นมีคำศัพท์และคันจิยากเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจ (อันที่จริงเดคิสุงิก็อ่านได้แต่ขอพักเหนื่อยก่อน)

เซย์นะจึงเริ่มอ่านข้อมูลที่อยู่ในเอกสารนั้น..





 ข้อมูลในเอกสารนั้นกล่าวถึงการทดลองของอัมเบรล่าที่เกิดขึ้นภายในห้องทดลองแห่งนี้ ซึ่งก็คือการทดลองการใช้สิ่งที่เรียกว่า "ที-ไวรัส (T-Virus)" หรือที่เรียกอีกอย่างว่า "ไทแรนท์-ไวรัส (Tyrant-Virus)" นั่นเอง เดคิสุงิจึงได้เข้าใจทันทีว่าสาร T ที่อยู่ในข้อมูลของ B.O.W. มันคือชื่อของไวรัสตัวนี้นั่นเอง หลังจากนั้นก็มีการเล่าถึงคุณสมบัติของที-ไวรัสต่างๆน่าๆ (อ่านรายละเอียดตัวเต็มของที-ไวรัสในหน้าเว็บนี้หรือวิกิพิเดียดีกว่า) คร่าวๆว่ามีผลในการเปลี่ยนแปลงเซลล์ของร่างกายทำให้เกิดการเผาผลาญเมตาบอลิซึ่มที่รุนแรงจนเกิดการหิวกระหายอย่างรุนแรงและทำให้มนุษย์ตายได้และฟื้นขึ้นมากลายเป็นซอมบี้

เคนจิจึงได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า แสดงว่าคนพวกนี้คงจะติดไวรัสชนิดนี้เข้าไป



และสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือสิงที่เซย์นะอ่านต่อนั่นคือ ผู้ที่เป็นซอมบี้จากที-ไวรัสนั้นจะเกิดอาการกระหายเลือด+เนื้อของสิ่งมีชีวิตอื่นๆและสามารถแพร่เชื้อไปยังคนที่มีชีวิตได้โดยการ..."กัดกิน" เหยื่อ ผู้ที่ถูกกัดจะติดเชื้อไวรัสและจะตายกลายเป็นซอมบี้ทำให้เกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในเมือง ซึ่งตรงนี้เองทำให้ทุกคนรับรู้ความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด


เคนจิได้พูดถึงเวลาที่ใช้ในการแพร่ระบาดซึ่งเขาบอกว่าจากหัวเอกสารนี้คือสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นในห้องทดลองเมื่ออาทิตย์ก่อน และการแพร่ระบาดในเมืองนั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 3 วันที่แล้ว (ตอนที่โนบิตะกับเพื่อนๆไปพักร้อนบนเกาะ) ซึ่งนับได้ว่าเป็นการแพร่ระบาดที่รุนแรงมาก


เซย์นะจึงได้อ่านข้อมูลต่อ

แต่สำหรับที-ไวรัสที่ใช้กับคนนั้นมีผลคือการทำให้คนเป็นซอมบี้ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นผลงานที่ไม่สมบูรณ์นัก เพราะอันที่จริงแล้วที-ไวรัสมีไว้เพื่อใช้ในการสร้างสุดยอดอาวุธชีวภาพขึ้นมานั่นเอง และปัจจุบันผลงานอาวุธชีวภาพที่เกือบสมบูรณ์แบบที่สุดในห้องทดลองนั้นยังคงถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัยไว้ที่ชั้นใต้ดินส่วนลึกของอาคาร ทำให้เดคิสุงินึกถึง B.O.W. T-002 ไทแรนท์ ว่าเจ้านี่คงจะเป็นผลงานสุดยอดของการใช้ที-ไวรัสที่พูดถึง


ไจแอนท์จึงได้ถามเซย์นะว่า เอกสารทั้งหมดจบเพียงเท่านี้ใช่ไหม และต่อจากนี้ไปพวกเขาควรจะทำอย่างไรต่อไป เซย์นะบอกว่าข้อมูลรายละเอียดของ B.O.W. ทั้งหมดอยู่ในแผ่นดิสก์ที่เธอถืออยู่นี่ ข้อมูลจากเอกสารก็หมดแล้ว แต่ยังมีจดหมายฉบับสุดท้ายที่ถูกแนบท้ายซึ่งคาดว่าอากิระเป็นคนเขียน กล่าวถึงคำสารภาพผิดที่เป็นส่วนร่วมของการสร้างสิ่งที่น่ากลัวพวกนี้ขึ้นมาและถ้าเป็นไปได้ก็ขอฝากให้รินหรือใครก็ได้ที่ได้เอกสารนี้ไปทำลายผลงานของปีศาจร้ายพวกนี้ให้หมด




หลังจากที่ทุกคนได้รู้เรื่องราวจากเอกสารทั้งหมด เดคิสุงิจึงได้กางแผนที่ขึ้นมาเพื่อวางแผนการต่อไป ซึ่งแผนการที่ว่านั้นคือ พวกเขาจะต้องหาทางหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ให้ได้ โดยการเปิดการใช้งานรถไฟฉุกเฉินที่ห้องควบคุมหลักซึ่งต้องอาศัยลิฟต์อาคารหลัก



หลังจากนั้นเดคิสุงิก็อธิบายแผนการต่างๆยาวบลาๆๆๆๆๆๆๆๆ เกือบครึ่งชั่วโมงทำเอาเคนจิ ยาสุโอะ กับไจแอนท์เครียดไม่รู้จะจำได้หมดหรือไม่ เซย์นะจึงสรุปใจความสั้นๆบอกให้ทุกคนรีบไปรวมตัวกันที่ลิฟต์ก่อน ซึ่งทางเดคิสุงิเองนั้นก็บอกว่าตนคงจะต้องไปสำรวจข้อมูลเพิ่มเติมในห้องควบคุมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งพอได้ยินดังนั้นไจแอนท์จึงบอกสรุปง่ายๆคือ ค่อยทำตามไปทีละขั้นตอนเริ่มจากไปรวมตัวกันที่ลิฟต์ก่อนยังงั้นสินะ ซูเนโอะก็แอบแซวไปว่าอธิบายยาวๆคงไม่เหมาะกับไจแอนท์เท่าไหร่สินะ


ขอเพิ่มเติมในเกมนิดนึงคือลิฟต์ตัวหลักที่เดคิสุงิพูดถึงเนี่ย...หลังจากที่ดำเนินการปลดล็อกห้องโดยการใส่รหัส Adam แล้วโนบิตะจะต้องเป็นคนนำคีย์การ์ดของอากิระไปเปิดการทำงานของลิฟต์ตัวหลักด้วย ซึ่งตอนแรกคือการเข้าไปในห้องเครื่องจักรที่ผ่านการปลดล็อกแล้ว..(ซึ่งอยู่บนชั้นเดียวกับห้องที่พวกโนบิตะอยู่กันในบทความนี้)


ภายในห้องนั้นโนบิตะต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดหนึ่งในอาวุธชีวภาพที่ชื่อ "คิเมร่า (Chimera)"


โนบิตะได้พบว่ามีกระดาษโน้ตบางอย่างวางไว้บนถึงซึ่งเขียนเป็นเลข 4 หลักคือ 1792 ซึ่งเขามั่นใจว่าต้องเป็นรหัสอะไรสักอย่าง (รหัสจะถูกสุ่มไปทุกครั้งที่เล่น)


จากนั้นเขาก็ต้องนำรหัสที่ได้ไปกรอกที่เครื่องควบคุมเครื่องปั่นไฟสำหรับเปิดการทำงานการใช้ลิฟต์


และท้ายที่สุดเขาก็นำคีย์การ์ดของอากิระมารูดที่เครื่องปั่นไฟหลักที่ทำงานแล้วเพื่อเปิดใช้งานลิฟต์ตัวหลัก


หลังจากนั้นโนบิตะจึงกลับมารวมกลุ่มกับทุกคนเพื่อพร้อมที่จะเดินทางไปยังลิฟต์ตัวหลักที่ต้องฝ่าพวกสัตว์ประหลาดต่างๆที่กรูกันขึ้นมาจากชั้นล่างขวางทางพวกเขาเอาไว้

บทความต่อไป....มุ่งหน้าสู่ห้องควบคุม....และ...ห้องควบคุมที่ว่านั้น....ก็อยู่ใกล้กับห้องที่เก็บสุดยอดอาวุธชีวภาพที่แข็งแกร่งที่สุดเสียด้วยสิ!!!


บทความต่อไป >>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 17]

แสดงความเห็นบน Facebook!

2 ความคิดเห็น :