หลังจากที่ทุกคนได้ลองอ่านบทความแนะนำตัวเกมภาค 3
>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 3 (Outbreak) [แนะนำเกมเบื้องต้น]
ไปแล้ว จะเห็นได้ว่า เราเลือกที่่จะทำการปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องใหม่
จากแบบนี้
ให้กลายเป็นไปตามลูกศรสีแดงแบบนี้
เพื่อทำให้เนื้อหามีความต่อเนื่องกับภาค 2 .... แต่จะพยายามไม่ตัดรายละเอียดหลักของภาค 3 ออกไป ซึ่งในบทความนี้เราจะขอกล่าวถึงจุดที่มีการปรับเปลี่ยนในบางส่วน ให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่อง
จุดที่มีการปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่อง
1) การมีตัวตนของตัวละครที่ชื่อ "โอกะ เคนจิ"
เนื้อหาต้นฉบับภาค 3 : เคนจิตายตั้งแต่ภาค 1 ไปแล้วในบทความนี้ >> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 11.5] - เนื้อหาที่มีการตัดแต่งระหว่างเนื้อเรื่องตัวเกมกับโดจิน
เนื้อหาปรับปรุงใหม่ : เคนจิยังคงมีชีวิตอยู่และคอยให้ความช่วยเหลือพวกโนบิตะเบื้องหลัง
เหตุผลง่ายคือเนื้อหาส่วนนี้ยึดและปรับปรุงตามต้นฉบับโดจินของคุณ diodio ที่วาดขึ้นมาใหม่ให้เคนจิรอดชีวิตจนจบภาคได้ >> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 22 - ตอนจบ] ทั้งนี้ทั้งนั้น เพราะว่าเป็นการวางแผนพล็อตเรื่องยาวจนถึงภาคจี (G) และภาคอินเซนิตี้เดสทินี่ (Insanity Destiny) ซึ่งเป็นภาคที่เคนจิมีบทบาทเยอะมาก ดังนั้นทางคนเขียนโดจิน (คุณ diodio) และทางเราจึงเขียนเรื่องในทำนองว่าเคนจิยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนเนื้อหาในเกมเดิมมากนัก เพราะว่าพี่เคนจิแกก็ยังคงไร้บทในภาคนี้เช่นเดิม จึงไม่มีผลกระทบอะไร
2) โนบิตะมีลักษณะทางชีวภาพที่เข้ากับเชื้อที-ไวรัสได้
เนื้อหาต้นฉบับภาค 3 : โนบิตะเป็นเพียงเด็กผู้ชายธรรมดาไม่ได้มีอะไรพิเศษดังนั้นถ้าหากติดเชื้อที-ไวรัสในอากาศเข้าไปแล้ว พอเชื้อนั้นลามไปทั่วตัว 100% ก็จะตายกลายเป็นซอมบี้ธรรมดาๆตัวนึง (จะเห็นผลตอนจบของเกมหากจบด้วยค่า TP เป็น 0) ไม่มีผลต่อการเพิ่มสมรรถภาพทางกายอย่างใด ซึ่งเป็นการสร้างขีดจำกัดเนื้อหาให้เข้ากับระบบเกมตามเกม Resident Evil ภาค Outbreak ก็คือ ตัวละครทุกตัวจะติดเชื้อและต้องหาทางช่วยเหลือตัวเองไม่ให้ตายกลายเป็นซอมบี้
เนื้อหาปรับปรุงใหม่ : โนบิตะเป็นผู้ที่มีลักษณะทางกายภาพที่เข้ากับที-ไวรัสได้ และมีผลในการเพิ่มสมรรถภาพทางกายสูงขึ้นในระดับหนึ่งเป็นชั่วระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งไวรัสจะไม่มีผลในการฆ่าเขา เหมือนกับในภาค 1 และ 2 ที่มีการรับที-ไวรัสในร่างกายไปหลายครั้งก็จะก่อให้เกิดภูมิคุ้มกันและสร้างพลังที่เหนือมนุษย์ขึ้นมา ซึ่งอันที่จริงแล้วเรื่องที่โนบิตะได้รับพลังเพิ่มขึ้นตอนที่ได้รับที-ไวรัสเข้าไปนั้นก็อ้างอิงมาจากโดจินที่คุณ diodio แต่งไปในภาคแรกอยู่แล้ว ซึ่งสมรรถภาพที่เหนือชั้นของโนบิตะเกิดจากตอนที่ถูกเชื้อที-ไวรัสปริมาณมหาศาลเท่านั้น
แต่ถึงอย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าที-ไวรัสอาจจะไม่สามารถฆ่าโนบิตะที่มีลักษณะทางชีวภาพที่เข้ากับที-ไวรัสได้ แต่การได้รับมันในปริมาณมหาศาลก็อาจจะทำให้เขากลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดได้เหมือนกัน จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเดคิสุงิถึงเอาวัคซีนมารักษาเขาก่อน และหลังจากนั้นเหตุการณ์ในภาค 2 โนบิตะก็ได้รับเชื้อที-ไวรัสเข้าไปหลายต่อหลายครั้งในการต่อสู้กับทินดาลอส แต่ว่าร่างกายสามารถปรับตัวเข้ากับที-ไวรัสในระดับหนึ่งได้แล้ว ดังนั้นหากไม่ได้รับที-ไวรัสในปริมาณที่มากเกินเหตุ โนบิตะก็ยังคงรักษาสมดุลที-ไวรัสในร่างกายให้เพิ่มพลังในระยะเวลาหนึ่งได้โดยที่ไม่กลายพันธุ์
แต่ถึงอย่างไรก็ตามเนื้อเรื่องที่โนบิตะยังดำเนินต่อไปนี้ก็ต้องแข่งกับเวลาอยู่ดี เพราะถึงแม้ว่าโนบิตะจะได้รับเชื้อที-ไวรัสแล้วไม่เป็นอะไร แต่เพื่อนของเขาก็ไม่ใช่แบบนั้นทุกคน...เพื่อนของเขาเกือบทุกคนนั้นไม่สามารถเข้ากับที-ไวรัสที่แพร่ในอากาศได้ ดังนั้นจึงต้องเป็นหน้าที่ของโนบิตะที่ต้องหาทางรักษาพวกเขาโดยการหาวัคซีนในตอนท้ายของเกม
อีกประการหนึ่งคือ เป็นตัวที่สามารถใช้อธิบายความเก่งกาจของโนบิตะที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันในซีรี่ย์นี้ด้วย ไม่อย่างงั้นจะกลายเป็นว่าโนบิตะเก่งเว่อร์มาแบบไม่มีเหตุผลซะอย่างนั้น ก็เลยแถๆไปว่าที่มันเก่งขึ้นเพราะพลังของที-ไวรัสที่สามารถเข้ากับร่างกายได้นั่นเอง
3) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคนี้เกิดขึ้นในเมืองแห่งหนึ่งที่ไม่ใช่เมือง R และเกิดขึ้นหลังวันที่ 26 มกราคมเพียงไม่กี่วัน
เนื้อหาต้นฉบับภาค 3 : เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในวันที่ 21 เดือนธันวาคมที่เมือง R สาเหตุที่เป็นเมือง R นั่นก็เพราะว่าเนื้อหายึดตามเกม Resident Evil ภาค Outbreak ซึ่งมีสถานที่หลักคือเมืองแรคคูนซิตี้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์คนละฝั่งของภาคหลักในเกม Resident Evil ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว
เนื้อหาปรับปรุงใหม่ : เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันใดวันหนึ่งซึ่งอยู่ภายในเดือนธันวาคม ปี 2004 แต่เป็นหลังวันที่ 26 มกราคม ที่โนบิตะนั่งเฮลิคอปเตอร์หนีออกมาจากเมือง R ที่โดนทำลายล้างในภาค 2 เพื่อให้เกิดเป็นเนื้อเรื่องตรงตามไทม์ไลน์ไปทีละลำดับ เพราะว่าเหตุการณ์ในภาค 2 นั้นเกิดขึ้นในวันที่ 22 เดือนธันวาคม ซึ่งเป็นหลักฐานชั้นดีที่บอกว่า เนื้อเรื่องในภาค 3 เป็นเพียงโลกคู่ขนานของเนื้อเรื่องภาค 2 เท่านั้น แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องมาจากภาค 1
และเนื่องจากว่าเมือง R โดนทำลายไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องมีการปรับเนื้อหาใหม่เป็นเมืองอื่นที่มีโครงสร้างคล้ายกันแทน ซึ่งกำหนดให้เป็นเมืองเล็กๆที่ไม่ทราบชื่อ...อีกทั้งตอนจบของภาค 3 นั้นเป็นการขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินหนีไปดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกโนบิตะจะกลับมาภายในวันเดียว
4) ตัดบทของเหล่า 3 ทหารเสือซึ่งได้แก่ (ผู้พันฮารุนะ,โอทากะ,โรวฮะ) ทิ้ง
เนื้อหาต้นฉบับภาค 3 : เหล่าผู้พันฮารุนะกับลูกน้องทั้ง 2 ยังคงมีชีวิตอยู่และปฏิบัติภารกิจอยู่ในเมืองที่พวกโนบิตะอยู่ในปัจจุบัน
เนื้อหาปรับปรุงใหม่ : จะไม่พูดถึงเนื้อเรื่องกลุ่มทหาร 3 คนนี้ เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะโผล่มาทำไม แถมเนื้อเรื่องก็ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือพบเจอกับพวกโนบิตะแม้แต่นิดเดียว และแน่นอนว่ายังยึดตามเนื้อหาภาค 2 ซึ่งก็ ฮารุนะกับโรวฮะตายแล้ว แต่โอทากะยังอยู่ ซึ่งสามารถติดตามบทบาทของโอทากะได้ในภาค 4 (โผล่มาให้แสดงให้เห็นว่าภาค 3 มันเกิดขึ้นในโลกคู่ขนานภาค 2 ยังไงยังงั้นเรอะ?)
5) ลักษณะการบอกเล่าเนื้อเรื่องตัวละครจะเหมือนกับแสดงให้เห็นว่าพวกโนบิตะเคยผ่านเนื้อเรื่องภาค 2 มาแล้ว...อีกทั้งเนื้อหาบางอย่างมีการปรับแต่งโดยอาศัยพื้นฐานประสบการณ์ในภาค 2 ดั้งเดิม
เนื้อหาต้นฉบับภาค 3 : ประสบการณ์ของพวกโนบิตะจะมีแค่ในเนื้อเรื่องภาค 1 เท่านั้น ราวกับไม่เคยผ่านเหตุการณ์ในภาค 2 มาก่อน อย่างเช่นตอนที่เผชิญหน้ากับทินดาลอสในภาค 3 โนบิตะจะไม่รู้จักมันมาก่อนเลย เขาเลยพูดออกมาว่า "นะ นี่มันตัวอะไรเนี่ย!? ทำไมมันถึงมี 3 หัว!?"
เนื้อหาปรับปรุงใหม่ : การแปลเนื้อเรื่องจะออกไปในแนวทางที่โนบิตะเคยมีประสบการณ์การรับมือจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในภาค 2 แล้ว ซึ่งพอเวลาเจอทินดาลอสอีกครั้ง จะเปลี่ยนคำพูดเป็นประมาณว่า "อะไรเนี่ย!? ไอ้เจ้าหมา 3 หัวนี่อีกแล้วเหรอ?"
ซึ่งทำให้มีเนื้อหาสอดคล้องว่าการบรรยายเนื้อเรื่องในภาคนี้มีเนื้อหาที่ต่อเนื่องมาจากภาค 2 ไม่ใช่เนื้อเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นครั้งแรก
ก็หวังว่าทุกคนคงจะสนุกกับเนื้อเรื่องในภาค 3 ซึ่งเป็นเนื้อหาการผจญภัยอย่างต่อเนื่องของพวกโนบิตะครั้งใหม่นะ
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น