" />

วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2556

โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 13]

แล้วก็มาถึงส่วนที่ 13 จนได้ (ซีรี่ย์นี้โคตรยาวเลยว้อย!!!!) แต่ก็ไม่เคยคิดเหมือนกันนะว่าจะเขียนมาจนถึงอันนี้ได้ (ฮา) ใครที่จะอ่านส่วนที่ 13 ได้อย่าลืมไปอ่านส่วนที่ 12 มาก่อนนะจ้ะ
โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 12]

เพื่อปกป้องคนอื่น...

ความเดิมบทที่แล้ว ไจแอนท์ได้ออกตามไล่ล่าตามหาทหารที่สะกดรอยตามพวกเขาแต่ทว่าเนื่องจากเขาไม่มีประแจที่ใช้ไขสะพานลับในถ้ำเหมือนกับโนบิตะทำให้เขาไปผิดเส้นทาง และวนไปวนมาอยู่ในถ้ำแห่งนั้น จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงร้องของสัตว์ประหลาดบางอย่าง (แมงมุมยักษ์) จึงรีบวิ่งไปยังทางที่มาของเสียงนั้นทันที



ทางด้านโนบิตะนั้นได้เผชิญหน้ากับแมงมุมยักษ์แบล็คไทเกอร์ (Black Tiger) = [ในเกมจะใช้ชื่อว่าเว็บสปินเนอร์ (Web Spinner)] ตามลำพังในขณะที่ตัวเองบาดเจ็บอยู่ เขาจึงไม่สามารถหนีได้ (แถมยังไม่สามารถโทรเรียกขอความช่วยเหลือจากเพื่อนได้อีกด้วย) จึงเลือกที่จะต่อสู้กับมันตัวต่อตัว

โนบิตะรีบเปิดฉากโดยการยิงโจมตีใส่มันก่อน 1 นัดแต่ทว่า เขากลับยิงพลาดไปมาก ดูเหมือนว่าเขาจะสูญเสียสมาธิจากการยิงไปเนื่องจากบาดแผลลึกที่ไหล่ขวาที่สร้างความเจ็บปวดอย่างมากให้เขา



แต่ไม่นานโนบิตะก็จับเคล็ดตำแหน่งการยิงปืนได้อย่างรวดเร็ว เขาจึงยิงโดนเป้าหมายเข้าอย่างจัง แต่ทว่าร่างกายของแมงมุมยักษ์นั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่ปืนพกธรรมดาของโนบิตะจะเจาะเข้าได้

ในตอนนั้นเองเจ้าแมงมุมยักษ์จึงได้อ้าปากกว้างเตรียมพ่นใยใส่โนบิตะ โนบิตะสัมผัสได้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นด้วยสัญชาตญาณ


โนบิตะจึงวิ่งกระโจนหลบไปด้านข้างพร้อมกับสาดกระสุนไปด้วย ก่อนที่จะล้มลงไปบนพื้นเพื่อหลบใยของแมงมุมยักษ์ที่พ่นสาดกระจายออกมา แต่ว่าใยส่วนหนึ่งของมันกลับยึดเท้าซ้ายของเขาไว้ได้



ภายในเกมหากถูกใยของมันเข้าไปถึงแม้ว่าจะไม่สามารถสร้างความเสียหายได้ แต่จะไม่สามารถโจมตีและเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างอิสระ ซึ่งนับว่าเป็นจุดที่ต้องระวังให้มากในการต่อสู้กับมัน


และในตอนนั้นมันก็ได้พ่นใยใส่โนบิตะออกมาอีกชุด โนบิตะจึงพยายามเบี่ยงคอหลบมัน แต่ปรากฏว่ากลับทำให้ปืนของเขากระเด็นหลุดมือไป



ในช่วงนั้นเองที่แมงมุมยักษ์ตั้งใจจะพุ่งเข้ามาเพื่อที่จะกัดโนบิตะ แต่ปรากฏว่าสิ่งที่มันงับได้มีเพียงอากาศเปล่า


โนบิตะสามารถหลุดจากการถูกใยแมงมุมผนึกการเคลื่อนที่ที่เท้าซ้ายได้ด้วยการถอดรองเท้าออกก่อนที่จะกระโดดออกมาด้วยความเร็วสูงด้วยวัญชาตญาณ (พลังของที-ไวรัสในร่างกายเริ่มสำแดงพลังทีละเล็กน้อย ทำให้ไหวพริบ ทักษะทางร่างกายสูงขึ้น)

เขาพยายามขบคิดว่า เขาจะใช้อาวุธอะไรสู้กับมันดี อาวุธปืนที่มีพลังทำลายของเขาเพียงหนึ่งเดียวนั้นไปอยู่ใต้เท้าของเจ้าแมงมุมยักษ์แล้ว หากจะวิ่งเข้าไปเก็บมามันก็เสี่ยงเกินไป และเขาก็นึกถึงทหารที่ยิงไหล่ขวาของเขาได้ว่า คนๆนั้นมีปืนถึง 2 กระบอก


ใช่แล้ว...ปืนของคนนั้น เขามองดูที่ศพของทหารที่พึ่งโดนแมงมุมแทะไส้แตก และเห็นว่าปืนพกกระบอกที่ใช้ยิงเขานั้นมันหักจนใช้การไม่ได้ตอนที่ถูกแมงมุมพุ่งเข้าใส่ ส่วนอีกกระบอกนึงล่ะ..

โนบิตะเหลือบไปเห็นปืนโคลท์ไพธ่อนตกอยู่บนพื้นอีกฝั่ง และเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่แมงมุมยักษ์เอาส่วนขาพุ่งเข้าใส่ เขาจึงรีบวิ่งหลบไปด้านข้าง


พร้อมกับกระโจนลงไปหยิบปืนโคลท์ไพธ่อนกระบอกนั้น แล้วเล็งปืนไปทางแมงมุมยักษ์พร้อมเหนี่ยวไกทันที เขาพบว่าแรงถีบของปืนกระบอกนี้ค่อนข้างรุนแรงมาก

(ถ้าเป็นโนบิตะในยามปกติคงจะกระเด็นไปแล้ว แต่ตอนนี้โนบิตะมีพลังของที-ไวรัสในตัวทำให้พอที่จะ รับแรงถีบได้บ้าง)

 

"ระ แรงถีบมหาศาลอะไรอย่างนี้"

เขาสัมผัสได้ถึงแรงถีบมหาศาลของปืนกระบอกนี้..และรอดูผลพลังทำลายของมัน ขนาดกระสุนปืนที่พุ่งเฉี่ยวไปทางลำตัวยังสามารถฉีกร่างของมันจนหายไปอย่างง่ายดาย!! (ในขณะที่ปืนพกธรรมดายิงที่ตัวตรงๆยังเจาะร่างของมันไม่เข้า)

ปืนโคลท์ไพธ่อนหรือปืนแม็กนั่มเป็นปืนพกที่มีพลังโจมตีสูงสุดในบรรดาปืนพกทั้งหมดในซีรี่ย์ RE1


ถึงเขาจะได้ปืนพลังทำลายล้างสูงอยู่ในมือ แต่ก็ติดปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าปืนที่มีพลังแรงถีบสูงที่ทำให้เล็งได้ยากขึ้นเมื่อโจมตีระยะไกล แถมเขายังบาดเจ็บหนักทำให้เสียสมาธิในการเล็งเข้าไปอีก

ในจังหวะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น เจ้าแมงมุมก็ได้พ่นใยใส่เขาโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวจนทำให้เขาถูกมัดไว้กับผนังด้านหลัง


แมงมุมยักษ์เห็นโอกาสดังนั้นจึงตัดสินใจดับเครื่องชนพุ่งเข้าโจมตีโนบิตะทันที!!


การโจมตีของมันนั้นรุนแรงจนถึงกับทำให้ก้อนหินแตกถล่มลงมาซึ่งถ้าโนบิตะโดนเข้าไปเต็มๆคงจะไม่รอดแน่ แต่ปรากฏว่าโนบิตะนั้นได้ปรากฏตัวออกมาจากทางด้านข้างของมันได้อย่างน่าประหลาดใจ


เขาสามารถรอดจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ได้นั่นก็เพราะมีดพกที่เคนจิให้ไว้ (ในบทที่แล้ว) เขารีบหยิบมันออกมาตัดใยแมงมุมที่อยู่รอบเอวเขาออกไปได้อย่างทันเวลาก่อนที่มันจะพุ่งเข้ากระแทกชน


ในจังหวะนี้จึงเป็นช่องว่างให้โนบิตะเปิดโอกาสใช้ปืนโคลท์ไพธ่อนในระยะประชิดได้...

ถ้าหากปืนนี้ถูกเล็งไว้ระยะประชิดล่ะก็ ทำยังไงก็ไม่มีทางพลาดเป้าแน่!!!!

ปัง!!


แมงมุมยักษ์ถูกปืนโคลท์ไพธ่อนยิงเจาะทะลุเข้าหัวอย่างรุนแรงและแม่นยำจนมันกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับเลือดสีเขียวที่สาดกระเซ็นก่อนที่จะล้มลงแน่นิ่งไป

 


โนบิตะสามารถล้มแมงมุมยักษ์ได้สำเร็จจนถึงกับนั่งเหนื่อยหอบออกมา

 


แต่เขาก็ได้บอกกับตัวเองว่า...ยังไปต่อไหวน่า.. เพราะตอนนี้เขาได้ตระหนักถึงภารกิจและความรับผิดชอบของตัวเองว่า เขาต้องมีหน้าที่หาทางไปต่อในอุโมงค์ให้กับเพื่อนคนอื่น


"หากแค่นี้เขายังทำต่อไม่ได้ล่ะก็ โดราเอม่อนคงกลับไปที่โลกอนาคตอย่างหมดห่วงไม่ได้แน่"

(คำพูดของโนบิตะตอนลาก่อนโดราเอม่อน)


เอาล่ะ รีบไปต่อดีกว่า..


และตอนนั้นเองที่โนบิตะเห็นอะไรบางอย่างที่ตกลงมาข้างๆก้อนหิน ซึ่งมันก็คือระเบิดซีโฟร์ (C4) นั่นเอง ซึ่งเขาคิดว่ามันน่าจะมีประโยชน์จึงเก็บมันติดตัวไปด้วย


หลังจากที่เก็บระเบิดแล้ว เขาก็เดินต่อเข้าไปในถ้ำส่วนลึกต่อไป..โดยที่ยังหอบสังขารร่างกายที่บาดเจ็บเหนื่อยล้า และใกล้หมดสติไปด้วย


ตามทางเขาก็ได้พบกับทหารที่บาดเจ็บสาหัสอยู่คนหนึ่ง

"หัวหน้า...ทำไม.."




เขาพูดเช่นนั้นก่อนที่จะสิ้นใจไปต่อหน้าโนบิตะ โนบิตะจึงปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่า คนพวกนี้คือกลุ่มทหารที่คุณน้าทหารพูดถึงตอนนั้นนั่นเอง

 


"เขาตายแล้ว....เอ๊ะ"

โนบิตะสังเกตเห็นว่ามีอะไรบางอย่างถืออยู่ในมือ ซึ่งมันก็คือ... 


กระสุนปืนโคลท์ไพธ่อน โนบิตะจึงเก็บกระสุนไปใช้งาน

(ถ้าเป็นในเกม เราจะเก็บปืนโคลธ์ไพธ่อนได้จากที่นี่)


หลังจากที่เห็นทหารที่พึ่งตาย เขาได้พูดกับตนเองว่า ถ้าหากไม่รีบหาทางพาพวกเพื่อนๆคนอื่นออกไปจากที่นี่ได้ล่ะก็ พวกเขาคงต้องเป็นแบบทหารคนนี้แน่ๆ และก็รู้สึกเจ็บใจไม่น้อยที่มาพบกับเขาช้าเกินไป ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่ตาย



อีกทั้งระหว่างทางเขาก็ได้พบกับซากศพคนอื่นๆมากมาย ซึ่งคาดว่าเป็นคนในหน่วยกองทหารที่เข้ามาปฏิบัติภารกิจที่นี่



โนบิตะเดินไปจนสุดทางก็พบกับปากทางเข้าบางอย่างที่มีหินถล่มปิดทับอยู่และมันดูน่าจะเป็นสถานที่ที่สำคัญด้วย โนบิตะจึงใช้ระเบิดซีโฟร์ที่เก็บมาระเบิดหินเปิดทางเข้าซะ


ตูม!!

กลายเป็นรูถ้ำที่สวยงาม


เขาเดินเข้าไปข้างในก็พบแหล่งน้ำและแร่สีน้ำเงิน แต่เขายังไม่อยากสนใจกับเรื่องพวกนี้และเดินเข้าไปในทางด้านในต่อ


พอเข้าไปด้านในอีกเขาก็ต้องประหลาดใจเพราะสถานที่แห่งนั้นเหมือนกับสถานที่ที่ถูกมนุษย์สร้างขึ้นอย่างทันสมัย ส่วนประตูตรงกลางก็มีลักษณะเหมือนกับลิฟต์ขนส่งอะไรบางอย่างด้วย โนบิตะสำรวจดูก็พบว่ามันน่าจะยังใช้การได้


เมื่อค้นพบเจ้าสิ่งนี้ โนบิตะจึงตัดสินใจที่จะกลับไปบอกกับเพื่อนๆคนอื่นๆ

เขาจึงเดินย้อนกลับมาที่ทางออกแต่ปรากฏว่าตอนนี้ร่างกายเขาเริ่มฝืนถึงขีดสุดแล้ว

"บ้าน่ะ...เดินต่อไปอีกหน่อยเซ่"


เขาพยายามบอกกับตัวเองว่า...ถ้าไม่รีบไปบอกกับเพื่อนคนอื่นล่ะก็ ทุกคนจะต้องอยู่ในอันตรายแน่ ต้องรีบพาพวกเขาออกไปจากที่นี่ แต่ร่างกายเขากลับเริ่มเมื่อยล้าและเดินต่อไม่ไหว แถมบาดแผลก็เริ่มฉีกจากการฝืนร่างกายด้วย


"โนบิตะ อยู่ที่นี่หรือเปล่า!?"

แต่ในตอนนั้นเอง ก็มีใครบางคนส่งเสียงร้องเรียกโนบิตะ


ในตอนนั้นเองที่มีคน 2 คนปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าโนบิตะ ซึ่งก็คือไจแอนท์กับชิรามิเนะนั่นเอง ซึ่งทางไจแอนท์ได้พบกับชิรามิเนะกลางทางที่ออกตามหาโนบิตะ ซึ่งดูเหมือนว่าชิรามิเนะจะได้ยินเสียงประหลาดด้วยจึงตัดสินใจวิ่งออกมาตาม


"เฮ่ย...ไม่เป็นไรใช่ไหมโนบิตะ  อย่าทำให้เป็นห่วงเซ่!!"


ไจแอนท์รีบเข้ามาดูอาการของโนบิตะพร้อมกับทำท่าทีโมโหอย่างเป็นห่วง


"บาดแผลสาหัสเหมือนกันนะ...ทำใจดีๆไว้ เดี๋ยวจะพาไปหาทุกคนเอง  เดินไหวหรือเปล่า"

ชิรามิเนะพูดกับโนบิตะหลังจากที่เขาสำรวจบาดแผลที่ไหลขวาของโนบิตะ


โนบิตะพยายามจะบอกว่าไม่เป็นไรและพยายามลุกขึ้นเดิน


แต่ชิรามิเนะอ่านใจโนบิตะออกจึงรู้ว่าไม่ไหวแน่ จึงบอกให้ไจแอนท์ช่วยหิ้วปีกโนบิตะอีกข้างพร้อมกับเขา


ไจแอนท์ไม่มีข้อโต้แย้งจึงรีบทำตามที่ชิรามิเนะบอกทันทีพร้อมกับบอกให้โนบิตะทำใจดีๆไว้


หลังจากที่ทั้งคู่คอยพยุงโนบิตะคนละข้าง โนบิตะที่อยู่ในสภาพนั้นก็กล่าวคำขอโทษไจแอนท์กับชิรามิเนะ ที่ทำให้พวกเขาทั้งคู่ต้องมาลำบากไปด้วย


ไจแอนท์เลยบ่นออกมาว่า พูดอะไรของนายน่ะโนบิตะเราเป็นเพื่อนกันก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้วสิ


แต่ไจแอนท์ก็เอ่ยชมโนบิตะว่า นายเนี่ยสุดยอดในหลายๆอย่างเลยในเวลานี้นะ โนบิตะ



โนบิตะรู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินคำพูดเอ่ยชมแบบนั้นจากไจแอนท์

 

แต่ไจแอนท์ก็เปลี่ยนท่าทีโมโหอีกครั้งพร้อมกับบอกว่า แต่อย่าทำให้เป็นห่วงบ่อยนักสิ!!



ชิรามิเนะเองก็พูดเสริมว่า..ความพยายามของนาย(โนบิตะ)ที่ทำเพื่อคนอื่นนั้นเป็นเรื่องที่ดีและน่าชื่นชมนะ..


แต่การที่พยายามฝืนแบบบ้าบิ่นแบบนั้นคนเดียวอาจจะทำให้ตายเอาก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นจะทำให้หลายคนเสียใจยิ่งกว่าอีก


หลังจากที่เดินไปได้สักพักชิรามิเนะก็เริ่มพูดประมาณว่า...ทั้งนายและเซย์นะเนี่ยเหมือนกันเลยนะ...



พยายามช่วยคนอื่นจนไม่ยอมดูตัวเอง ฉันถึงต้องมาคอยช่วยลับหลังอยู่เรื่อยให้ตายเถอะ แต่เพราะถึงแบบนั้นฉันถึงได้ชอบสิ่งที่ยัยนั่นเป็นน่ะนะ และฉันก็พยายามจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้อุทิศตนเพื่อช่วยคนอื่นแบบนั้นให้ได้


ไจแอนท์ก็เริ่มแซวชิรามิเนะว่า เห.. ไม่ได้เกลียดเซย์นะหรอกเหรอ แสดงว่าเซย์นะเคยทำอะไรดีๆให้นายสินะ



ชิรามิเนะก็แอบหน้าแดงและพูดว่ามะ ไม่มีอะไรสักหน่อย ยังไงฉันก็ไม่ชอบนิสัยห่ามๆบ้าดีเดือดแบบนั้นอยู่ดีแหละ แต่ก็....อืม ฉันคิดว่าฉันอาจจะพูดไม่ดีกับเธอในหลายเรื่องมากไป จะยอมไปคุยกับเธอดีๆก็ได้

(สรุป..ซึนสินะ!!)


โนบิตะกับไจแอนท์จึงรู้สึกดีใจเล็กน้อยที่ดูเหมือนว่าชิรามิเนะจะยอมเลิกลดทิฐิของตนลงและพร้อมที่จะคืนดีกับเซย์นะ

แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะพูดคุยกันจบก็มีสัตว์ประหลาดตัวสีเขียวที่ชื่อฮันเตอร์ (Hunter) ปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเบื้องหน้าพวกโนบิตะพร้อมกับใช้กงเล็บขนาดใหญ่หวดเข้าไปที่หน้าของโนบิตะ!!!


โนบิตะหลับตาปี๋เพราะรู้ว่าคงไม่รอดจากการจู่โจมกะทันหันของมันแน่พร้อมกับคิดว่า นี่เขาคงจะต้องตายจริงๆแล้วสินะ...


เขารู้สึกได้ว่า ตัวเขาเองไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย หรือว่าความตายนั้นจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่คิดนะ


แต่แล้วเขาก็ต้องรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับว่าเขาได้ยินเสียงไจแอนท์...และ...

เอ๊ะ...ของเหลวสีแดง...นี่มัน..


เขาจึงลองลืมตาขึ้นดูอีกครั้ง สิ่งที่เขาเห็นเบื้องหน้าทำเอาเขาแทบช็อก!!!

"บ้าเอ้ย!!!!!!!!"


 ไจแอนท์ส่งเสียงร้องออกมาขณะที่ถือปืนลูกซองที่มีรอยควันทางปากกระบอกซึ่งบ่งบอกว่าเขาพึ่งยิงปืนใส่เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นไป และเบื้องหน้าคือ...

ร่างของคนที่ไร้หัว!!!!!!!!!!!!!!!


"คะ..คุณ ชะ.....ชิ....รา"


โนบิตะไม่อย่างเชื่อในสิ่งที่ตาของเขาเห็น...ร่างของชิรามิเนะที่ไม่มีหัวร่วงลงมากองกับพื้น ใกล้ๆกับศพของสัตว์ประหลาดสีเขียวที่ไจแอนท์พึ่งยิงไป


"คุณชิรามิเนะ น่ะ...คุณชิรามิเนะ.....  เขาเอาตัวเองบังนายเอาไว้ตอนที่ไอ้บ้านั่นโจมตี..."


"ทะ...ทำไมกัน...เรื่องแบบนี้"


"ทั้งๆที่คุณชิรามิเนะ อยากจะคืนดีกับคุณเซย์นะแล้วแท้ๆ... ทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น.."

ไจแอนท์ไม่มีคำตอบให้ในตอนนี้พร้อมกับบอกกับโนบิตะว่า...เขาขอล่วงหน้าไปตรวจดูสภาพรอบข้างก่อนเผื่อว่าจะมีเจ้าพวกนี้โผล่มาอีก จึงทิ้งให้โนบิตะรอนี่อยู่คนเดียวสักพัก

โนบิตะที่รู้สึกเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจนั้นเริ่มใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว เขารอจนกระทั่งได้ยินเสียงไจแอนท์เดินกลับมาหาเขาพร้อมกับเรียกชื่อ..
"โนบิตะ!!!"
ดูเหมือนว่านอกจากไจแอนท์แล้วจะมีคนอื่นเดินกลับมาด้วย


เดคิสุงิกับซูเนโอะเองก็เดินตามมาด้วย ในที่สุดพวกเขาทั้ง 3 ก็พบกับโนบิตะที่ถึงขีดจำกัดแล้ว จึงได้สลบล้มลงต่อหน้าพวกเขาทั้ง 3

"โนบิตะ!!!!"





สถานะพลังชีวิตของโนบิตะ : Danger (อันตรายสุดขีด) และในบทความนี้เขาก็ได้รับไอเท็มใหม่ปืนโคลท์ไพธ่อนหรือแม๊กนั่ม



เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปโปรดติดตามในบทความต่อไป...

>>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 14]





บทความนี้ขอประโยคนึง...

"ซาโยนาระ ชิรามิเนะซัง.."

แสดงความเห็นบน Facebook!

16 ความคิดเห็น :

  1. ไม่ระบุชื่อ4 มีนาคม 2556 เวลา 03:07

    น่าสงสารชิรามิเนะ.... T^T

    ตอบลบ
  2. ช่างเป็นการตัดตัวประกอบที่...จริงๆนะเนี่ยตอนนี้ - -

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ4 มีนาคม 2556 เวลา 06:46

    โธ่ ชิรามิเนะ ไม่น่าเลย......

    อธิบายสักนิด พอดีเพิ่งจะรู้ไม่นาน คำว่า "แม็กนั่ม" นั้นจริงๆไม่ใช่ชื่อ "ปืน" แต่เป็นคำเรียก "กระสุนปืน" ที่มีขนาดใหญ่กว่ากระสุนที่มีขนาดหน้าตัดเดียวกัน กล่าวคือ กระสุน .357 ธรรมดา จะมีขนาดเล็กกว่า กระสุน .357 แม็กนั่ม วัตถุประสงค์คือเพิ่มพลังทำลายให้มากขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับแรงรีคอยที่มากขึ้นตามไปด้วย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณมาก....สำหรับข้อมูลเสริม...อืม.. ก็นะ
      เพราะในเกมบางเจ้าก็ใช้โคลธ์ไพธ่อน บางทีก็ใช้แม๊กนั่ม - -. ทางเราเองก็ไม่รู้ข้อมูลในส่วนนี้โดยละเอียดมากนัก มิน่ามันถึงมีคำเรียกต่อท้ายว่า แม๊กนั่ม .357 ประกอบด้วย (แต่ทางนี้นึกถึงไอติมมากกว่า - -)

      ปล. ว่ากันว่าถ้าชิรามิเนะยังอยู่อาจจะได้คู่กับเซย์นะ ดังนั้นเหมือนกับว่าคนเขียนบทเลยจัดให้ตายเลย เพราะเซย์นะจะได้เป็นนางเอกคู่กับโนบิตะ(ฮา) [แต่โนบิตะก็ยังสนแต่ชิสุกะอยู่ดี ต่อให้มีฉากอวยเยอะในภาค 2 3 G G2]

      ลบ
    2. เอ้อ ใช่ รู้สึกในหน้าต่างแสดงสถานะ อ่านดูแล้วมันใช้คำว่า แม๊กนั่มรีโวลเวอร์ (Magnum Revolver)

      ลบ
    3. ไม่ระบุชื่อ5 มีนาคม 2556 เวลา 09:41

      Colt Python เป็นปืนที่ออกแบบและผลิตโดย Colt's Manufacturing Company(ประเทศ USA) เป็นปืนประเภท Revolver (ลูกโม่) ที่ใช้กระสุน .357 แม็กนั่ม เป็นหลัก

      โดยสรุปก็คือ หากเอาตามความถูกต้อง ชื่อปืนที่ควรเรียกคือ Colt Python ครับ

      ลบ
  4. ขอบคุณมากครับบบ เป็นกำลังใจให้ รอพาทต่อไปนะครับ

    ตอบลบ
  5. ว่าแต่ โดจินเรื่องนี้ โนบิตะ ได้คู่กับ เซย์ นะหรือป่าวครับ ?

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อ่า...มันก็นะ..คำถามก็ดี แต่ตัวคำตอบมันชวนสปอยล์มากเหลือเกิน ต้องลองถามคนอื่นๆดูก่อนนะคะว่า อยากให้เราสปอยล์เรื่องตรงนี้มากแค่ไหน เหอๆๆๆๆๆๆ

      ลบ
    2. ไม่ระบุชื่อ5 มีนาคม 2556 เวลา 09:08

      ผมว่าถ้าคู่กันก็คงได้เพียงแค่ "คู่หู" แบบ RE5 (เหมาะเหม็ง)

      ลบ
  6. ปกติเคยเล่นแต่ภาคปกติกับG พอลองโหลดไคโซวบังมาลองเล่นดู... ความยากคนละแบบกับGเลย (ไปๆมาๆออริจินอลนี้ง่ายที่สุดแล้วซะงั้น)

    G ตัวเกมจะยากเพราะมีสัตว์ประหลาดพวกตบทีเดียวตายเยอะ (แต่ถ้าฆ่าซอมบี้แล้วจำได้ว่ามีกระสุนดรอป เพราะงั้นในภาคG2เลยกลายเป็นเกมบู้แหลกไปเลย)

    แต่ไคโซวบังนี้จะยากแบบ กระสุนน้อยแทบจะหาไม่ค่อยได้ เก็บอะไรนิดอะไรหน่อย เดินผ่านอะไรนิดอะไรหน่อย มีซอมบี้ไม่ก็เคลเบรอสโผล่ออกมาตลอด เล่นไปต้องหนีไปอย่างเดียว

    ว่าแต่ท่าน Nabel กะจะแปลไคโซวบังให้ครบ4ภาคก่อน แล้วค่อยไปแปล G หรือจะแปลสลับกันครับ?

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ว้าวน่าสนใจมากท่าน Srwkung (เอ ชื่อคุ้นๆนะ สิงบอร์ดไหนหรือเปล่าเอ่ย?) ดีใจจริงๆที่ได้เห็นคนที่ดาวน์โหลดเกมนี้มาเล่นมาโพสต์ความเห็นด้วย (เพราะทางเราเองไม่ได้เล่นเกมนี้หรอก แต่ดูจากคลิปหลายคลิปเอา)

      อืม ออริจินอลก็น่าจะดูง่ายสุดจริงๆนั่นแหละ

      เห็นตามคลิปหลายๆคลิป ภาค G ดูแล้วโหดหินพอสมควร (คนญี่ปุ่นที่แคสท์เกมหลายคนตายบ่อยมาก - -) ภาค G2 ดูแล้วมันเริ่มออกไปทางสไตล์เดวิลเมย์คราย แอคชั่นบ้าพลังมากกว่า (แถมในเรื่องตัวละครก็บ้าพลังซะเหลือเกิน)

      ถ้าเป็นไคโซวบังจะออกแนวใกล้เคียง RE ภาคแรกๆมากกว่า คือเน้น Survival ที่ไม่ชนกับศัตรูมากถ้าไม่ถึงฉากบังคับ

      ส่วนรีวิวเนื้อเรื่องเกม อันนี้เราก็อยากให้ขึ้นกับผู้ชมที่โพสต์คอมเม้นเหมือนกันว่าอยากให้เป็นแบบไหน แต่ถ้าไม่มีใครเม้นมากนัก เรากำลังคิดอยู่ว่า จะไล่เขียนภาคไคโซวบังถึงภาค 2 แล้วสลับไป G-Rebirth สักภาคนึงก่อนที่จะกลับไปเขียน ไคโซวบังต่อถึงภาค 5 (รู้สึกในนิโค มันทำเป็นภาค 5 แล้วล่ะ - -) เพราะเอาจริงๆไคโซวบังภาค 3 เนื้อเรื่องมันน่าเบื่อมาก... ไม่เหมือนกับภาค 1 2 และ 4 ส่วนภาค 5 นั้นเป็นภาคที่ผ่านการเก็บรายละเอียดปลีกย่อยภาค 1 ถึง 4 ว่าช่วงเวลาต่างๆนั้นตัวละครไปลุยทีไหนมาบ้าง ซึ่งจะเห็นมุมมองอีกด้านหนึ่งของตัวละคร (แล้วจะรู้ว่า แต่ละคนโคตรเว่อร์พอๆกับโนบิตะ)

      ส่วนเนื้อเรื่องภาค G-Rebirth ก็เป็นภาคที่หลายคนให้ความสนใจไม่น้อยก็อาจจะมีสลับไปเขียนบ้าง หลังจากจบภาค 2 (เอาจริงภาค G ก็มีโดจินเหมือนกัน แต่ว่าลายเส้นคนวาดจะไม่ค่อยคมเท่าไหร่และเบี้ยวเยอะเลยไม่ค่อยดัง แต่เนื้อเรื่องก็สนุกดี)

      ใจจริงแล้วถ้าว่าง เราเองก็อยากเขียนถึงภาคอินเซนนิตี้ เดสทินี่ (Insanity Destiny) ด้วยซ้ำ เพราะเนื้อเรื่องมันบ้าดีเดือดดี แถมรู้สึกเพลินอย่างน่าประหลาด (เมื่อโนบิตะร่วมมือกับลีออนและถล่มพวกลัทธิลอสอิลลูมินาดอส (Los Illuminados) ที่แฝงตัวอยู่ในประเทศญี่ปุ่น) แถมถ้าให้ทำเป็นเนื้อเรื่องต่อกันก็ยังได้ด้วย เพราะมีการใช้ตัวละครเก่าที่ต่อเนื่องกัน (ฉากคัตซีนสตอรี่กำกับก็ทำได้ดีขึ้น)

      แต่ปัญหาคือเราไม่ค่อยว่างนี่สิ - - อย่างตอนนี้เราก็พึ่งจะกลับมา

      ลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ8 มีนาคม 2556 เวลา 06:12

    เสริมให้อีกนิดเพื่อความถูกต้องสมจริง อิอิ แม็กนั่มกระบอกนี้มิใช่โคลท์ไพธ่อนแต่อย่างใดครับ แต่น่าจะเป็นสมิธแอนด์เวสสัน M19 คอมแบทแม็กนั่ม .357magnum เช่นกันจร้าา..

    ตอบลบ