เซย์นะได้เก็บเอกสารสำคัญที่อยู่ในกระท่อมแห่งหนึ่งกลางสวนสาธารณะในเมือง R และพบว่า... เมือง R ที่พวกเธออยู่นั้นกำลังจะถูกลบทิ้งออกไปจากแผนที่ภายในเช้าวันรุ่งขึ้นของวันพรุ่งนี้... ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วในการหาทางหนีออกไปจากเมืองนี้
ระหว่างนั้นเอง เซย์นะก็ได้เจอกับโนบิตะโดยบังเอิญและแจ้งข่าวให้โนบิตะทราบ โนบิตะตัดสินใจที่จะล่วงหน้าออกค้นหาเส้นทางหนีออกจากเมืองต่อ และฝากให้เซย์นะกลับไปรวมกลุ่มกับโอทากะที่ยังรอการช่วยเหลืออยู่ที่หอนาฬิกา
ในบทนี้โนบิตะจะกลับมาเป็นตัวเอกอีกครั้ง และมุ่งหน้าออกจากสวนสาธารณะเมือง R ไปยังสถานที่สุดท้ายประจำภาคนี้ นั่นคือ....
โรงงานกำจัดของเสีย (Incineration Disposal Plant) แต่หลายคนอาจจะรู้จักกันในชื่อ...
"โรงงานมรณะ (Dead Factory)"
เนื้อเรื่องส่วนที่ 18 : วิ่งสำรวจทั่วโรงงานนรก
หลังจากที่แยกกับเซย์นะ โนบิตะได้มุ่งหน้าไปยังเส้นทางลัดเลาะชายป่าของสวนสาธารณะ (พร้อมกับหนีพวกเคลเบรอสกับฮันเตอร์ไปด้วย) จนสุดทางซึ่งมีประตูลูกกรงคล้องโซ่อยู่
"ตรงนี้..ต้องใช้กุญแจที่คุณเซย์นะให้มาสินะ"
โนบิตะได้หยิบกุญแจสวนสาธารณะออกมาไขแม่กุญแจตรงนั้น..
ในที่สุดเขาก็สามารถเปิดประตูลูกกรงออกมาได้ และมุ่งหน้าออกจากสวนสาธารณะไป...
เขาเดินไปตามทางเรื่อยๆจนถึงบริเวณสะพานแขวน...
เขามองเห็นสถานที่ขนาดมหึมาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้น ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นโรงงานอะไรสักอย่าง...แต่ที่รู้คือมันดูน่าขนลุกมากเมื่อตั้งอยู่บนสถานที่ที่ล้อมรอบไปด้วยความตายยามค่ำคืนเช่นนี้
"มีโรงงานขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในที่แบบนี้ด้วยเหรอ?"
และช่วงที่โนบิตะกำลังสนใจโรงงานเบื้องหน้าตอนที่ยืนอยู่บนสะพานแขวนอยู่นั้น ก็มีฮันเตอร์ตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเขาพร้อมกับพุ่งเขาโจมตีเขาอย่างเร็ว!!
และตอนนี้จะมีทางเลือกอยู่ 2 ข้อให้เลือก ระหว่าง...
- กระโดดหนีลงไปด้านล่าง
- ผลักฮันเตอร์ให้ตกลงไป
ทางเลือกตรงนี้มีผลต่อฉากจบของตัวเกมดังนั้นเลือกให้ดี!!!
ตรงนี้จะเหมือนกับเหตุการณ์บนสะพานก่อนเข้าโรงงานใน RE3 เลยแต่ว่า
เจ้าตัวที่เข้ามาวุ่นวายกับจิลคือเนเมซิสที่ยังไล่ตามตื๊อไม่เลิก
"บ้าเอ้ย...ขืนสู้ตรงกันตรงนี้ล่ะก็อันตรายแน่...ถ้าอย่างนั้น"
ฟุ่บ!!!
โนบิตะตัดสินใจกระโดดลงจากสะพานไปยังน้ำตกเบื้องล่าง...เขาเลือกข้อแรก...
โชคดีที่ด้านล่างเป็นพื้นน้ำลึกทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนักตอนกระโดดลงมา..
"กะ...เกือบไปแล้ว..."
หลังจากนั้นเขาก็หันมาสนใจทางเข้าที่อยู่ตรงเบื้องหน้า
"ว่าแต่ที่นี่มัน..."
เขาพิจารณาบริเวณทางเข้าเบื้องหน้าที่มีน้ำไหลออกมา ทำให้เขารู้ว่ามันเป็นท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ของโรงงาน
"ข้างในนี้ดูเหมือนจะเข้าไปได้นะ..."
"เอาล่ะ สงสัยมีแต่ต้องเข้าไปเท่านั้น"
แล้วโนบิตะก็เดินเข้าไปด้านในซึ่งเป็นทางระบายน้ำ และก็พบว่าด้านในนั้นมีฝูงฮันเตอร์จำนวนมาก..แต่โชคดีที่พวกมันยังไม่ทันสังเกตเห็นตัวเขา แต่ที่แย่กว่านั้นคือ...
ตอนที่เขาเหยียบเข้ามาในท่อระบายน้ำของโรงงานก็มีประกาศเตือนคำสั่งอพยพผู้คนที่อยู่ในโรงงานทั้งหมดออกไปเสียแล้ว
[ประกาศภาวะฉุกเฉิน...ประกาศภาวะฉุกเฉิน...สถานที่แห่งนี้ได้รับคำสั่งยืนยันการทำลายล้างเรียบร้อยแล้ว ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านอพยพออกไปจากเมืองแห่งนี้โดยด่วน]
[ขอย้ำอีกครั้ง ประกาศภาวะฉุกเฉิน...ประกาศภาวะฉุกเฉิน...สถานที่แห่งนี้ได้รับคำสั่งยืนยันการทำลายล้างเรียบร้อยแล้ว ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านอพยพออกไปจากเมืองแห่งนี้โดยด่วน]
หลังจากนั้นสัญญาณเตือนภัยก็ดังลั่นไปทั่วทั้งโรงงาน บ่งบอกว่า หายนะที่โนบิตะกับเซย์นะได้รู้ก่อนหน้านั้นใกล้จะมาถึงแล้ว...
"นะ นี่มันใกล้จะถึงเวลาเช้าแล้วเหรอ!!? "
"ไม่ได้การแล้ว...ต้องรีบหาทางออกไปให้เร็วที่สุด!!"
หลังจากนั้น โนบิตะจึงเดินเข้าไปในห้องควบคุมที่อยู่ใกล้ที่สุด โดยไม่ให้ฮันเตอร์ที่อยู่ด้านหน้า 2 ตัวรู้
ภายในห้องนั้นมีเสบียงที่จำเป็นหลายอย่าง (แนะนำให้เก็บให้หมด)
และมีสมุดบันทึกเล่มหนึ่งอยู่...
มันคือ...คู่มือรักษาการณ์ประจำโรงงานกำจัดขยะ (Security Manual)
(เอกสารนี้มีจริงใน RE3 แถมเนื้อหาเหมือนกันเป๊ะ)
- สำหรับการป้องกันโรงงาน -
เพราะโรงงานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้น โดยซ่อมแซมจากโรงงานร้างที่ยังใช้งานได้ ดังนั้นจึงมีเป็นบางครั้งที่ชาวเมืองแอบลักลอบเข้ามา ถ้าหากพบเจอให้รีบกำจัดทิ้งทันที
แต่ถ้ายอมจำนนให้จับเป็นเชลย ก่อนส่งให้ทางศูนย์วิจัยของอัมเบรล่านำไปรักษาตัวแล้วเพื่อใช้เป็นหนูทดลองต่อไป
- ระบบป้องกันเครื่องจักร -
ภายในโรงงานมีระบบป้องกันโรคระบาด ในกรณีที่มีการตรวจพบการติดเชื้อตามห้องบำบัดของเสียหรือบ่อแยกมวลสาร บางพื้นที่ของโรงงานจะถูกล็อกโดยอัตโนมัติ
กรุณาปฏิบัติตามคู่มือ กรณีที่สามารถทำการกำจัดข้อบกพร่องออกไปได้แล้วด้วยการปลดตัวล็อกระบบด้วยมือ (ระบบแมนนวล)
แต่ถ้าหากเกิดการระบาดที่ยากเกินกว่าการควบคุม จะต้องรอคำสั่งให้ทำการล็อกสถานที่ทั้งหมด และถ้าใครหลบหนีออกนอกโรงงานให้มีคำสั่งฆ่าทิ้งได้ทันที
หลังจากที่โนบิตะอ่านบันทึกคู่มือจบ...
"พวกอัมเบรล่า.....จะโหดร้ายเกินไปแล้ว..."
โนบิตะเดินเข้าไปส่วนลึกของห้องควบคุม
เขาพบกับแผงควบคุมการตรวจวัดสิ่งปฏิกูลในน้ำซึ่งดูเหมือนว่าถ้าเขาได้ตัวอย่างน้ำบริสุทธิ์บรรจุหลอดมา เขาจะสามารถปลดล็อกสถานที่บางแห่งตามคู่มือของโรงงานเมื่อสักครู่ได้
บริเวณชั้้นวางของนั้น เขาพบว่ามีหลอดบรรจุตัวอย่างน้ำที่ใช้เป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกระบบโรงงาน
ข้อควรระวัง!! หลังจากที่เก็บหลอดตัวอย่างน้ำมาจะมีฮันเตอร์ 2 ตัวปรากฏขึ้นที่ด้านหลังอย่างกะทันหัน
"เฮ้ย!! พวกมันมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!?"
โนบิตะกระโดดสไลด์หลบการโจมตีของมันได้
ก่อนที่จะวิ่งไปตั้งหลักที่ด้านในของห้องพร้อมกับหยิบปืนแม็กนั่มโคลท์ไพธ่อนยิงใส่ฮันเตอร์ตัวแรกอย่างแม่นยำจนตายสนิทในนัดเดียว
หลังจากนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปหาฮันเตอร์อีกตัวในระยะประชิดพร้อมกับยิงจ่อระยะเผาขนส่งมันไปลงนรกอีกตัว...
โนบิตะลองใช้ตัวอย่างน้ำกับเครื่องปลดล็อกแล้วปรากฏว่าน้ำที่อยู่ในหลอดนั้นไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะใช้งานได้ เขาต้องไปทำอะไรสักอย่างกับมันก่อน
คลิปสรุปเนื้อหาจนมาถึงตรงนี้
โนบิตะจึงออกจากห้องควบคุมและเดินฝ่าฝูงฮันเตอร์ที่อยู่ตามทางเดินท่อระบายน้ำอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งหนีขึ้นไปอีกฝั่งได้ และปีนบันได้เข้าสู่ตัวโรงงาน
เมื่อเข้าไปในโรงงานแล้ว ให้ลองสำรวจศพที่อยู่ใกล้ๆ จะได้กระสุนแม็กนั่มมาชุดนึง..
นอกจากนั้นที่ด้านในโรงงานเขายังต้องเผชิญหน้ากับพวกคิเมร่าที่เขาเจอเมื่อ 5 เดือนก่อนในภาคแรกด้วย
แต่เขาก็เดินหนีมันขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนได้
เมื่อออกมาจากลิฟต์ เขาพบว่าบริเวณนี้มีฝูงซอมบี้เยอะไปหมด
แต่ชั่วพริบตา โนบิตะก็ใช้ปืนลูกซองยิงเป่าพวกมันจนหัวกระเด็น!!
ที่ห้องด้านใน มีคู่มือเขียนไว้ว่า ระบบล็อกของโรงงานนี้มีหลายประเภทมาก ตั้งแต่การล็อกด้วยการวัดระดับคุณภาพน้ำ การล็อกด้วยระบบไฟฟ้า แถมการล็อกด้วยระบบอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ดิสก์ข้อมูล หรือการ์ดอีก
"โถ่เว้ย!!! ทำไมมันยุ่งยากอย่างนี้วะ!! เวลายิ่งไม่ค่อยมีอยู่.."
เขาพบว่าประตูด้านหน้าเขาถูกล็อกด้วยระบบไฟฟ้า
หลังจากที่เขาสำรวจในห้องสักพัก เขาก็พบว่าบนเครื่องจักรด้านหน้าเขามีแผ่นดิสก์ข้อมูลวางอยู่ ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญในการปลดล็อกที่ไหนสักแห่ง ที่เขาควรจะเก็บมันไว้กับตัวดีกว่า
หลังจากนั้นเขาจึงเดินเข้าไปในประตูห้องข้างๆ และรีบเดินเข้าไปในประตูห้องที่ใกล้ที่สุด
ห้องนี้มีเสบียงให้เก็บเป็นจำนวนมาก
และที่บนโต๊ะก็มีสมุดบันทึกที่น่าสงสัยบางอย่าง
ซึ่งมันก็คือ บันทึกประจำวันของผู้ควบคุมโรงงาน (Managers Diary)
แถมเนื้อหาก็ยังใกล้เคียงกับต้นฉบับใน RE3 มาก แต่เปลี่ยนวันที่นิดหน่อย
วันที่ 25 ตุลาคม
วันนี้เป็นวันเกิดอายุครบรอบ 30 ปีของผม และก็บังเอิญเป็นวันแรกที่ผมได้ย้ายมาทำงานที่นี่ด้วย ผมจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะที่นี่ต่างจากห้องค้นคว้าที่มหาวิทยาลัยพอสมควร
วันที่ 14 พฤศจิกายน
ในที่สุดการทดสอบระบบกำจัดของเสียก็เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งเป็นการใช้ก๊าซแบบพิเศษที่ทำให้เซลล์ของร่างทดลองที่ถูกส่งมาเกิดการแตกตัว และถึงผลที่ได้จากการทดสอบจะใช้งานได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่ก็ยังอยู่ในสภาพที่ไม่เสถียรเท่าไหร่นัก
ขณะทำการตรวจสอบห้องบำบัดอยู่นั้น อยู่ๆประตูก็ถูกล็อก ผมจึงต้องติดอยู่ภายในห้องที่มีกลิ่นฉุนอย่างรุนแรงถึงหนึ่งชั่วโมงและถึงจะมีคีย์การ์ดก็ใช้การอะไรไม่ได้จนปัญญาจริงๆ
วันที่ 7 ธันวาคม
ระดับการบำบัดในช่วงนี้ดูจะไม่ปกติเลย แถมสภาพเครื่องจักรก็ไม่ค่อยจะดีด้วย ศูนย์วิจัยก็ไม่ยอมรับฟังอะไรแม้แต่น้อย แย่ชมัด! ไอ้ด็อกเตอร์แฟรงเก็นสไตน์!
(คำสบถยังเหมือนกับต้นฉบับ RE3 เลย...)
วันที่ 16 ธันวาคม
การบำบัดและกำจัดเกินขอบเขตจนต้องหยุดชะงัก แถมคุณภาพของน้ำยาที่ถูกส่งมาก็มีสภาพแย่มากๆ
วันที่ 20 ธันวาคม
การบำบัดรักษาไม่สามารถไล่ตามการติดเชื้อที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แถมตัวต้านไวรัสก็ไม่สามารถใช้กับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้อีก แถมตอนนี้พวกคนงานก็เริ่มติดเชื้อกันแล้ว
ผมคงต้องเตรียมปืนเอาไว้ ไม่แน่ว่า...กระสุนนัดสุดท้าย อาจต้องใช้สำหรับ...ตัวเองก็ได้
อย่าร้องไห้สิ.. ผมยังไม่อยากตายในสภาพนี้เลย มันช่างทรมานและน่าขยะแขยงเหลือเกิน...
หลังจากที่โนบิตะอ่านบันทึกนี้จบ เขาก็รู้สึกหดหู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นในบันทึกนั้น ดูเหมือนว่าเจ้าของโรงงาน ณ ที่แห่งนี้จะถูกอัมเบรล่าทอดทิ้งให้เน่าตายอยู่ที่นี่ก็ได้...
หลังจากนั้นเขาก็เดินไปสำรวจที่บนกล่องและพบว่าที่แห่งนั้นมีกุญแจโรงงานวางอยู่ ซึ่งมันอาจจะมีประโยชน์ก็ได้
ที่ห้องด้านในส่วนลึก เขาก็พบเครื่องปรับเปลี่ยนคุณภาพน้ำจนได้....เขาจึงน้ำหลอดที่บรรจุน้ำตัวอย่างใส่เข้าไป
แต่ปัญหาต่อไปคือ..เขาจะเปลี่ยนคุณภาพของน้ำได้อย่างไร ซึ่งโชคดีมากที่มีคู่มือแปะอยู่ข้างๆ ซึ่งมันเขียนไว้ว่า...จะต้องปรับความต่างศักย์ไฟฟ้าให้เท่ากับ 84 โวลต์ เครื่องปรับเปลี่ยนคุณภาพน้ำจึงจะทำงาน
และที่ใกล้ๆกันนั้นก็มีคันโยกควบคุมความต่างศักย์ไฟฟ้าอยู่
หน้าปัดมันเขียนว่าความต่างศักย์ไฟฟ้าตอนนี้เริ่มต้นที่ 46 โวลต์ ถ้าโยกขวาจะเพิ่มความต่างศักย์ +8 ถ้าโยกซ้ายจะลดความต่างศักย์ -5
"เฮ้ย!! ไอ้ปริศนาแบบนี้มัน..."
ถ้าใครยังจำได้ มันก็คือปริศนาที่โนบิตะเคยแก้ตอนที่อยู่ในโรงไฟฟ้าใน [เนื้อเรื่องส่วนที่ 10] นั่นเอง
เวลาผ่านไป...โนบิตะก็สามารถปรับความต่างศักย์ไฟฟ้าให้เท่ากับ 84 โวลต์ จนได้...เครื่องจักรจึงทำงานปรับเปลี่ยนคุณภาพน้ำในหลอดให้ก่อนที่จะส่งกลับคืนโนบิตะ
และที่ด้านในนั้นมีห้องเก็บของอยู่แต่ปรากฏว่าเขาไม่สามารถเข้าไปได้
เพราะไม่มีคีย์การ์ดสำหรับผ่าน..
น้ำที่ปรับคุณภาพแล้วก็ไม่สามารถใช้งานอะไรได้ถ้ามันไม่ได้ถูกเอาไปใส่ในเครื่องปลดล็อกด้วยการตรวจคุณภาพน้ำที่อยู่ในห้องควบคุมตรงท่อระบายน้ำข้างล่างนั่น
"โถ่เว้ย!! ต้องมุดท่อกลับไปห้องนั้นอีกแล้วเหรอ!?"
โนบิตะจึงต้องจำใจเดินกลับไปทางท่อระบายน้ำใต้ดินฝ่าฝูงฮันเตอร์อีกครั้ง....
เวลาที่เมืองนี้จะถูกทำลายเริ่มถอยหลังลงมาทุกวินาทีแล้ว...แต่โนบิตะก็ยังคงวิ่งไล่หาทางปลดล็อกระบบตามโรงงานต่อไป
โปรดติดตามตอนต่อไป...
>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 19]
ท่านสามารถสลับไปอ่านไซด์สตอรี่ของไจแอนท์ต่อได้ที่
>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 18.5] : Side Story - ภาคไจแอนท์ (ตอนที่ 7)
>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 19]
ท่านสามารถสลับไปอ่านไซด์สตอรี่ของไจแอนท์ต่อได้ที่
>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 18.5] : Side Story - ภาคไจแอนท์ (ตอนที่ 7)
ก็มันโรงงานละนะครับก็คงต้องล็อครักษาความปลอดภัยแต่พวกอัลเบล่านี่มันโหดร้ายผิดมนุษย์จริงๆ น่าจับมันขังรวมกับเหยื่อทดลองของมันดูเองบ้างจัง
ตอบลบบันทึกเหมือนกับเกม RE3 เป๊ะ!!
ลบ