" />

วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556

โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 22 - ตอนจบ]

และแล้วในที่สุดก็เขียนมาถึงตอนจบของภาคนี้พอดี ซึ่งทุกท่านควรจะอ่านตอนที่แล้วมาก่อนนะ
>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 21]




========================================================


เส้นทางสู่อนาคต..พวกเราจะก้าวไปด้วยกัน

รถไฟฉุกเฉินมุ่งหน้าไปตามเส้นทางรถไฟซึ่งเป็นทางออกของห้องวิจัยลับไปยังโลกภายนอก พวกโนบิตะกับเพื่อนทุกคนสามารถหนีขึ้นมาบนรถไฟได้อย่างฉิวเฉียดก่อนที่ห้องวิจัยจะระเบิดตัวเอง

ดูเหมือนทุกคนจะปลอดภัยดี แต่ทว่า...

"โนบิตะ....โนบิตะ!!! ทำใจดีๆไว้ เกิดอะไรขึ้นกับนายเนี่ย!! นายไม่ได้บาดเจ็บรุนแรงนี่นาแล้วทำไม ถึงเป็นแบบนี้.."

เสียงของโดราเอม่อนยังคงดังต่อเนื่องเมื่อดูท่าทางอาการของโนบิตะซึ่งดูเหมือนจะเกิดอะไรบางอย่างขึ้น ร่างกายของเขาสั่นกระตุก อย่างรุนแรง ราวกับทุกอะไรบางอย่างกัดกินอยู่ภายใน อีกทั้งสีหน้าก็เริ่มแย่ แถมรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง

"หรือว่าแบบนี้มัน..!!?"

ดูเหมือนเดคิสุงิจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโนบิตะ หลังจากนั้นเขาจึงหันไปมองยาสุโอะ

"ยาสุโอะคุง นายก็เหมือนกันรีบมาทางนี้เร็วเข้า!!"

ยาสุโอะเองก็เริ่มหายใจหอบและมีสีหน้าซีดเซียว เหมือนกับมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นเช่นกัน..

"แย่แล้วขืนเป็นแบบนี้ทั้งสองคนมีหวัง..."  เดคิสุงิจึงรีบเปิดกระเป๋าสีเหลี่ยมที่เขาหยิบมาจากห้องทดลองพร้อมกับหยิบของชิ้นหนึ่งขึ้นมาที่เป็นหลอดแก้วพร้อมกับมีสายสารบางอย่างที่เป็นเกลียวอยู่ข้างใน

"ต้องรีบแล้ว!!!"



ในเวลาต่อมาโนบิตะได้ฟื้นขึ้น (โดยที่ข้างๆนั้นมีผงกรีนเฮิร์บวางอยู่) และพยายามจะลุกขึ้น แต่ดูเหมือนว่าเขายังมึนหัวอยู่เล็กน้อย..

"โนบิตะคุง โนบิตะ!!"

โดราเอม่อนพยายามห้ามไม่ให้โนบิตะลุกขึ้นมาเพราะอาจจะมีอาการผิดปกติหลงเหลืออยู่

"ทุกคน ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง"

โนบิตะได้กล่าวขอโทษทุกคนพร้อมกับบอกว่าตอนนี้เขารู้สึกดีขึ้นแล้ว ซึ่งทำเอาเซย์นะกับเคนจิโล่งอก

"มันจบแล้วสินะ" เซย์นะพูดออกมา

"อา....พวกเราทุกคนรอดแล้ว ดีใจจริงๆ.."  เคนจิพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูดีใจ

หลังจากนั้นเดคิสุงิก็เริ่มอธิบายให้โนบิตะฟังเกี่ยวกับอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเมื่อสักครู่นี้ว่า ที่โนบิตะเป็นแบบนั้นก็เพราะ...


"หา!!!? ฉันกับยาสุโอะคุง ติดเชื้อที-ไวรัสงั้นเหรอ!!?"

โนบิตะรู้สึกตกใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง


"แต่ตอนนี้ไม่ต้องห่วงหรอกนะ โนบิตะคุง" ชิสุกะพูดกับโนบิตะอย่างอ่อนโยนพร้อมกับยื่นของบางอย่างให้เขาดู

"เดคิสุงิคุง เขาเอาเจ้าสิ่งนี้ช่วยเธอเอาไว้ได้แล้วล่ะ.."

โนบิตะรับมันมาดูซึ่งเจ้าสิ่งที่โนบิตะถืออยู่นั้นคือ..

"วัคซีนรักษาการติดเชื้อที-ไวรัส" นั่นเอง..... (แต่ว่าขวดที่โนบิตะถืออยู่นั้นถูกใช้งานไปจนหมดแล้ว)

การที่เดคิสุงิได้วัคซีนรักษาการติดเชื้อที-ไวรัสนั้นขอเล่าย้อนกลับไปในบทความนี้ >> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 18]

ตอนที่เดคิสุงิหาเส้นทางไปยังห้องควบคุม (ตอนที่โนบิตะถูกขังไว้ในห้องพร้อมกับไทแรนท์ตอนแรก) เขาก็ได้พบกับข้อมูลของวัคซีนรักษาอาการติดเชื้อที-ไวรัสโดยบังเอิญจากศพนักวิจัยคนหนึ่งที่ถูกยิงเสียชีวิต อีกทั้งยังพบข้อมูลอื่นด้วยว่า การติดเชื้อที-ไวรัส ไม่ได้เกิดจากการถูกพวกซอมบี้กัดเพียงเท่านั้น แต่อาวุธชีวภาพอื่นที่เกิดจากที-ไวรัสไม่ว่าจะเป็นเคลเบรอส ฮันเตอร์ ไบโอเกลลัส หากถูกพวกมันสร้างบาดแผลให้ก็มีโอกาสได้รับเชื้อที-ไวรัสเช่นกัน เนื่องจากที-ไวรัสสามารถติดได้ทางกระแสเลือด และทีมงานนักวิจัยคนหนึ่งที่คิดที่จะนำวัคซีนรักษาที-ไวรัสไปขายในตลาดมืดพร้อมกับที-ไวรัสเพื่อสร้างกำไรมหาศาล พร้อมกับทำลายตัวอย่างวัคซีนทั้งหมดในห้องทดลองด้วย

[พฤติกรรมคล้ายกับเฟรเดอริค ดาวน์นิ่ง (Frederic Downing) จาก Resident Evil ภาค Degeneration เลยจริงๆ ที่คิดจะขโมยวัคซีนไปขาย]




แต่ว่าคนๆนั้นกลับถูกคนในกลุ่มจับได้จึงถูกยิงตายก่อนที่จะนำวัคซีนไปขาย ทำให้วัคซีนชุดสุดท้ายยังคงอยู่ในห้องทดลองแต่ก็ไม่สามารถนำมันออกมาใช้ในการแก้ไขสถานการณ์ตอนที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อที-ไวรัสในห้องทดลองได้ทัน (เนื่องจากเหลือแค่ชุดเดียวเท่านั้น) ทำให้ผู้คนจำนวนมากติดเชื้อจนกลายเป็นซอมบี้ อีกทั้งผู้ที่สามารถยึดวัคซีนชุดสุดท้ายคืนมาได้ก็ถูกอาวุธชีวภาพในสถานที่แห่งนั้นฆ่าตายอีก ซึ่งเดคิสุงิเองก็ได้ตามหาเบาะแสที่อยู่ของวัคซีนจนพบว่ามันอยู่ในกล่องที่เขาจะนำออกมาจากห้องทดลองนั่นเอง

เมื่อได้ยินเรื่องราวตรงนั้น ยาสุโอะก็เริ่มหัวเราะทั้งน้ำตา เขาบอกว่าตอนที่เขาได้ยินเรื่องนี้ เขารู้สึกดีใจมากที่เขารอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด และอีกใจหนึ่งก็รู้สึกกลัวมากด้วยที่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อไวรัสที่อาจจะทำให้ตัวเองต้องกลายเป็นสัตว์ประหลาดเพราะตลอดทางที่มาถึงที่นี่เขาก็รับรู้ได้ว่าร่างกายของเราผิดปกติและออกอาการเหมือนคนติดเชื้อมาโดยตลอด เขากลัวและกังวลมากว่าเขาอาจจะต้องตายเพราะอาการประหลาดนี้ก็ได้


หลังจากนั้นยาสุโอะก็กล่าวขอบคุณในความฉลาดรอบคอบของเดคิสุงิมากที่ทำให้เราเขารอดพ้นมาจากความตายมาได้ และตอนนั้นเองซูเนโอะก็เริ่มสงสัยว่าการที่ยาสุโอะติดเชื้อน่ะมันไม่แปลกหรอกเพราะเขาถูกไบโอเกลลัส (กิ้งก่ายักษ์) เล่นงานจนติดเชื้อ แต่ว่าทำไมโนบิตะถึงได้แสดงอาการแตกต่างจากยาสุโอะ ทั้งๆที่ติดเชื้อตอนสู้กับไบโอเกลลัสเหมือนกัน เหมือนกับอาการพึ่งจะมาปะทุอย่างรุนแรงตอนสู้กับไทแรนท์เสร็จ ทำให้โนบิตะคิดในใจว่าบางทีอาจจะเป็นเพราะตอนต่อสู้กับไทแรนท์ตัวต่อตัวในตอนนั้นก็ได้ ตอนที่ไทแรนท์ตบหลอดทดลองที่เต็มไปด้วยสารละลายใส่เขาทำให้ร่างกายมีบาดแผลและได้รับสารละลายที่น่าจะมีที-ไวรัสจำนวนมาก


**เนื้อหาตรงนี้จะเห็นได้ว่ามีการใช้วัคซีนรักษาที-ไวรัสกับโนบิตะและยาสุโอะแค่ 2 คนเท่านั้นเพราะว่าเป็นการอ้างอิงตามโดจิน แต่ถ้าเสริมเนื้อเรื่องตามเกมส์แล้ว คนที่ได้ใช้วัคซีนที-ไวรัสนั้นควรจะมีทั้งหมด 3 คน เพราะรวมเดคิสุงิที่ถูกไบโอเกลลัสทำร้ายจนบาดเจ็บเลือดออกตามเนื้อเรื่องตรงนี้ไปด้วย ซึ่งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็เท่ากับว่าพวกโนบิตะก็ได้ใช้วัคซีนรักษาการระบาดของเชื้อที-ไวรัสจนหมดไปแล้ว.... ซึ่งควรจะเป็นแบบนั้น แต่ว่าพวกเขายังเหลือวัคซีนอีก 1 หลอด เพราะเดคิสุงิไม่ได้ใช้เนื่องด้วยเหตุผลบางอย่าง...


>>> เนื้อหาที่อ้างอิงการที่เดคิสุงิติดเชื้อที-ไวรัส

ตอนนั้นเองที่โนบิตะตัดสินใจเล่าเรื่องตอนที่เขาถูกสารละลายที-ไวรัสตอนสู้กับไทแรนท์ครั้งแรกให้ฟัง ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าโนบิตะได้รับเชื้อที-ไวรัสมาจากไหน แต่มีเพียงเดคิสุงิเท่านั้นที่นิ่งเงียบราวกับคิดอะไรบางอย่างในเรื่องของโนบิตะที่ไม่เหมือนกับคนอื่น (ก็คงจะเป็นเรื่องที่โนบิตะในโหมดตาสีแดงนั่นแหละ)

หลังจากนั้นเขาจึงเริ่มหันกลับมาคิดถึงที่มาของสาเหตุการสร้างเชื้อที-ไวรัสชนิดนี้ ว่านอกจากมันจะเกี่ยวข้องกับการสร้างอาวุธชีวภาพแล้วมันยังมีจุดประสงค์อย่างอื่นแอบแฝงอยู่หรือเปล่า แล้วเจ้าแผ่นซีดีรวบรวมข้อมูลต่างๆที่พวกเขารวบรวมมาด้วยมันจะใช้ประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหน แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดพักความคิดนั้นไปก่อนเพราะว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่ที่จะคิดอะไรฟุ้งซ่านในตอนนี้


"นี่ แล้วต่อจากนี้จะทำยังไงต่อดีล่ะ.."

ซูเนโอะก็เริ่มเปิดประเด็นต่อ (เหมือนในเกมตรงนี้เป๊ะเลย)





เขาเริ่มนึกถึงการใช้ชีวิตในภายภาคหน้าแล้วว่าจะทำยังไงต่อดี ตอนนี้ที่ให้กลับก็ไม่มีแล้ว พวกเขาจะทำอย่างไรต่อไปดี ซึ่งคำพูดของซูเนโอะทำให้เซย์นะเองก็เริ่มคิดเหมือนกันว่า...ถ้าหากย้ายไปยังสถานที่แห่งอื่นที่ปลอดภัยแล้วเล่าเรื่องที่พวกเขาพบมาให้ฟังจะมีคนเชื่อสักกี่คน

เคนจิที่ได้ยินดังนั้นก็พูดกับเซย์นะว่า เฮ้ย..พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ เรามีหลักฐานเกี่ยวกับเจ้าพวกอัมเบรล่าอยู่ในแผ่นซีดีแผ่นนี้แล้วไม่ใช่เหรอ?

เซย์นะก็พูดแย้งว่า เจ้าแผ่นซีดีแผ่นนี้มันจะมีข้อมูลที่ใช้งานได้จริงๆหรือเปล่าก็ไม่รู้ แถมยิ่งมาอยู่ในมือของเด็กๆอย่างพวกเราแล้ว พวกผู้ใหญ่คงจะไม่เชื่ออยู่ดีนั่นแหละ (ต่อให้มีข้อมูลออกมา  พวกผู้ใหญ่ก็คงคิดว่าเป็นผลงานการตัดต่อล้อเล่นของพวกเด็กๆอยู่ดี) ดีไม่ดี คนพวกนั้นอาจจะรู้ตัวแล้วรีบมาแย่งชิงแผ่นซีดีที่เก็บข้อมูลตัวสำคัญไปจากพวกเราก็ได้ใครจะรู้

คำพูดของเซย์นะทำเอาเคนจิไม่พอใจอย่างแรงทำให้เขาพูดออกมาว่า เฮ่ย คิดมากไปหรือเปล่า ของแบบนี้ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ไม่ใช่เหรอ

เดคิสุงิเองก็เริ่มพูดด้วยความกังวลเช่นเดียวกันว่า อย่างที่เซย์นะพูดนั่นแหละ จะมีสักกี่คนที่จะเรื่องราวสุดเพี้ยนพรรค์นี้

และในขณะที่บรรยากาศในรถไฟกำลังตรึงเครียดขึ้นมาเรื่อยๆนั้น...



"โว้ยยยย ไอ้เรื่องเครียดๆพรรค์นั้นเอาไว้คิดทีหลังก็ได้ไม่ใช่เหรอฟะ!!"






ไจแอนท์ที่ทนบรรยากาศความเครียดไม่ไหวถึงกับยืนลุกขึ้นมาพร้อมกับแหกปากดังลั่นไปทั่วรถ ทำเอาทุกคนสะดุ้งโหยงไปตามๆกัน

"ตราบใดที่พวกเรายังมีชีวิตอยู่ ก็ยังวันพรุ่งนี้ที่สดใสรออยู่อีกนะ เมื่อถึงตอนนั้นเราค่อยสะสางเรื่องทั้งหมดก็แล้วกัน"

และเป็นเพราะคำพูดของไจแอนท์ ก็เริ่มทำให้ทุกคนเริ่มผ่อนคลายใจเย็นลง จนทำให้ซูเนโอะพูดออกมาว่า..

"นั่นสินะ"

และในตอนนั้นเองที่เคนจิรู้สึกได้ว่า รถไฟกำลังเคลื่อนที่ช้าลง

"ดูเหมือนว่า ใกล้จะถึงจุดหมายของรถไฟขบวนนี้แล้วล่ะ..."

แล้วในที่สุดรถไฟก็ได้จอดเทียบสถานีแห่งหนึ่ง..

"บรรยากาศวังเวงยังไงก็ไม่รู้?"  เคนจิพูดออกมา



และตอนนั้นเองที่โนบิตะสังเกตเห็นคนๆหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเขา แล้วก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าคนๆนั้นเป็นซอมบี้..



ทุกคนถึงกับห่อเหี่ยวไปชั่วขณะ แต่ในตอนนั้นเองไจแอนท์จึงได้เริ่มพูดขึ้น...

"แล้วไงล่ะ..." จากนั้นเขาจึงยกปืนขึ้นมา

"พวกเราก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันอยู่แล้วล่ะ"

เมื่อไจแอนท์พูดขึ้นเซย์นะเริ่มพูดตามพร้อมกับยกปืนขึ้น

"คงต้องเป็นแบบนั้นสินะคะ"


หลังจากนั้นทุกคนจึงเริ่มหยิบอาวุธขึ้นมาตามลำดับพร้อมกับพูดต่อเนื่องกัน

"นั่นก็เพื่อที่จะโค่นล้มตัวต้นเหตุอย่างอัมเบรล่า"

"ใช่แล้ว เพื่อที่จะจัดการอัมเบรล่า พวกเราจะมุ่งหน้าไปด้วยกัน"

"ฉันน่ะมาจากศตวรรษที่ 22 นะ ไม่ว่าอดีตจะเกิดอะไรขึ้น ตราบใดที่ฉันยังอยู่ ฉันเชื่อว่าอนาคตจะต้องสว่างสดใสได้อย่างแน่นอน"

"เฮ้อ..พวกนายเนี่ยน้า"

"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราต้องหยุดเรื่องบ้าๆพรรค์นี้ให้ได้"

"ฉันก็จะพยายามไปพร้อมกับทุกคนด้วย"

"ทั้งฉัน และทุกคนก็คงตัดสินใจแบบเดียวกันสินะ"

โนบิตะพูดขึ้นมาเป็นคนสุดท้ายก่อนที่จะยกปืนขึ้น...

"ไม่เป็นไร...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราจะก้าวไปพร้อมกัน....จนกว่าทุกอย่างจะสิ้นสุดลง  เพราะฉะนั้น!!!"


"ไปกันเถอะ!!! ทุกคน!!"




"พวกเราจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้กลับคืนสู่ความสงบไปด้วยกัน"


และแล้วเสียงปืนก็ดังขึ้นอีกครั้ง..


ขึ้นเครดิตพร้อมกับฉากการตะลุยของพวกโนบิตะตอนขึ้นมาจากสถานีรถไฟใต้ดิน

เกมโดจิน Doraemon : Nobita no Biohazard (Original)

โดย : คุณ aaa


เกมโดจิน Doraemon : Nobita no Biohazard ซีรี่ย์ Muda ni Kaizouban (Muri no Nai Bio Series)

โดย : คุณ 125



โดจินมังกะ Doraemon : Nobita no Biohazard

ภาพ/เนื้อเรื่อง โดย : คุณ diodio 



ในที่สุดพวกเขาทุกคนก็ได้เห็นแสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุนที่สดใส เมื่อวันใหม่มาเยือน


源 しずか - Minamoto Shizuka - มินาโมโตะ ชิสุกะ

出木杉 英才 - Dekisugi Hidetoshi - เดคิสุงิ ฮิเดโทชิ

田中 安雄 - Tanaka Yasuo - ทานากะ ยาสุโอะ 
翁蛾 健治 - Ouga Kenji - โอกะ เคนจิ


骨川 スネ夫 - Honekawa Suneo - โฮเนคาว่า ซูเนโอะ
剛田 武 (ジャイアン) - Gouda Takeshi (Giant) - โกดะ ทาเคชิ (ไจแอนท์)

緑川 聖奈 - Midorikawa Seina - มิโดริคาว่า เซย์นะ

ドラえもん - Doraemon - โดราเอม่อน


และพระเอกสุดเท่ห์ประจำเรื่องนี้

野比 のび太 - Nobi Nobita - โนบิ โนบิตะ


แม้ว่าพวกเขาจะผ่านเรื่องราวการผจญภัยที่เหมือนกับฝันร้ายมาตลอดตั้งแต่วันนั้น  เรื่องราวทุกอย่างไม่อาจจะจบลงโดยง่าย พวกเขายังต้องพบกับเรื่องราวต่างๆอีกมากมาย ทั้งโหดร้าย สิ้นหวัง และสลดหดหู่ ซึ่งเกิดจากตัวต้นเหตุอย่างอัมเบรล่ามากขึ้น  ช่วงเวลาจากนี้ไปคือจุดเริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหม่ของพวกเขาที่น่ากลัวและยาวนานยิ่งกว่าครั้งไหนๆ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็จะต้องไม่ยอมแพ้ พวกเขาทุกคนจะต้องยืนหยัดมุ่งหน้าไปด้วยกัน

จะต้องมีสักวัน..ที่พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงโลกและมุ่งหน้าสู่อนาคตที่สดใสได้อย่างแน่นอน 




จบเนื้อเรื่องหลักการ์ตูนโดจินโดราเอม่อนกับโนบิตะ

ตะลุยโลกไบโอฮาซาร์ด ภาคมุดะนิไคโซวบัง 1

 

 

-------------------------------------------


สำหรับตัวมังกะถือว่าจบไป 1 ภาคแล้ว แต่ว่า..สำหรับบทความของเรายังมีไซด์สตอรี่และเนื้อเรื่องเสริมอื่นๆที่มีนอกเหนือโดจินต่อเป็นของแถมนะคะ อย่าพึ่งเลิกติดตามกันล่ะ
และแน่นอนว่าตัวมังกะเขายังเขียนต่อไปจนถึงภาค 2 ด้วยนะคะ =w= ดังนั้นก็ต้องติดตามชมกันต่อไปนะคะ ขอบพระคุณทุกท่านที่มากดไลค์และคอมเม้นจ้า!!! 

แสดงความเห็นบน Facebook!

8 ความคิดเห็น :

  1. ไม่ระบุชื่อ22 มีนาคม 2556 เวลา 09:59

    ภาคสองผู้แต่งยังเพิ่งเขียนไปแค่นิดหน่อยเอง(แถมไอ้ใครบางคนโบกมือในตอนจบตอน2 นั้นมันหมายความไงกันนั้น Orz) กว่าจะจบทั้ง 4 ภาค(ผสมภาค G) คงอีกนาน... อืม...

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ก่อนถึงภาค G มีภาคซอร์ด (Sword) ก่อนจ้า....เพราะเนื้อหาสามารถทำให้เชื่อมโยงก่อนถึงภาค G ได้ (อีกทั้งยังช่วยอธิบายสาเหตุบางอย่างในภาค G ได้ด้วย)

      เนื้อเรื่องเราจะเขียนแบบเวอร์ชั่นเกมก่อนก็ได้แล้วค่อยมาปรับปรุงตามโดจินอีกทีนึง..

      ลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ24 มีนาคม 2556 เวลา 07:52

    จบแล้วภาคแรก..... อ่านจนมาถึงตอนนี้แล้วรู้สึกมีหลากหลายความรู้สึกเอามากๆเลย...ต้องฝ่าอุปสรรคมามากมาย....แต่สุดท้าย ก็ต้องสู้ต่อไปเพื่ออนาคตสินะ TwT ซึ้ง... (ปลื้มรอยยิ้มโนบิตะอันสุดท้ายมากที่สุดเลยอ่าาาา T+T)

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. โอ้ ขอบคุณ.. เท่านี้คนเขียนบล็อกก็บรรลุเป้าหมายละ

      ลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ27 มีนาคม 2556 เวลา 13:19

    ขอบใจมากครับ มันมากๆ เลย

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ28 มีนาคม 2556 เวลา 01:32

    อยากอ่านภาค 2 แล้วว

    ตอบลบ
  5. ภาคแรกยังเขียนไม่จบเลยน้า

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ30 มีนาคม 2556 เวลา 13:38

    เเปลด้วย

    ตอบลบ