เนื้อเรื่องจากตอนที่แล้ว >> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 16]
โนบิตะสามารถเอาวัคซีนรักษาที-ไวรัสมาจากโรงพยาบาลพร้อมกับช่วยชีวิตเซย์นะไว้ได้สำเร็จ
เซย์นะถึงกับโดดกอดโนบิตะด้วยความดีใจ...พร้อมกับระบายความในใจทั้งหมดออกมา...ว่า เธอกลัวมาก....เธอคิดว่าตัวเองคงจะไม่รอดแล้วแท้ๆ แต่โนบิตะก็สามารถช่วยชีวิตเธอไว้ได้...
เอาล่ะ....หลังจากนั้นเรื่องราวทั้งคู่จะเป็นอย่างไรต่อไป....
เนื้อเรื่องส่วนที่ 17 : หลักฐานจากสวนสาธารณะแห่งความตาย
วันต่อมา...วันที่ 25 เดือนธันวาคม ปี 2004
พวกเราก็ยังคงอยู่แต่ภายในเมืองแห่งนี้ที่หอนาฬิกา...เพื่อรอคอยความช่วยเหลือจากภายนอก...
อาการของทุกคนที่นั่นเริ่มดีขึ้น แต่ทว่าไม่มีใครถูกส่งมาช่วยเหลือพวกเขาอีกเลย สถานการณ์ในเมืองก็ย่ำแย่ลงทุกที
ผมสามารถช่วยชีวิตเซย์นะจากการติดเชื้อไวรัสได้...และใช้เวลาอยู่นานเพื่อให้เธอได้ฟื้น ทุกคนพยายามยืดหยัดจนสุดความสามารถ จนเวลาผ่านไปจนถึงยามเย็น ดูท่าว่าพวกเราคงจะถูกทอดทิ้งไว้ในเมืองนี้แล้ว
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม พวกเราก็ยังคงมีชีวิตอยู่...
ที่หอนาฬิกา เวลา 16.00 นาฬิกา
โนบิตะได้ปรึกษาหารือกับโอทากะอีกครั้งเพื่อที่จะหาหนทางอื่นในการออกไปจากที่นี่ ดูเหมือนว่าในตอนนี้พวกเขาคงจะรอคอยอยู่ที่หอนาฬิกาแห่งนี้เพียงอย่างเดียวไม่ได้อีกแล้ว
โอทากะเสนอว่า..ใกล้ๆกับหอนาฬิกาแห่งนี้ มีสวนสาธารณะประจำเมืองขนาดใหญ่อยู่ ซึ่งเขาคิดว่าอาจจะใช้เส้นทางนั้นในการหาทางหลบหนีออกจากเมืองต่อก็ได้ เพราะบริเวณแห่งนั้นมีแม่น้ำอยู่ อาจจะใช้เรือล่องแม่น้ำออกไปได้ เพราะพวกซอมบี้คงตามไปไม่ได้หรอก
แต่โนบิตะก็สงสัยว่า ซอมบี้คนอาจจะไม่มีแต่ก็ไม่แน่ใจว่าปลาในแม่น้ำจะกลายพันธุ์เป็นปลาซอมบี้ด้วยหรือเปล่านี่สิ..
โอทากะก็บอกว่าไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ เขาก็อยากให้โนบิตะออกไปสำรวจดูล่วงหน้าก่อน...เพราะดูเหมือนว่าบาดแผลของเขากับโรวฮะจะยังไม่หายดีเท่าไหร่ (แต่ก็พอขยับได้บ้าง)
พวกเขาทั้งคู่จะอยู่ที่นี่พร้อมกับช่วยดูแลเซย์นะให้...ซึ่งสภาพของเซย์นะตอนนี้ก็ใกล้จะฟื้นฟูเต็มที่แล้วแต่ขอพักสักครู่ แล้วจะตามไปสมทบกับโนบิตะทีหลัง
"เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมจะไปดูแถวๆสวนสาธารนะให้"
ก่อนที่จะออกไป โอทากะก็ตบบ่าของโนบิตะพร้อมกับตะโกนด้วยเสียงหนักแน่นว่า..
"ต้องอย่างนี้สิเจ้าหนู เอาล่ะ..! ออกปฏิบัติการได้!!"
"ระวังตัวด้วยนะ โนบิตะคุง..."
เซย์นะได้พูดกับโนบิตะก่อนที่เขาจะเดินทางออกจากหอนาฬิกาด้วย..
"อือ...เข้าใจแล้ว"
หลังจากนั้น โนบิตะจึงได้เดินทางออกจากหอนาฬิกาไป ซึ่งเป็นเส้นทางที่เขาเคยใช้เดินทางไปโรงพยาบาลนั่นเอง แต่ตอนนี้ เส้นทางที่ไปถึงโรงพยาบาลนั้นมีไฟไหม้ที่เกิดจากระเบิดขวางทางไว้ (ตอนที่โรงพยาบาลระเบิดนั่นแหละ) ดังนั้นจึงมีเส้นทางเดียวที่เขาไปได้ ก็คือ เส้นทางที่ใช้มุ่งหน้าไปยังสวนสาธารณะประจำเมือง R
โนบิตะสามารถเดินฝ่าฝูงซอมบี้ไปได้อย่างง่ายดายและเดินทะลุเข้าไปในอาคารแห่งหนึ่ง...
"เอาล่ะ....ลุยต่อดีกว่า.."
หลังจากที่โนบิตะเดินทางเข้าไปยังสวนสาธารณะเรียบร้อยแล้ว....
30 นาทีต่อมา....
เซย์นะก็เดินตามโนบิตะเข้ามาทีหลัง
"....... โนบิตะคุง...ไปถึงไหนแล้วน้า..."
"ป่านนี้น่าจะไปได้ไกลแล้วมั้ง..."
หลังจากนั้นเธอก็ส่ายหัวสักพักหนึ่งพร้อมกับทำแสดงสีหน้าที่มุ่งมั่นพร้อมกับพูดออกมาว่า..
"...ฉันเองก็จะต้องทำตัวให้มีประโยชน์มากกว่านี้"
เธอในตอนนี้จะมัวแต่พึ่งโนบิตะต่อไปไม่ได้แล้ว...นั่นคือสิ่งที่เธอคิด เธอจะต้องช่วยเหลือโนบิตะบ้าง
ทีนี้เกมจะเปลี่ยนตัวละครบังคับจากโนบิตะมาเป็นเซย์นะ.... เซย์นะจึงเดินเข้ามาในส่วนกลางของสวนสาธารณะ
"หวา...ที่นี่มีศพเต็มไปหมด..."
เธอเริ่มจากการเดินสำรวจไปตามเส้นทางชายป่าทางขวามือก่อน และต้องเผชิญหน้ากับ..สุนัขซอมบี้เคลเบรอส!
นอกนั้นยังไม่พอ เธอยังเจอกับฝูงฮันเตอร์อีก!!!
แต่เธอก็สามารถวิ่งเอาตัวรอดจากพวกสัตว์ประหลาดเหล่านั้นออกมาตามทางเดินในป่าจนกระทั่งเธอเห็นศพๆหนึ่งที่ดูน่าสงสัย
เธอสำรวจดูก็พบว่าข้างในกระเป๋าของศพนั้นมีอะไรบางอย่างอยู่ข้างใน นั่นก็คือ..กุญแจสำหรับเปิดห้องอะไรบางอย่าง
แถมยังมีกระสุนปืนแม็กนั่มให้เก็บด้วย
ที่ปลายสุดของทางเดินชายป่า เธอพบว่า..มันเป็นประตูลูกกรงที่มีแม่กุญแจสีทองคล้องไว้อย่างแน่นหนา และโซ่ที่แข็งแกร่งมากจนไม่สามารถใช้กระสุนปืนยิงทำลายได้
(เซย์นะมีแต่กระสุนปืนแม็กนั่มแต่ไม่มีตัวปืนนะ - -)
"กุญแจดอกนี้ไขไม่ได้.....สงสัยต้องลองสำรวจดูอีกทางซะแล้วมั้ง"
เซย์นะวิ่งฝ่าฝูงสัตว์ประหลาดด้วยเร็วสูงตามทาง กลับมาที่ใจกลางสวนสาธารณะอีกครั้ง....เธอลองสำรวจศพของลุงคนหนึ่งบริเวณนั้น และพบว่าเขาถืออะไรบางอย่างไว้ในมือ ซึ่งมันก็คือ...กุญแจสำหรับเปิดฝาท่อระบายน้ำ
ทางด้านซ้ายของสวนสาธารณะนั้นเป็นบริเวณของเตาเผาขยะ และมีฝูงอีการุมกัดกินซากศพจำนวนมาก... เซย์นะใช้ปืนพกของตนเองยิงจัดการฝูงอีกาบริเวณนั้นจนหมด
เธอเดินสำรวจศพของชายไร้หัวทางด้านในที่พึ่งถูกอีการุมแทะ และพบว่ามีของบางอย่างอยู่ในกระเป๋ากางเกง ซึ่งมันก็คือไฟแช็ก
บริเวณใกล้เคียงนั้น ไม่มีเส้นทางอื่นไปต่อแล้ว แต่เธอก็สำรวจจนพบว่าบริเวณนี้มีทางเข้าท่อระบายน้ำอยู่ แต่มันถูกล็อกด้วยกุญแจ ซึ่งบังเอิญเธอมีกุญแจติดตัวพอดี
เธอจึงใช้กุญแจไขเข้าไปพร้อมกับเดินทางสำรวจต่อในท่อระบายน้ำ ซึ่งเหมือนกับว่ามันจะนำเธอไปที่ไหนสักแห่ง
เธอขึ้นไปข้างบนอีกฝั่งของท่อระบายน้ำ บริเวณที่เธออยู่ตรงนี้เหมือนจะเป็นสุสาน และที่ใจกลางสุสานนั้นมีตัวอะไรบางอย่างยืนอยู่..!!
"อะ...ไอ้เจ้าตัวนี้มันอะไรกันเนี่ย!! น่าขยะแขยงชะมัด!!"
เจ้าตัวที่ยืนอยู่ใจกลางสุสานต่อหน้าเธอนั้นคือ.... สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายกับสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำขนาดใหญ่..! มันคล้ายกับฮันเตอร์ แต่มันไม่ใช่ฮันเตอร์ที่เธอรู้จัก!! เจ้าสิ่งนี้คือ...
อาวุธชีวภาพตระกูลฮันเตอร์อีกชนิดหนึ่งที่มีชื่อเรียกว่า
"ฮันเตอร์ แกมม่า (Hunter γ)" อาวุธชีวภาพรหัส MA-124
มันเป็นฮันเตอร์ที่มีผิวหนังที่เหนียวและทนทานกว่าฮันเตอร์ที่เธอเคยเจอมาก่อนมาก แต่ถึงกระนั้นดูเหมือนว่ามันยังมีการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าอยู่ ทำให้เซย์นะสามารถใช้ปืนพกระดมยิงพร้อมกับคอยหลบหลีกการโจมตีของมันได้อย่างง่ายดาย ในที่สุดฮันเตอร์แกมม่าก็สิ้นฤทธิ์
หลังจากที่ปราบฮันเตอร์แกมม่าได้ เซย์นะก็เดินลึกเข้าไปส่วนในของสุสานและพบว่าที่แห่งนั้นมีกระท่อมหลังหนึ่งตั้งอยู่ และมันก็ถูกล็อกด้วย เธอลองใช้กุญแจที่ได้มาจากศพที่อยู่ด้านในป่าดู และพบว่ามันสามารถไขเข้าไปด้านในได้
ข้างในกระท่อมแห่งนั้น เธอพบว่าเหมือนกับฐานลับอะไรสักอย่างเลยทีเดียว (มีไอเท็มให้เก็บมากมาย) แถมมีเอกสารตั้งเรียงรายเยอะไปหมด เธอจึงลองหยิบขึ้นมาอ่านดู..
(ทางเราลองอ่านเอกสารดูแล้วพบว่าข้อมูลในเอกสารนี้มีเนื้อหาเหมือนกับ RE3 เปี๊ยบเลยทีเดียว)
สิ่งแรกที่เธอหยิบขึ้นมาอ่านดูคือ..
บันทึกรายงานของผู้ตรวจสอบ (Supervisor Report)
ความทนทานของร่างกายผู้ติดเชื้อที่เห็นในเมืองดูน่าทึ่งมาก ตัวอย่างเช่น ถึงจะโดนยิงใส่บริเวณจุดตายอย่างหัวใจ ก็ยังทนอยู่ได้หลายวัน แต่หลังจากที่เกิดอาการป่วยเนื่องจากติดเชื้อ (หรือติดเชื้อจนตายไปแล้ว?) จึงมีการสันนิษฐานว่า สติปัญญาความนึกคิดจะตกต่ำพอๆกับพวกแมลงปีกแข็งเลยทีเดียว
ดูเหมือนว่าความรู้สึกเกลียดและกลัวเมื่อคนตาเหล่ายคืนชีพ จะสร้างปัญหาใหญ่ในสนามรบด้วย เพราะมันสามารถลดขวัญของศัตรูหรือสร้างความปั่นป่วนได้ เช่น หากปล่อยไวรัสใส่เชลยแล้วให้หนีกลับไป พวกเขาจะกลายเป็นสัตว์ร้ายที่อันตรายอย่างยิ่ง โอกาสที่จะประสบผลสำเร็จ คงจะมีค่อนข้างมาก
ในบริเวณที่มีการติดเชื้อไวรัสอย่างรุนแรง ดูเหมือนจะทำให้เกิดสิ่งผิดปกติทั้งในพืชและสัตว์ไม่ว่าจะเกิดขึ้นด้วยเหตุผลใด ก็นับเป็นตัวอย่างที่ดีในการพัฒนาอาวุธชีวภาพ
แม้ก่อนหน้านั้น จะมีการรายงานข่าวเกี่ยวกับจระเข้ขนาดใหญ่ แต่ข้าพเจ้าก็เคยเผชิญหน้ากับมัน... และมีชีวิตรอดมาได้อย่างหวุดหวิด สำหรับเรื่องนี้... ไม่อยากคิดเลยว่า จะมีตัวอะไรอีกที่กลายเป็นสิ่งมีชีวิตอันตราย ที่มีสภาพใหญ่โตได้ขนาดนั้น
หากต้องเผชิญหน้ากับ "ทินดาลอส (Tindalos)" ควรจะหนีมันให้ไกลที่สุดถ้าไม่อยากถูกมันฆ่าตาย และถ้าหากยังคงเห็นมันเดินเพ่นพ่านอยู่ในเมือง นั่นหมายความว่า มันยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้สำเร็จลุล่วงได้
แสดงว่ามันยังคงตามล่าเจ้าเด็กพวกนั้นที่ยังคงมีชีวิตรอด แสดงว่าเจ้าพวกเด็กนั่นต้องมีความสามารถพอตัว
**เนื้อหาตรงนี้เหมือนกับในเอกสารต้นฉบับ RE เป๊ะ เพียงแต่ว่าตัวสีแดงนั้นจะเปลี่ยนเป็น "เนเมซิส (NEMESIS)" กับ "หน่วย S.T.A.R.S" ตามลำดับ เพราะมันเป็นเอกสารแจ้งเตือนสำหรับผู้ที่อยู่เบื้องหลังว่า ให้หลีกเลี่ยงการเจอกับเนเมซิสที่กำลังไล่กำจัดหน่วย S.T.A.R.S. (จิลนางเอกใน RE3 ก็เป็นหนึ่งใน S.T.A.R.S.)
"เอกสารพวกนี้....มันพูดถึงพวกเรางั้นเหรอ!?"
เซย์นะพยายามใช้ความคิดปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด..และจากเอกสารนี้ทำให้เธอรู้ว่า มันจะต้องเป็นเอกสารของเจ้าหน้าที่อัมเบรล่าที่มีความเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังแน่ๆ เพราะว่า...ส่วนท้ายที่เขียนไว้ว่า "เจ้าเด็กพวกนั้น" แสดงว่า ต้องหมายถึงพวกโนบิตะทุกคนรวมถึงเธอด้วย ....
เธอจึงพอเข้าใจได้ว่า พวกอัมเบรล่าต้องกำลังจับตาดูพวกโนบิตะอยู่แน่ๆเพราะเมื่อ 5 เดือนก่อน พวกเขาเผลอล่วงรู้ความลับของห้องทดลองลับใต้ดินในคฤหาสน์หลังโรงเรียนซึ่งเป็นสถานที่ลับของอัมเบรล่า ภาพของพวกเขาคงจะถูกจับไว้ด้วยกล้องวงจรปิดแห่งนั้น...
พวกอัมเบรล่าจึงได้ส่งสัตว์ประหลาดอาวุธชีวภาพที่มีชื่อว่า "ทินดาลอส (Tindalos)" มาไล่ล่าฆ่าปิดปากพวกเขา... ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่เซย์นะรู้ว่า เจ้าสัตว์ประหลาดหมา 3 หัวที่คอยไล่ตามตื๊อโนบิตะกับเธอมาโดยตลอดมีชื่อว่า "ทินดาลอส"
หลังจากนั้น เธอจึงได้สำรวจเอกสารที่อยู่บนโต๊ะคนละฝั่ง.
..มันเป็นกระดาษหนึ่งแผ่นที่มีส่วนหัวด้านบนเขียนไว้ว่า...
คำสั่งมอบหมายหน้าที่ของผู้ตรวจสอบ (Written order to the supervisors)
คำสั่ง ผู้ตรวจสอบรหัสบราโว่ที่ 16 (Bravo 16)
1 : รวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ และคอยติดตามดูเหล่าเจ้าหน้าที่ U.B.C.S. แล้วนำข้อมูลกลับมา
2 : ยืนยันความสามารถในการปฏิบัติงานของร่างทดลองแต่ละตัว หลังจากปฏิบัติหน้าที่เสร็จแล้ว ให้ใช้วิธีหลบหนีตามที่ได้ระบุเอาไว้อย่างรวดเร็วห้ามมิให้ช่วยเหลือบุคคลอื่น นอกจากพวกผู้ตรวจสอบด้วยกัน และห้ามนำเงินหรือสิ่งที่ระบุที่มาได้ออกมาด้วย
3 : ทำลายสถานที่และอุปกรณ์ โดยเฉพาะข้อมูลในการรักษาให้สิ้นซาก
คำสั่งทุกอย่างที่กล่าวไว้ทั้งหมดจะต้องปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด. เพื่อมิให้เกิดปัญหาการสร้างความวุ่นวายตามมาในภายหลัง
"เอกสารพวกนี้นี่มัน....ข้อมูลการเก็บหลักฐานอย่างงั้นเหรอ..ไม่สิ...มันยังไม่พอ"
เซย์นะเริ่มคิดว่าเอกสารที่เธอเจอในห้องนี้เริ่มใกล้เคียงกับสิ่งที่พวกเขาเสี่ยงชีวิตเข้ามาตามหาในเมืองนี้แล้ว แต่ว่า แค่หลักฐานพวกนี้ยังไม่พอ ซึ่งเธอคิดว่ามันน่าจะมีข้อมูลอย่างอื่นเพิ่มเติมอีก...หลักฐานการปฏิบัติงานการกวาดล้างหลักฐานสำคัญของอัมเบรล่าทั้งหมด มันอยู่ที่ไหน?
ตอนนั้นเองที่เซย์นะสังเกตเห็นว่าเตาผิงมันมีรอยตำหนิบางอย่างอยู่ด้านในและมีไม้ขวางไว้จำนวนมากจนผิดสังเกต เธอจึงลองเอาไฟแช็กจุดดู ไฟได้ไหม้ไม้ที่อยู่ด้านในเตาผิงจนกระทั่ง...
ตูม!!!!!
เธอไม่คิดว่าการจุดไฟใส่เตาผิงธรรมดา มันจะเกิดระเบิดจนทำให้ขี้เถ้ากระเด็นใส่หน้าเธอจนดำซะอย่างนั้น
"แค่กๆๆๆๆ โอยย... นี่มันอะไรกันเนี่ย..!?"
เธอจึงเช็ดหน้าของเธอเพื่อปัดเศษขี้เถ้าออกไป แล้วก็พบว่าด้านในของเตาผิงนั้นมีช่องลับบางอย่างที่สามารถเข้าไปด้านในได้ด้วย
"นึกอยู่แล้วว่าต้องมีทางลับอยู่ตรงนี้..."
การค้นหาทางเข้าลับตรงนี้เหมือนกับใน RE3 เป๊ะเลย
เซย์นะจึงลอดเตาผิงเข้าไปสำรวจห้องลับด้านใน
ที่นั่นมีศพของชายคนหนึ่ง เธอลองเดินสำรวจเข้าไปดู
ที่ศพของชายคนนั้นมีกุญแจสวนสาธารณะอยู่ ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับรูที่เสียบแม่กุญแจที่ทางออกชายป่าเป๊ะเลย
เธอจึงเก็บมันไว้กับตัว
นอกจากนี้บนโต๊ะที่ด้านหลังศพของชายคนนั้นยังมีเอกสารบางอย่างอยู่...มันคือ...
โทรสารจากศูนย์วางแผนการรบ (Fax from Headquarters)
[เอกสารนี้มีจริงใน RE3]
เมือง R* ได้ถูกทอดทิ้ง
การปฏิบัติงานที่ล่าช้าตามแผนการสภาเมืองของพวกเรานั้น ได้มาถึงจุดที่สุดจะต้านทานแล้ว
(ถ้าเป็นฉบับจริงใน RE3 เมือง R ก็คือ แรคคูนซิตี้)
ขอให้ผู้ตรวจสอบทุกคน รีบหลบหนีอย่างเร่งด่วน ถ่อนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นในวันที่ 26 ธันวาคม
กองทัพของญี่ปุ่น*จะเริ่มปฏิบัติแผนการแล้ว และเมืองแห่งนี้ก็จะมลายสิ้นไปพร้อมกับแสงแห่งรุ่งอรุณ
(ต้นฉบับ RE3 เป็น อเมริกา)
"เดี๋ยวนะ!! เอกสารตัวนี้มัน..!!"
ในที่สุดเธอก็พบเจอ...เอกสารที่ว่านั้น....
มันคือคำสั่งแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ลี้ภัยออกจากเมือง ก่อนที่จะลงมือทำลายหลักฐานทั้งหมดของอัมเบรล่าที่อยู่ในเมืองนี้...
หลังจากนั้นเซย์นะก็นำแฟกซ์ชิ้นนนั้นออกมาจากห้องลับ และพอเธอออกมาด้านนอกเธอก็พบกับโนบิตะพอดี
เหมือนกับที่จิลมุดเตาผิงออกมาเจอกับนิโคไลใน RE3
"อ้ะ!! คุณเซย์นะ!? ทำไมถึงมาอยู่ในที่แบบนี้ได้ล่ะครับ?"
"โนบิตะคุง...!! ดูนี่ก่อนสิ!?"
"เอ...แฟกซ์ งั้นเหรอ? ไหนๆขอผมดูหน่อย.."
ทันทีที่โนบิตะอ่านจบ...
"มะ ไม่จริงนา.... หรือว่าพวกอัมเบรล่าคิดจะ.....!?"
"ใช่...เจ้าพวกอัมเบรล่าคิดจะทำลายล้างเมืองนี้ในวันรุ่งขึ้นน่ะสิ"
"...ถ้ายังงั้นล่ะก็...เราต้องรีบซะแล้ว จะมามัวโอ้เอ้อยู่ไม่ได้!!"
"ต่อจากนี้ไป เรื่องหาทางหนีขอให้เป็นหน้าที่ของผมเอง
ส่วนคุณเซย์นะรีบกลับไปแจ้งข่าวให้พวกคุณโอทากะทราบด้วยนะครับ"
"เข้าใจแล้ว...."
แต่ก่อนที่เซย์นะจะไป เธอได้เอากุญแจสวนสาธารณะที่เธอได้จากห้องลับและกระสุนปืนแม็กนั่มให้กับโนบิตะพร้อมกับรีบวิ่งกลับไปหาพวกคุณโอทากะทันที
ผู้เล่นได้เปลี่ยนกลับมาเป็นโนบิตะอีกครั้ง....
"ต้องรีบแล้ว....ต้องรีบหาทางออกจากเมืองภายในคืนนี้ให้ได้
ไม่อย่างนั้น ทุกคนจะต้องตายกันหมด...!!"
เวลาการหลบหนีของพวกโนบิตะได้เริ่มต้นนับถอยหลังแล้ว...
โปรดติดตามตอนต่อไป
>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 17.5] : Side Story - ภาคไจแอนท์ (ตอนที่ 6)
จะว่าไปตั้งแต่เริ่มเกมก็เห็นแข่งกับเวลามาตลอดเลยนะเนี่ย
ตอบลบเวลาสำคัญที่สุด เหอๆๆๆ
ลบ