โนบิตะยังคงหาวิธีเปิดประตูภายในร้านอาหารเพื่อหาทางหนีออกจากอาคารที่ถูกล้อมไปด้วยพวกซอมบี้ข้ามไปยังอีกฝั่ง...
เขาได้สำรวจตู้ล็อคเกอร์่ต่อไปเรื่อยๆและก็พบว่ามีตู้หนึ่งที่ใช้กุญแจล็อกเกอร์ A ไขเข้าไปได้
ด้านในนั้นมีปืนลูกซองที่มีชื่อว่า Benelli Model 13 อยู่ แถมที่ตู้ล็อกเกอร์ด้านข้างนั้นก็มีกระสุนปืนลูกซองจำนวนหนึ่งด้วย
โนบิตะไม่ลืมที่จะเก็บสเปรย์ปฐมพยาบาลที่อยู่บนโต๊ะ
นอกจากนั้นบนโต๊ะก็ยังมีบันทึกของพนักงานอีกฉบับหนึ่ง
เนื้อหาบันทึกของพนักงานอีกเล่มหนึ่ง
เนื้อหาโดยคร่าวๆแล้วก็ไม่ต่างจากเนื้อหาต้นฉบับบันทึกของพนักงานสักเท่าไหร่ ที่กล่าวถึงกลุ่มเด็กที่มาวิ่งเล่นบนดาดฟ้าที่ชั้น 3 แถมยังมาพังชัตเตอร์ของร้านอีก.... ดังนั้นพวกเขาจึงล็อกประตูทางออกที่เชื่อมต่อกับดาดฟ้าและเก็บกุญแจไว้ในห้องพนักงานประจำ
เมื่อได้ที่อยู่กุญแจมาแล้ว โนบิตะจึงเดินออกมาจากห้องล็อกเกอร์ มุ่งหน้าไปยังห้องพนักงานประจำด้านในสุด แต่ก่อนที่จะเข้าไปด้านหน้า เขาก็สังเกตเห็นหนังสือพิมพ์ฉบับวันนี้
ตัวหนังสือพิมพ์นั้นถูกลอกแบบมาจากหนังสือพิมพ์ "แรคคูนทูเดย์ (Raccoon Today)" ในเกม RE มาก
"พะ..พาดหัวอันนี้มัน...."
โนบิตะรีบเปิดหนังสือพิมพ์อ่านทันที ซึ่งมันเป็นข่าวที่โดราเอม่อนพูดถึงไว้ก่อนหน้านั้น...
ข่าวการปนเปื้อนของสารพิษที่อยู่ในท่อระบายน้ำ
ข่าวการปนเปื้อนของสารพิษที่อยู่ในท่อระบายน้ำ
เนื้อหาข่าวโดยคร่าวๆคือ การรายงานสภาพข่าวถึงความผิดปกติในท่อระบายน้ำที่มักจะมีเสียงสัตว์วิ่งอย่างตื่นตระหนกอยู่ตลอดเวลา รวมถึงอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นอย่างปริศนากับคนงานที่ทำงานอยู่ในละแวกแถวนั้น
อีกทั้งเนื้อหาข่าวนั้นยังมีการเชื่อมโยงไปถึง.. [การตรวจพบสารปนเปื้อนบางอย่างที่ติดมากับน้ำประปา] ซึ่งทางทีมนักวิทยาศาสตร์ส่วนหนึ่งกำลังเร่งตรวจสอบเรื่องนี้โดยละเอียดอยู่
ถึงอย่างไรก็ตามทางข่าวก็บอกมาว่า ทีมผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทตรวจสอบเวชภัณฑ์ชื่อดังได้ให้การสัมภาษณ์ว่า [สารปนเปื้อนนี้ไม่มีพิษภัยอะไรมากมายแต่ว่าขอให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารปนเปื้อนโดยตรง]
ซึ่งแน่นอนหลังจากที่อ่านข่าวนี้จบ สิ่งที่โนบิตะสังหรณ์ไว้ก็เป็นจริง...
การปิดกั้นข้อมูลข่าวสารด้วยอำนาจแบบนี้ก็คงจะมีแต่...
"หรือว่า นี่จะเป็นฝีมือของพวกอัมเบรล่าอีกแล้ว..."
สิ่งที่ปนเปื้อนมากับน้ำนั่นต้องไม่ใช่สารปนเปื้อนธรรมดา แต่มันจะต้องเป็น..
"เชื้อที-ไวรัส" แน่นอน....
ก่อนที่จะเข้าไปในห้องพนักงานประจำ เขาก็เหลือบไปเห็นกรีนเฮิร์บที่อยู่มุมห้องจึงเก็บขึ้นมาด้วย
แล้วค่อยเดินเข้าไปในห้องพนักงานประจำด้านในสุด
ภายในห้องประจำงานมีเอกสารที่เด่นหราวางตั้งอยู่...ซึ่งมันก็คือ...
บันทึกโน้ตของเจ้าของร้าน (ที่พึ่งโดนกัดจนกลายเป็นซอมบี้ในตอนที่แล้ว..)
[ตัวเอกสารนั้นจงใจทำเลียนแบบเอกสารที่ RE ตรงที่มันเป็น บันทึกโน้ตของแจ็ค (Jack's Memo) ซึ่งเป็นชื่อของเจ้าของบาร์ที่เขียนถึงซินดี้ (Cindy) พนักงานเสิร์ฟสาวประจำร้าน]
ถึง..อาเคมิ (明美)
เมื่อเช้านี้พ่อรู้สึกไม่ค่อยสบายใจหลังจากที่ได้เจอเหตุการณ์แปลกๆในเมือง ทั้งคนที่ท่าทางจะสติไม่ดี และยังมีการทำร้ายร่างกายกันอีก หากถึงยามจำเป็นล่ะก็ลูกสามารถเอากุญแจจากพ่อไปไขล็อกเกอร์ในห้องเก็บของได้ ซึ่งข้างในมีปืนลูกซองอยู่ นอกจากนี้ที่ห้องเก็บของบนดาดฟ้านั้นลูกสามารถใช้กุญแจส่วนตัวของลูกไขตู้ล็อกเกอร์เพื่อเอาปืนไรเฟิลมาใช้ป้องกันตัวเองได้เช่นกัน
หลังจากที่ได้อ่านโน้ตนี้แล้วทำให้โนบิตะรู้ว่าคงจะเป็นโน้ตที่เจ้าของร้านเขียนถึงลูกสาวของเขา แต่ปัจจุบันเขายังไม่เห็นตัวลูกสาวเลย เขาจึงคิดว่าตอนนี้น่าจะซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง..แต่ข้อมูลที่สำคัญกว่านั้นคือ..เขารู้แล้วว่ายังมีปืนไรเฟิลซ่อนอยู่อีกจุดหนึ่งในห้องเก็บของที่ดาดฟ้า...
นอกจากนี้เขายังพบว่าล็อกเกอร์อีกจุดที่อยู่ภายในห้องนั้นสามารถใช้กุญแจล็อกเกอร์อีกดอก (B) ไขเข้าไปได้
ตู้ล็อคเกอร์นี้มีมีดที่แหลมคมและแข็งมากอยู่มันคือมีดเซอร์ไววัลไนฟ์ (Survival Knife)
ดูเหมือนว่ามีดเล่มนี้น่าจะมีความแข็งแรงมากพอที่จะใช้พังหรืองัดแงะตู้ล็อคเกอร์ที่เขาจะไปเอาปืนไรเฟิลได้ (เนื่องจากโนบิตะไม่พบตัวลูกสาวเข้าของร้านเลย ดังนั้นการที่จะเอากุญแจประจำตัวของลูกสาวไปเปิดล็อกเกอร์คงเป็นไปไม่ได้)
นอกจากนี้ที่ข้างศพภายในห้องนั้นยังมีกุญแจอีกดอกหนึ่งวางอยู่
ซึ่งดูแล้วมันคือ กุญแจที่ใช้เปิดประตูเส้นทางที่ใช้มุ่งหน้าไปยังดาดฟ้านั่นเอง!!!
เพล้ง!!!!
"!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"
ทันทีที่โนบิตะหยิบกุญแจขึ้นมา...พวกอีกาด้านนอกก็บินพังกระจกเข้ามาเล่นงานโนบิตะทันที
เขาจึงรีบหนีออกมานอกห้องให้เร็วที่สุด!!!
หลังจากที่หนีพวกอีกาออกมาจากห้องได้ เขาก็ใช้กุญแจไขประตูออกไปยังทางเดินมุ่งไปสู่ดาดฟ้าทันที
เขาลองเดินมาตามเส้นทางด้านล่าง
ปรากฏว่าแทนที่จะออกไปยังดาดฟ้า เขากลับเดินเข้ามาในห้องบ่มไวน์ซะอย่างนั้น
และที่ข้างประตูห้องก็เหมือนจะมีเอกสารอะไรบางอย่างแปะอยู่...
เอกสารบันทึกการหมักบ่มไวน์
มันบอกเอาไว้เกี่ยวกับข้อมูลของกล่องไวน์ที่คนเขียนบันทึกซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการหมักบ่มไวน์เขียนไว้ว่า เขาได้นำกล่องไวน์ไปตากไว้ลมหนาวบนดาดฟ้าของตึก ซึ่งควรจะเก็บมันก่อนที่จะถึงเวลาตกดึกเพราะมันอาจจะถูกลมฤดูหนาวพัดตกลงใส่หัวใครด้านล่างเข้า
"อืม...ท่าทางจะใช้เป็นกับดักได้ดีเลยนะเนี่ย ถ้าหล่นลงไปอยู่ตรงหัวพวกซอมบี้ก็คงจะดี"
และที่ด้านในสุดของห้องเขาก็พบว่ามีกุญแจดอกหนึ่งวางอยู่ มันคือ กุญแจที่ติดแท็กสีฟ้า ที่ใช้เปิดห้องเก็บของบนดาดฟ้า...
"ว้าว โชคดีจริงๆที่เข้ามาในห้องนี้ก่อน..."
โนบิตะจึงเดินออกจากห้องเก็บไวน์ ผ่านซอมบี้ไปยังทางเดินฝั่งตรงข้าม
ซึ่งก่อนที่จะเดินออกไปยังดาดฟ้านั้นมีเรดเฮิร์บให้เก็บด้วย
"ลัคกี้!!!"
ในที่สุดโนบิตะก็เดินออกมายังดาดฟ้าได้สำเร็จ
เขามองออกไปยังห้องเก็บของที่อยู่บนดาดฟ้าใกล้ๆกัน แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเดินไปถึงก็พบว่า ฝูงอีกาติดเชื้อที่อยู่บริเวณนั้นได้บินพุ่งเข้ามาโจมตีใส่เขาทันที
"อย่างนี้ต้องจัดการพวกมันให้เรียบ!!!"
โนบิตะจึงหยิบปืนพกออกมายิงต่อสู้กับฝูงอีกาบนดาดฟ้า...ถึงแม้ว่าพวกมันจะบินเร็วมาก แถมยังมีร่างกายสีดำที่พรางตัวเองบนท้องฟ้ายามค่ำคืนได้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่อาจจะรอดพ้นสายตาสิงห์ปืนไวอย่างโนบิตะไปได้
ในที่สุดโนบิตะก็สามารถจัดการพวกอีกาบนดาดฟ้าได้ทั้งหมด... บัดนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้พวกอีกาติดเชื้อที่มาทำลายสายตาแล้ว ท้องฟ้ายามค่ำคืนช่างดูสวยงาม...
แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมามัวชมดาวนะ!!!!!!
"หือ?? ตรงนั้นมัน...."
โนบิตะเดินเข้าไปที่ริมดาดฟ้าบริเวณตอนเหนือและพบกล่องไวน์ที่วางหมิ่นเหม่อยู่บนดาดฟ้านั้น... นี่คงจะเป็นกล่องไวน์ที่บันทึกโน้ตในห้องไวน์เขียนไว้
"วางแบบนี้อันตรายจริงๆ....ทางที่ดีเก็บมันก่อนดีกว่า
เดี๋ยวจะไปโดนคนอื่นที่ไม่ใช่ผู้ติดเชื้อแล้วจะซวยเอา"
โนบิตะจึงเก็บกล่องไวน์เข้ามาไว้ด้านใน
หลังจากนั้นเขาจึงเดินไปยังห้องเก็บของบนดาดฟ้าที่อยู่ใกล้ๆแล้วใช้กุญแจติดแท็กสีฟ้าไขเข้าไป
เขามองหาล็อกเกอร์ที่เป็นเป้าหมาย และหยิบมีดเซอร์ไววัลไนฟ์ขึ้นมา ซึ่งมันมีความแข็งแรงพอที่จะใช้งัดตู้ล็อกเกอร์ได้
เขาใช้มีดนั้นงัดประตูตู้ล็อกเกอร์ที่ล็อกเพียงตู้เดียวออกมา...
ในที่สุดประตูตู้ล็อกเกอร์ก็เปิดออกเผยให้เห็นปืนไรเฟิลกระบอกสีดำอยู่ด้านในซึ่งเป็นปืน Koba-10/22
เขาหยิบปืนไรเฟิลออกมา แล้วสะพายคาดไว้ที่หลังซึ่งพาดกับปืนลูกซองที่เขาสะพายไว้ก่อนหน้านั้นจนเป็นรูปตัว X
"เอาล่ะ...เพียงเท่านี้ก็พร้อมลุยแล้ว"
โนบิตะได้เตรียมตัวพร้อมรับมือแล้ว เขาจึงเดินผ่านรั้วเหล็กริมดาดฟ้าซึ่งมีทางเชื่อมไปยังอาคารอพาร์ทเม้นอีกฝั่ง
"หือ?? ดูเหมือนจะได้ยินเสียงอะไรสักอย่าง"
โนบิตะจึงก้มหน้าลงมองไปยังเบื้องล่าง บริเวณตรอกถนนด้านล่างที่อยู่ในซอยถัดไปจากร้านที่เขาอยู่ตรงนี้ เขาพบว่าบริเวณนั้นมีพวกตำรวจและประชาชนจำนวนมากกำลังอพยพอยู่
เขาสังเกตเห็นนายตำรวจคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างรถตำรวจกำลังยกโทรโข่งประกาศถึงชาวเมืองที่อยู่อีกฝั่งของถนน
เขาออกมาแจ้งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินให้ทุกคนได้ทราบ และขอร้องอย่าให้ทุกคนตื่นตระหนกกันมากนัก เพราะพวกเขาได้เตรียมรถบรรทุกจำนวนมากมาเพื่อทำการขนย้ายและลี้ภัยชาวเมืองบริเวณนั้นเรียบร้อยแล้ว
ขอให้ทุกคนใจเย็นและทำการเคลื่อนย้ายอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อให้เกิดความสะดวกในการพาเคลื่อนย้ายไปยังที่อื่นๆ ให้ทันเวลาตามที่กำหนด
นอกจากนั้นเขายังแจ้งประกาศออกมาปิดท้ายว่า...
ขอให้ทุกคนจัดเตรียมสิ่งของให้เรียบร้อย และคาดว่ารถบรรทุกคันสุดท้ายจะออกไปภายในเวลา 10 นาทีให้หลัง และหลังจากนั้นเขาจะทำการปิดกั้นพื้นที่เมืองบริเวณนี้ทั้งหมด
จบการประกาศเพียงเท่านี้....
โนบิตะเริ่มประเมินสถานการณ์
"อีก 10 นาทีงั้นเหรอ? ยังพอมีเวลา...."
ถ้าเป็นในเกม RE ภาค Outbreak หลังจากที่ตำรวจประกาศเสร็จ
จะมีเวลาเพียง 3 นาทีในการหนีลงไปข้างล่างเท่านั้น!!!
แต่ก่อนที่โนบิตะจะได้ข้ามไปยังอาคารอีกฝั่ง
กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
"สะ เสียงเมื่อกี้มัน เสียงเด็กผู้หญิงนี่!!"
เขาจึงต้องย้อนกลับเข้าไปในอาคารเพื่อหาที่มาของเสียงนั่น
เขารีบวิ่งมุ่งหน้าไปยังห้องที่มาของเสียงนั้นทันที...
ภายในห้องนั้นเขาได้พบกับเด็กผู้หญิงผมสีฟ้าคนหนึ่งยืนก้มหน้าพิงกำแพงอยู่
"อึกกกกก......"
เขาเดินเข้าไปหาเด็กสาวคนนั้น..
"เด็กสาวคนนี้..หรือว่า...จะเป็น..."
"คุณคือ...คุณอาเคมิ ใช่หรือเปล่าครับ?"
เขาได้ลองเอ่ยถามชื่อของเด็กสาวที่เขานึกขึ้นได้ว่า เขาเคยเห็นชื่อของผู้หญิงจากบันทึกโน้ตของเจ้าของร้านมาก่อน ซึ่งน่าจะเป็นเธอคนนี้
ทันที ที่เธอได้ยินชื่อนั้นเธอจึงได้เงยหน้าขึ้นมองโนบิตะ เธอเป็นเด็กสาวที่ดูน่ารักและท่าทางอายุไม่ห่างจากเขามากนัก แต่โนบิตะต้องรู้สึกตกใจเมื่อสังเกตเห็นบาดแผลที่เธอปิดไว้บนแขนซ้ายของเธอ ซึ่งเหมือนกับรอยถูกกัดจนเลือดไหล แถมหน้าตาเธอก็ดูซีดเซียวผิดปกติ
"บาดแผลนั่น....!! คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ?"
"นะ...นาย...เป็นใคร....ทำไม...ถึงรู้จัก..ชื่อฉัน..."
คำพูดของเด็กสาวทำให้เขามั่นใจได้เลยว่า เธอคนนี้ต้องเป็นลูกสาวเจ้าของร้านตามที่บันทึกพูดถึงแน่นอน
"อะ...อึก....."
"อุ...ฉันถูก...คุณพ่อ.ที่เป็นพวกนั้นกัด.....ฉัน..คงจะกลายเป็นซอมบี้..สินะ.."
เธอยังคงบ่นพร่ำเพ้อออกมา..
"ฉันรู้ดี...เพราะฉันเคยเห็นมันมาก่อน..ถ้าถูกซอมบี้พวกนั้นกัดเข้าไป...ก็จะกลายเป็นซอมบี้เหมือนกัน"
"ดังนั้น ได้โปรด...ออกไปจากที่นี่ หนีไปให้ไกลจากฉันซะ...!!"
(แย่แน่ๆ...แบบนี้จะเอายังไงต่อดี...)
และตอนนั้นเองโนบิตะก็มีทางเลือก 2 ทางซึ่งก็คือ...
- ชวนเธอหนีไปด้วยกัน...
- ปล่อยเธอทิ้งไว้ที่นี่...
ซึ่งแน่นอนว่าพระเอกอย่างโนบิตะจะต้องตอบว่า...
"ที่นี่ไม่ปลอดภัย ดังนั้นผมจะพาคุณไปด้วย เรารีบหนีไปจากที่นี่กันเถอะครับ.."
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้นเด็กสาวจึงเงยหน้าขึ้นมามองโนบิตะด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
"นะ..นี่นาย..พูดบ้าอะไรออกมาน่ะ..!? ไมได้ยินที่ฉันพูดเมื่อกี้นี้เหรอ!?"
"ได้ยินน่ะสิครับ ดังนั้นผมถึงอยากพาคุณออกไปจากเมืองนี้ให้เร็วที่สุด..."
แน่นอนว่าโนบิตะยังคงจำได้ดี เพราะว่าเมื่อหลายวันก่อนเซย์นะเองก็เคยติดเชื้อไวรัสแบบเดียวกัน และเขาก็สามารถหาวัคซีนมารักษาอาการของเธอได้สำเร็จ ซึ่งถ้าหากเขาพาเธอคนนี้หนีออกไปจากที่นี่ทันการ เธออาจจะรอดก็ได้...
"ผมจะไม่ยอมทิ้งให้คุณกลายเป็นซอมบี้ในที่แบบนี้หรอก มาด้วนกันเถอะครับ"
หลังจากที่เด็กสาวคนนั้นได้ฟังโนบิตะพูดจนจบเธอได้แต่นิ่งเงียบ...
"ขอโทษนะ มันไม่มีประโยชน์หรอก...ตอนนี้ขาฉันน่ะ...ขาฉันบาดเจ็บจนเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว..."
ดูเหมือนว่าเธอไม่ต้องการให้คนนอกมาเกี่ยวข้องกับเธอที่กำลังใกล้เส้นตายเข้าไปทุกที... และตอนนั้นเองเธอก็ได้พูดออกมาว่า...
"ได้โปรด หนีไปให้ไกลจากฉัน...ฉันน่ะ...อีกไม่นาน ก็จะกลายเป็นพวกนั้นแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ก่อนที่ฉันจะกลายเป็นพวกนั้น ฉันจะกระโดดหน้าต่างตรงนั้นฆ่าตัวตายก่อนที่จะกลายเป็นพวกมัน ฮะๆๆๆ"
หลังจากนั้นโนบิตะก็มีตัวเลือกขึ้นมาอีก 2 อย่าง
- ไม่ยอมให้เธอต้องตายหรอก! ถ้าเธอไม่ไหวล่ะก็ ฉันจะอุ้มเธอไปเอง! (เนื่องจากว่าข้างหลังของเขาสะพายปืนหนักทั้งไรเฟิลและลูกซองทั้ง 2 กระบอกดังนั้นถ้าจะพาเด็กสาวไปก็คงมีแต่ต้องอุ้มไปเท่านั้น!!)
- ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะช่วยเธอแล้ว
ซึ่งแน่นอนว่า..โนบิตะเลือกข้อที่ดูเป็นพระเอกมากที่สุด..ซึ่งก็คือ...ข้อแรก
"นะ นี่นาย..พูดจริงหรือเปล่าเนี่ย?"
ดูเหมือนเด็กสาวจมีท่าทางดูอายๆนิดๆ
"อืม..ถึงยังไงก็ตาม ผมไม่มีวันทิ้งให้เด็กผู้หญิงต้องอยู่คนเดียวหรอก!"
แล้วโนบิตะก็ช้อนตัวเด็กสาวขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน
"ว้าย!!!"
"ที่นี่มันอันตรายเกินไป...ดังนั้น รีบไปกันเถอะครับ!!!"
โนบิตะจึงรีบอุ้มเด็กสาวในอ้อมแขนเดินออกไปทางประตูพร้อมกับใช้เท้าถีบมันออกไป ระหว่างนั้นเด็กสาวก็ได้ถามเขา ด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนแรงกว่าเดิม
"ทำไมกัน? ฉันไม่เข้าใจ ทำไมนายถึงต้องทำอะไรที่ไร้ประโยชน์แบบนี้ด้วย?..นายคิดว่า นายจะช่วยคนแบบฉันได้ทุกคนงั้นหรือ?"
โนบิตะได้แต่นิ่งเงียบ...เขาเริ่มนึกถึงอดีตของตน.จริงอยู่ที่เขาเคยช่วยเซย์นะไว้ได้..แต่ถ้ามาเทียบกับคนที่เขาไม่สามารถช่วยเหลือไว้ได้แล้ว...เขาไม่สามารถช่วยคนพวกนั้นได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
"ผมน่ะ...ไม่สามารถช่วยคนสำคัญไว้ได้...ทั้งคุณพ่อ...ทั้งคุณแม่...ดังนั้น....."
"อ้ะ...?"
สีหน้าของโนบิตะเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เด็กสาวในอ้อมแขนรู้สึกผิดลึกๆเพราะดูเหมือนว่าเธออาจจะไปสะกิดแผลเก่าเขาเข้าให้
"มะ ไม่มีอะไรหรอกครับ!! ไปกันต่อดีกว่า.."
"อ่ะ อืม...."
เด็กสาวก้มหน้าลงในอ้อมแขนของโนบิตะในระหว่างที่เขาย่างก้าวเท้าออกจากห้องไปยังทางเดินที่เต็มไปด้วยฝูงซอมบี้
(ตอนนี้ดูท่าว่าจะใช้อาวุธไม่ได้ซะด้วย ต้องรีบพาเธอหนีขึ้นไปยังดาดฟ้าให้เร็วที่สุด)
ว่าแล้วโนบิตะก็รีบวิ่งแจ้นออกไปตามทางเดินพร้อมกับวิ่งหลบหลีกการปะทะกับฝูงซอมบี้ระหว่างทางไปด้วย เพราะว่าในมือทั้งสองข้างของเขาก็อุ้มเด็กสาวที่ดูท่าทางอาการจะทรุดลงเรื่อยๆ... เธอเริ่มหอบ และมีสีหน้าที่แย่ลงทุกขณะ
และแล้วในที่สุดโนบิตะก็พาอาเคมิหนีขึ้นมาพักอยู่บนดาดฟ้าได้สำเร็จ..
แต่ดูเหมือนว่าเธอตอนนี้จะไม่มีการตอบสนองกลับมาแล้ว
"คะ คุณอาเคมิ!! ทำใจดีๆไว้นะครับ!? คุณอาเคมิ.."
ในตอนนั้นเองที่เธอค่อยๆแหงนหน้าขึ้นมามองโนบิตะด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเป็นสีขาวซีด
พร้อมกับยื่นหน้าพุ่งเข้ามาหาโนบิตะอย่างรวดเร็ว แต่โนบิตะรู้สึกตัวทันจึงกระโดดถอยหลังออกมาก่อน....
"ไม่จริงน่า...."
เธอค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นช้าๆพร้อมกับส่งเสียงร้องอือๆ แล้วก็ยื่นแขนออกไปข้างหน้าเพื่อคว้าตัวโนบิตะเอาไว้ ในที่สุดเธอก็กลายเป็นซอมบี้โดยสมบูรณ์
เธอค่อยๆเดินเข้ามาหาโนบิตะช้าๆ...ดูเหมือนว่าในตอนนี้โนบิตะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจาก...
ในที่สุดอาเคมิก็ได้พักผ่อนอย่างสงบ....
โปรดติดตามตอนต่อไป...
>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 3 (Outbreak) Chapter 1 - part 3
================================================================
ของแถมท้ายตอนนี้
อันที่จริงแล้วคนที่มีบทบาทเหมือนกับอาเคมิในตอนนี้ในต้นฉบับเกม Resident Evil ภาค Outbreak ก็มีเหมือน ซึ่งคนๆนั้นก็คือ บ็อบ (Bob)
ซึ่งเป็นเพื่อนของมาร์ค วิลกินส์ (Mark Wilkins) หนึ่งในตัวละครหลักของเกม RE Outbreak
ซึ่งถ้าเราเลือกเล่นเป็นมาร์ค จะมีเหตุการณ์ที่พาบ็อบหนีขึ้นไปบนดาดฟ้าได้ ซึ่งบ็อบนั้นติดเชื้อหนักตั้งแต่เริ่มเกมแล้ว
และหลังจากนั้นก็จะมีเหตุการณ์ให้เลือก 2 แบบคือ... ถ้าเลือกที่จะช่วยบ็อบอย่างเต็มความสามารถ สุดท้ายแล้วบ็อบก็จะกลายเป็นซอมบี้
หรือถ้าไม่ช่วยเต็มที่บ็อบก็จะใช้ปืนยิงตัวเองตาย ซึ่งไม่ต่างจากอาเคมิที่เลือกกระโดดฆ่าตัวตายตึกตาย
จะเห็นได้ว่า แม้แต่เนื้อเรื่องยังดึงแบบภาค RE Outbreak มาเลย
>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 3 (Outbreak) Chapter 1 - part 3
================================================================
ของแถมท้ายตอนนี้
อันที่จริงแล้วคนที่มีบทบาทเหมือนกับอาเคมิในตอนนี้ในต้นฉบับเกม Resident Evil ภาค Outbreak ก็มีเหมือน ซึ่งคนๆนั้นก็คือ บ็อบ (Bob)
ซึ่งเป็นเพื่อนของมาร์ค วิลกินส์ (Mark Wilkins) หนึ่งในตัวละครหลักของเกม RE Outbreak
ซึ่งถ้าเราเลือกเล่นเป็นมาร์ค จะมีเหตุการณ์ที่พาบ็อบหนีขึ้นไปบนดาดฟ้าได้ ซึ่งบ็อบนั้นติดเชื้อหนักตั้งแต่เริ่มเกมแล้ว
และหลังจากนั้นก็จะมีเหตุการณ์ให้เลือก 2 แบบคือ... ถ้าเลือกที่จะช่วยบ็อบอย่างเต็มความสามารถ สุดท้ายแล้วบ็อบก็จะกลายเป็นซอมบี้
หรือถ้าไม่ช่วยเต็มที่บ็อบก็จะใช้ปืนยิงตัวเองตาย ซึ่งไม่ต่างจากอาเคมิที่เลือกกระโดดฆ่าตัวตายตึกตาย
จะเห็นได้ว่า แม้แต่เนื้อเรื่องยังดึงแบบภาค RE Outbreak มาเลย
.....รู้สึกอาเคมิจะมาไวไปไวมากมาย TwT
ตอบลบยิ่งกว่านินจาซะอีก
ลบอาเคมิบทเปิดอย่างดี แต่โชคร้ายฟ้าไม่ประทาน กลายเป็นซอมบี้เร็วกว่า เซนะ ซะอีก เฮ้อออออ
ตอบลบ