โนบิตะจะต้องออกค้นหาไอเท็มทั้ง 3 ชิ้นซึ่งได้แก่...
- สายเคเบิ้ลพลังไฟฟ้า
- ฟิวส์
- น้ำมันสำหรับเครื่องจักร
ซึ่งเป็นวัตถุดิบและอุปกรณ์ที่จะนำมาใช้ในการซ่อมแซมรถรางไฟฟ้าตามรายการที่ขาดหายไป เพื่อที่จะทำให้รถรางไฟฟ้าที่เป็นยานพาหนะสำหรับหลบหนีออกจากเมืองนี้ใช้งานได้อีกครั้ง... แต่ว่าการค้นหาสิ่งของเหล่านี้ไม่สามารถทำได้โดยง่ายเพราะต้องออกตามหาภายในเมืองที่เต็มไปด้วยซอมบี้และสัตว์ประหลาดมากมายนับไม่ถ้วน
โนบิตะเกือบเอาชีวิตไม่รอดหลังจากที่เกิดการระเบิดที่ปั้มน้ำมันตอนที่เขาไปเอาน้ำมันเครื่อง
แต่สิ่งที่ได้ติดมือกลับมาเป็นเพียงแค่น้ำมันดิบที่ยังไม่สามารถใช้งานได้เท่านั้น
เขาจึงต้องออกเดินทางตามหาไอเท็มและส่วนผสมอื่นต่อไป....
***หมายเหตุสำหรับเนื้อเรื่องตอนนี้... เจ้าของบล็อกอาจจะมีการเพิ่มเนื้อหาและแต่งภาพ+เรื่องเสริมด้วยพลังจิ้นส่วนตัวนอกเหนือจากข้อมูลที่มีในคลิปคนแคสต์เกม (แต่ก็ยังคงยึดตามเนื้อหาในคลิปอยู่)
เนื้อเรื่องส่วนที่ 10 :การค้นหาที่ยังดำเนินต่อไป..
ณ เวลากลางดึกของวันที่ 22 ธันวาคม 2004
"บ้าจริง...ตอนนี้ได้มาแค่น้ำมันดิบเอง...."
เขากำลังหัวเสียจากการที่ เขายังไม่สามารถหาไอเท็มที่ต้องการได้เลยสักชิ้น แต่สักพักเขาก็ใจเย็นลงแล้วลองนึกดูดีๆว่า น้ำมันสำหรับเครื่องจักรที่ต้องการนั้น..อาจจะมีการดัดแปลงโดยการนำเอาสารอย่างอื่นใส่ผสมลงไปได้ เขาจึงคิดว่าน้ำมันดิบที่ได้ในมือของเขาตอนนี้ยังคงมีประโยชน์อยู่..ซึ่งสารตัวนั้นเขากะว่าจะลองเดินเข้าไปสำรวจดูที่ร้านขายของบริเวณใกล้กับสถานีเสียหน่อย แต่ว่าตอนนี้เขาก็เดินออกมาไกลจากสถานีมากแล้ว เขาคิดว่าตอนนี้คงจะต้องหาของอื่นๆไปก่อน
ตามหาไอเท็มชิ้นที่ 1 : สายเคเบิ้ลพลังไฟฟ้า
โนบิตะได้เดินย้อนกลับไปยังอาคารที่เขาไล่ถอนสมุนไพรของท่านประธานที่ตาย(ห่า)ไปแล้วใน [เนื้อเรื่องส่วนที่ 6]
เขาเดินออกมายังโรงรถที่เกิดเพลิงไหม้ที่มีซอมบี้เดินอยู่เต็มไปหมด...แต่แล้วเขาก็สังเกตเห็นของบางอย่างใกล้ๆกับเปลวไฟตรงนั้น ซึ่งเขาพบว่ามันคือสายเคเบิ้ลที่เขาต้องการนั่นเอง
**คนแคสต์เกมเขาบอกว่าบางทีไอเท็มชิ้นนี้อาจจะหาง่ายที่สุดแต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะหาได้ยากที่สุดในเวลาเดียวกันด้วย เพราะหลายคนมักจะมองไม่ค่อยเห็นไอเท็มชิ้นนี้ เนื่องจากประกายเพลิงไหม้แถวนั้นบางครั้งอาจจะไปบังแสงกระพริบของไอเท็มในสายตาคนเล่น
แต่สิ่งที่เขาต้องการนั้นกลับตั้งอยู่ด้านหลังฝูงซอมบี้ไร้หนัง (เนื่องจากถูกไฟคลอกผิวหนัง) ทำให้เขาไม่สามารถเดินเข้าไปเก็บมันได้โดยตรง
"พวกซอมบี้มีเยอะเกินไป ต้องล่อพวกมันออกมาก่อน..."
เขาจึงวิ่งออกมาหลบบริเวณหลังรถที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อดึงความสนใจพวกซอมบี้แถวๆนั้นเสียก่อน
หลังจากที่ซอมบี้มารวมตัวกันบริเวณรถเขาเป็นจำนวนมากพอแล้ว เขาก็รีบอ้อมฝูงซอมบี้ออกไป
และในที่สุดเขาก็สามารถเดินเข้าไปเก็บไอเท็มบริเวณรถที่ถูกไฟไหม้ได้
มันคือสายเคเบิ้ลพลังไฟฟ้าตามที่เขาต้องการนั่นเอง
ตามหาไอเท็มชิ้นที่ 2 : ฟิวส์
"อุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างนั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นคงต้องไปที่โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า"
เมื่อรู้เป้าหมายของสถานที่ที่จะไปโนบิตะจึงรีบมุ่งหน้าไปยังโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าประจำเมือง R ทันที..ซึ่งต้องผ่านบริเวณสถานที่ก่อสร้างซึ่งเป็นทางแคบเล็กๆ ซึ่งที่นั่นโนบิตะจะต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาด ตัวหมัดที่เกิดจากการกลายพันธุ์เนื่องจากเชื้อที-ไวรัส ที่มีชื่อว่า "เดรนดีมอส (Drain Deimos)"
**ข้อควรระวังสำหรับในเกมสำหรับการเผชิญหน้ากับเดรนดีมอสมี 2 ประการคือ..
1) มันสามารถยกขาตัวเองและจับกดเป้าหมายเพื่อจู่โจมได้...ท่านี้จะมีผลในการสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก ดังนั้นอย่าให้ถูกมันจับได้จะดีที่สุด
2) เดรนดีมอสสามารถพ่นน้ำกรดในการโจมตีเป้าหมายจากระยะไกลได้ ดังนั้นเวลาต่อสู้กับมันห้ามยืนยิงเฉยๆเด็ดขาดในเวลาที่มันอยู่ห่างจากเราไม่มากนักเพราะน้ำกรดนั้นจะถูกยิงออกมาใส่เป้าหมายอย่างแม่นยำ
หลังจากที่ฝ่าฝูงเดรนดีมอสมาได้แล้ว โนบิตะก็ขึ้นไปบนบันไดตามทาง
(โนบิตะ รับบทเป็น จิลใน RE3)
และที่ปลายทางนั้นก็มีลิฟต์อยู่ เมื่อโนบิตะสังเกตแผงควบคุม เขาพบว่าลิฟต์นั้นไม่มีแหล่งพลังงานทำให้มันสามารถใช้งานได้
เขาจึงการใส่แบตเตอรี่ขนาดเล็กที่ได้มาบนรถรางไฟฟ้าใน [เนื้อเรื่องส่วนที่ 9] เข้าไป
ลิฟต์จึงสามารถใช้การได้อีกครั้ง...
เมื่อโนบิตะลงลิฟต์มาถึงชั้นล่าง ก็พบว่าบริเวณนั้นคือ...โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าประจำเมือง R นั่นเอง..
แต่บริเวณลานกว้างด้านหน้าของโรงงานนั้นมีพวกเดรนดีมอสอยู่เต็มไปหมด...
โนบิตะตัดสินใจที่จะเก็บกวาดพวกมันทั้งหมดบริเวณนั้น..เพราะเขาไม่รู้ว่า เขาจะต้องสำรวจที่นี่นานแค่ไหน และถ้าหากไม่กำจัดพวกมันก่อน พวกมันอาจจะคอยมาตามรังควานเขาไปตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่แน่
"ต้องจัดการพวกมัน...สินะ..."
ทันทีที่พวกมันเห็นโนบิตะเดินเข้ามา พวกมันก็รีบกรูกันเข้ามาหาโนบิตะทันที ทำให้โนบิตะวิ่งหลบอ้อมหลังมันไปก่อนที่จะหันปืนพกมาชักยิงใส่ตัวที่ใกล้ที่สุด..
ปัง! ปัง! ปัง!
เดรนดีมอสที่อยู่ใกล้ที่สุดถูกโนบิตะยิงใส่อย่างต่อเนื่องจนเลือดสีขาวของมันสาดกระจาย ก่อนที่จะล้มลงไป...โนบิตะรู้สึกได้ว่า ถึงพวกมันจะดูน่ากลัว แต่ก็ไม่เป็นตัวอันตรายมากนัก..ถึงแม้ว่ามันจะมีพิษสงหลายอย่าง แต่ความเร็วในการต่อสู้ของมันนั้นต่ำกว่าเขามาก
แต่ก่อนตายมันก็ได้พยายามพ่นน้ำกรดใส่เขา
โนบิตะสามารถกระโดดสไลด์หลบไปข้างหลังได้อย่างฉิวเฉียด
ก่อนที่จะวิ่งไปอีกฝั่งแล้วยิงใส่พวกเดรนดีมอสที่เหลืออยู่..
ถึงแม้ว่ามันจะพ่นน้ำกรดใส่มา เขาก็สามารถเดินหลบไปด้านข้างได้..
เขายิงมันตายไปอีกตัวจนกระทั่งเหลือตัวสุดท้าย.... ซึ่งบุกมาหาเขาซึ่งๆหน้าพร้อมกับพ่นน้ำกรดใส่เขา..
เขารีบวิ่งเข้าประชิดตัวมันพร้อมกับหลบน้ำกรดที่ลอยผ่านเหนือศีรษะเข้าไปด้วยและในที่สุด..
"เสร็จฉันละ!!!"
ปัง!!!!!
กระสุนปืนพกถูกยิงออกมาในระยะประชิดเข้าแสกกลางศีรษะของเดรนดีมอสตัวสุดท้าย เลือดสีเขียวพุ่งทะลักออกมาอย่างแรงก่อนที่จะล้มแน่นิ่งไปบนพื้น
โนบิตะสามารถจัดการเดรนดีมอสทั้งสามตัวได้อย่างง่ายดาย หลังจากที่เขาสำรวจบริเวณรอบข้างนี้ดูแล้วเขาพบว่ามันไม่มีสิ่งที่เขาต้องการอยู่แถวนี้ โนบิตะจึงเดินเข้าไปในอาคารจ่ายกระแสไฟฟ้าที่อยู่ใกล้ที่สุด
ภายในอาคารจ่ายไฟนั้นเงียบสงบจนดูวังเวง และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่เลย และด้านในนั้นเขาเห็นว่าภายในห้องนั้นมีประตูอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกควบคุมด้วยระบบรักษาความปลอดภัยด้วยไฟฟ้าล็อกอยู่อย่างแน่นหนา เขาคิดว่าภายในหนึ่งในสองห้องนั้นอาจจะมีสิ่งที่เขากำลังตามหาอยู่ก็เป็นได้
ทางด้านในสุด..โนบิตะพบแผงควบคุมจ่ายไฟที่ไม่มีแบตเตอรี่อยู่ ซึ่งโชคดีที่เขาได้พกแแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ได้มาจากห้องแห่งหนึ่งใน [เนื้อเรื่องส่วนที่ 7] เข้ามาด้วยพอดี เขาจึงนำมันใส่เข้าไปทำให้แผงควบคุมทำงาน ในระบบกำหนดค่าเองหรือแมนนวล (Manual)
แต่ก่อนที่เขาจะใช้งานแผงควบคุมเบื้องหน้า เขาต้องอ่านคู่มือการตั้งค่าเสียก่อน..ซึ่งตัวคู่มือนั้นแปะอยู่บนผนังใกล้ๆ
คู่มือการปรับความต่างศักย์ไฟฟ้าเพื่อใช้งานระบบ...
มันเขียนไว้ว่าระบบรักษาความปลอดภัยของทั้งสองห้องนั้นแน่นหนามาก การจะเปิดมันออกมาได้นั้นจะต้องมีค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าที่เหมาะสมซึ่งก็คือ 34 โวลต์
ตัวควบคุมการปรับค่าความต่างศักย์ไฟฟ้านั้นหากโยกไปทางขวาจะเพิ่มความต่างศักย์ขึ้น 8 โวลต์ (+8) แต่ถ้าหากโยกไปทางซ้ายจะเป็นการลดความต่างศักย์ลง 5 โวลต์ (-5)
เมื่อได้อ่านคู่มือแล้วโนบิตะ..จึงกลับมาที่แผงควบคุมเพื่อเริ่มงานระบบทันที
ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าปัจจุบันนั้นอยู่ที่ 25 โวลต์
โนบิตะลองโยกไปทางขวา (คำสั่งบน)
มันก็ขึ้นสถานะใหม่ว่าความต่างศักย์ถูกเพิ่มเป็น 33 โวลต์แล้ว (25+8=33)
"นี่ฉันต้องคิดเลขใช่ไหมเนี่ย......"
แล้วในที่สุดโนบิตะก็ได้เริ่มเกมพัซเซิลปรับค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าแสนสนุก นั่นคือ เริ่มจาก 25 จะ +8 หรือ -5 กี่ครั้งก็ได้ ขอให้มันเหลือเท่ากับ 34
และแล้วเวลาก็ผ่านเลยไป...(คนแคสต์เกมถึงกับตัดฉากเลยทีเดียว)
"อืม ตอนนี้..26...แล้วถ้าลอง +8 ล่ะก็............"
"อ้ะ!!!! 26 + 8 = 34 นี่นา!!! ได้การล่ะ...!!"
แล้วโนบิตะก็โยกตัวควบคุมไปทางขวาทำให้ค่าศักย์ไฟฟ้ากลายเป็น 34 พอดี!! และตอนนั้นเอง..ประตูทั้งสองบานก็ได้เปิดออกทั้งหมด
"ดะ...ได้แล้ว....!!"
โนบิตะจึงรีบเดินเข้าไปสำรวจภายในห้องแรกและที่ส่องแสงอยู่บนชั้นวางของนั่นก็คือ...
ฟิวส์ที่เขาตามหาอยู่นั่นเอง!!!!
เนื่องจากว่าได้ของตามที่ต้องการแล้วโนบิตะจึงเดินออกไปจากโรงงานทันที
สำหรับในเกม...ถ้าหากโนบิตะได้ลองเดินเข้าไปสำรวจล็อคเกอร์ในอีกห้องนั้น เขาจะพบกับกล่องปืนปริศนาซึ่งในเกม RE3 มันคือหนึ่งในอาวุธแบบสุ่มซึ่งขึ้นอยู่กับอาวุธที่ได้มาตอนอยู่ในสถานีตำรวจใน [เนื้อเรื่องส่วนที่ 5] นั่นเอง เช่น ถ้าหากในสถานีตำรวจได้ปืนยิงลูกระเบิดเกรเนดลันเชอร์ (Grenade Launcher) มา..สถานที่ตรงนี้จะได้ปืนแม็กนั่มโคลท์ไพธ่อน (Colt Python) มาแทน
**คนแคสต์เกมได้อธิบายเพิ่มเติมว่า...สำหรับเกมภาคนี้ที่จริงแล้ว...มันไม่มีปืนแม็กนั่มโคลท์ไพธ่อนหรอก แต่เป็นปืนกลแอสซัลท์ไรเฟิล (Assult Rifle) มากกว่า ซึ่งคนแคสต์เกมไม่ต้องการที่จะให้โนบิตะใช้ปืนพวกนั้น..ซึ่งนอกจากมีประสิทธิภาพไม่ค่อยดีแล้วยังไม่ค่อยเหมาะกับโนบิตะเท่าไหร่จึงไม่ได้หยิบออกมาด้วย แต่ถ้าเป็นเราเล่นเกมเองก็เก็บๆมันไปเถอะ ถึงมันจะไม่ดี แต่มันก็ยังเป็นอาวุธสำรองได้**
และทันทีที่โนบิตะเดินออกมาจากห้องจ่ายไฟ...เขาได้มองเห็นสิ่งๆหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางพายุหิมะภายนอก..บริเวณด้านกว้างหน้าโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า...
"ไอ้เจ้านี่!! มันไม่คิดจะเลิกราเลยใช่ไหม!!!"
โนบิตะคุ้นเคยกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาดีเพราะมันคือ...
...ทินดาลอส...สุนัขสามหัวจอมตื๊อตัวเดิมนั่นเอง!!
การต่อสู้ระหว่างโนบิตะกับทินดาลอสจึงได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
โนบิตะได้วิ่งพร้อมกับกระโจนหลบทินดาลอสไปอยู่ทางด้านขวาพร้อมกับชักปืนพกหันมายิงใส่
ปรากฏว่ามันสามารถกระโดดหลบกระสุนที่โนบิตะยิงออกมาได้ทุกนัด
พร้อมกับกระโดดหลบไปซ่อนตัวอยู่ที่มุมผนัง
"ไม่ได้การแล้ว....สถานที่ตรงนี้เสียเปรียบมาก!!"
สถานการณ์ในตอนนี้นับว่าโนบิตะเสียเปรียบมากในเรื่องพื้นที่ต่อสู้ตรงที่...บริเวณนี้เป็นที่โล่งซึ่งทำให้ทินดาลอสสามารถหลบกระสุนได้อย่างอิสระทุกทิศทาง ถึงเมื่อก่อนเขาจะเคยสู้กับมันในพื้นที่กว้างถึง 2 ครั้ง ซึ่งก็คือ หน้าสถานีตำรวจกับหน้าประตูใจกลางเมือง แต่ว่าทั้ง 2 สถานที่นั้นมีตัวช่วยอยู่ทำให้เขาสามารถเอาตัวรอดมาได้
- หน้าประตูใจกลางเมืองมีฝูงซอมบี้ซึ่งคอยเป็นสิ่งกีดขวางระหว่างตัวเขากับทินดาลอสทำให้มีช่องว่างในการชิงจังหวะเล่นงานฝ่ายตรงข้ามโดยไม่ทันตั้งตัวได้ (เล่นเอาซอมบี้รอบข้างตายเกลี้ยง)
- หน้าสถานีตำรวจเป็นการเผชิญหน้าครั้งแรกระหว่างเขากับทินดาลอส ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ยังไม่รู้จักความสามารถของอีกฝ่ายดีพอทำให้ขาดความระมัดระวังตัวในการต่อสู้ ทำให้โนบิตะล่อทินดาลอสเข้ามาจนมุมพร้อมกับยิงใส่จุดตายของมันอย่างแม่นยำโดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งตอนนี้เขาคิดว่าคงจะใช้วิธีนั้นอีกไม่ได้แล้วเพราะมันเป็นวิธีที่เสี่ยงเกินไป แถมเจ้าตัวทินดาลอสเองก็ไม่ได้โง่ ท่าทางมันมีสติปัญญาที่ฉลาดพอตัวที่มันจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกแน่...
ปัง!!!!!
กระสุนปืนพุ่งตรงเข้าใส่ทินดาลอสโดยที่มันไม่ทันตั้งตัวซึ่งมันหลบไม่ได้จนเลือดไหลออกมา..แต่มันกลับพุ่งตรงเข้ามาหาโนบิตะโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
"ยิงพลาด!!?? ไม่สิ...!!! ไม่ได้ผล!?"
โนบิตะจึงรีบวิ่งถอยห่างออกจากตัวมันทันทีเมื่อรู้ว่ากระสุนปืนพกธรรมดาตอนนี้ไม่สามารถสร้างความเสียหายกับมันได้เหมือนเดิมแล้ว...
โนบิตะจึงเปลี่ยนอาวุธใหม่เป็นปืนยิงกระสุนระเบิดเกรเนดลันเชอร์ (Grenade Launcher)
เมื่อเปลี่ยนปืนเสร็จโนบิตะจึงรีบกระโดดหลบการโจมตีของทินดาลอสไปอีกฝั่ง พร้อมกับหันปืนกลับมายิง...
เปรี้ยง!!!!
ลูกกระสุนระเบิดพุ่งเข้าใส่ทินดาลอสจนมันเลือดไหล...
แต่ว่าโดนแค่เฉียดไปเท่านั้น เพราะทินดาลอสสามารถหลบกระสุนลูกระเบิดในพื้นที่กว้างได้อย่างง่ายดาย!!
ตูม!!! กระสุนระเบิดที่พลาดไปได้พุ่งเข้าไประเบิดใส่รถที่อยู่ด้านหลังมันแทน...
"แย่แล้ว!!!!! อ้ากกกกก!!!!"
ช่วงที่โนบิตะชะงักจากการยิงกระสุนระเบิดกลายเป็นช่องว่างให้ทินดาลอสที่หลบอยู่ด้านข้างพุ่งเข้าโจมตีใส่เขา กรงเล็บที่ขาหน้าของมันได้ตวัดเข้าใส่ลำตัวของเขา ถึงแม้ว่าเขาพยายามจะกระโจนหลบการโจมตีของมันแต่ก็ไม่พ้นจนเกิดบาดแผล
นอกเหนือไปจากสถานที่ต่อสู้ที่เสียเปรียบแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้ยังทำให้เขาได้รับรู้ถึงอันตรายมาจากเจ้าสุนัขสามหัวขึ้นสองอย่างซึ่งก็คือ....
อย่างแรก...
"อุ๊บ.....ค่อก..... !!! "
โนบิตะรับรู้ถึงบาดแผลของตนที่เกิดโดยฝีมือทินดาลอส...เขารู้สึกถึงความปวดแสบปวดร้อนที่เกิดขึ้นบนรอยแผลนั้น...มันไม่ได้แค่สร้างบาดแผลให้กับเขาเพียงอย่างเดียว...
แต่มันทำให้เขาติดพิษอีกด้วย!!!
"สะ...แสบแผลมาก....นี่มัน...พิษงั้นหรือ!?"
นี่ขนาดเขาโดนโจมตีเฉียดยังรู้สึกเจ็บปวดได้ขนาดนี้..แล้วเซย์นะที่โดนโจมตีถึงขั้นท้องฉีกขาดล่ะ!? เขาแทบไม่อยากคิดเลยว่าเธอจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดทรมานขนาดไหน...
"ไม่ได้การแน่...ต้องหนีไปตั้งหลักก่อน..."
โนบิตะจึงสะกดกลั้นความเจ็บปวดที่เกิดจากพิษเอาไว้...พร้อมกับวิ่งหนีออกไปจากตัวทินดาลอสให้ห่างที่สุด..แต่ว่า...
ความน่ากลัวของทินดาลอสอย่างที่ 2
ท่าใหม่ของทินดาลอส....ทินดาลอสจะสามารถกระโดดดักทางหน้าเป้าหมายพร้อมกับหันมากัดพุ่งเข้าโจมตีใส่โนบิตะอย่างรวดเร็ว
"อะ...ไอ้ท่าแบบนี้มัน...!! เหมือนเจ้ากอริลล่าเมื่อตอนนั้น...!!*"
คนแคสต์เกมได้บอกว่า มันเป็นท่าแบบเดียวกับซอมบี้ลิงเฟอร์โรวิเนอร์โต้ใช้ในภาคมุดะนิไคโซวบัง 1 ซึ่งมันมีท่าในการกระโดดข้ามหัวเป้าหมายมาตั้งท่ารอจัดการในอีกฝั่ง ทำให้ผู้เล่นหนีรอดจากมันได้ยาก..(รายละเอียดให้ดูเพิ่มเติมในคลิปบทสรุป)
โนบิตะจึงรีบวิ่งหลบไปอีกฝั่ง แต่ก็โดนมันกระโดดข้ามหัวดักหน้าและหันมาตะปบใส่อีก...
โนบิตะรู้ดีว่า..เขาไม่สามารถหนีรอดพ้นจากเงื้อมมือของมันได้อีกแล้ว..และในตอนนั้นเอง..ตาของโนบิตะได้เริ่มเปลี่ยนสีอีกครั้ง...
"ปัดโถ่เว้ย!!!! ..... ชักจะเหลืออดแล้วนะ!!!"
แน่นอนว่าการที่โนบิตะถูกทินดาลอสโจมตีใส่จนติดพิษ มันยังทำให้เขาได้รับเชื้อที-ไวรัส(เอส)เข้าไปด้วย พลังของที-ไวรัสในร่างกายของโนบิตะจึงสำแดงขึ้นอีกครั้ง...
ในตอนนั้นเอง โนบิตะจึงรีบวิ่งไปฝั่งตรงข้าม...ซึ่งแน่นอนเขาคิดอยู่แล้วว่า เขาอาจจะถูกมันกระโดดข้ามหัวดักหน้า...แต่เขาก็ยังทำต่อ...
"วัดดวงกันตรงนี้แหละ!!!"
แล้วมันก็เป็นความจริงตามที่เขาคาดมันคิดที่จะวิ่งกระโดดไปดักหน้าเขาอีกครั้ง
แต่คราวนี้โนบิตะกลับเป็นฝ่ายกระโดดกระโจนข้ามหัวมันด้วยความเร็งสูงด้วยพลังของที-ไวรัสทันทีที่เจ้าทินดาลอสกระโดดลงมาดักหน้าเขา!!... และช่วงที่โนบิตะกระโจนนั้น เขาได้ม้วนตัวตีลังกากลางอากาศกลับหัวพร้อมกับหันปืนเกรเนดลันเชอร์ไปทางด้านหลัง ซึ่งในตอนนั้นทินดาลอสได้แต่ตกตะลึงอยู่กับที่เพราะมันมองไม่เห็นเป้าหมายตอนกลับหลังหันไป!
ใครนึกภาพไม่ออกให้ดูตัวอย่างภาพข้างล่าง
"หึ!! จบกันแค่นี้แหละ...!!"
โนบิตะที่ยังลอยอยู่กลางอากาศในสภาพตีลังกากลับหัวได้เหนี่ยวไกปืนยิงกระสุนเกรเนดลันเชอร์โจมตีใส่มันจากทางด้านหลัง...กระสุนลูกระเบิดอันร้อนแรงพุ่งเข้าใส่รูทวารของมันอย่างแม่นยำ..เปลวเพลิงอันร้อนแรงของกระสุนได้เจาะทำลายและเผาผลาญก้นของทินดาลอสจนเนื้อผนังที่อ่อนนุ่มบริเวณนั้นหลุดเป็นชิ้นๆ เลือดสาดกระเซ็น
แถมกระสุนที่เจาะเข้าไปนั้นยังเป็นกระสุนระเบิดอีกด้วยดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ...
ตูม!!!!!!!!!!!!
แต่ยังไม่ทันที่โนบิตะจะได้เล่นงานมันต่อมันก็รีบกระโดดหนีข้ามกำแพงไปทั้งๆที่ก้นยังเป็นแผลที่ถูกระเบิดเหวอะหวะ...
"ชิ..หนีไปได้อีกงั้นเหรอ?"
แล้วสักพักโนบิตะก็รู้สึกแสบแผลขึ้นมาอีก...เขาจึงคิดได้ว่าคงจะเป็นฤทธิ์ของพิษที่ถูกมันทำร้ายแน่ๆ แต่โชคดีที่เขาพกสมุนไพรตะไคร่สีน้ำเงินบลูเฮิร์บติดตัวมาด้วย...ซึ่งเขารู้ว่ามันช่วยถอนพิษในร่างกายได้...
งั่มๆ.........
โนบิตะเคี้ยวสมุนไพรสีน้ำเงินไป 1 ชิ้น และทันใดนั้นเขาก็รู้สึกมึนหัวเล็กน้อย พร้อมกับดวงตาที่กลับมาเป็นสีเหลืองตามปกติ..ดูเหมือนว่าปฏิกิริยาของทีไวรัสในร่างกายของโนบิตะจะลดลงไปด้วย...
"ค่อยยังชั่วหน่อย......."
หลังจากนั้นโนบิตะจึงได้ใช้ไอเท็มพยาบาลในการรักษาตัวเองอย่างสเปรย์ปฐมพยาบาลในการเยียวยาบาดแผลจนหายดี ก่อนที่จะมุ่งหน้าออกจากโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าออกไป
โปรดติดตามตอนต่อไป..
คลิปสรุปเนื้อเรื่องในตอนนี้จริงๆ
ปล. แอคชั่นตอนนี้เกิดจากจินตนาการของคนเขียนล้วนๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ
ตอนนี้โนบิตะโชวเมพคิดเลข+จัดการทินดาลอส!!(ถึงมันจะหนีไปได้ก็เหอะ =w=)
ตอบลบบวก ลบ เลขธรรมดาน่ะค่ะ =w=
ลบยิงเกรเน็ตกลับหัวกลางอากาศ อืม..... หลุดออกจากการต่อสู้แบบมนุษย์ไปเรียบร้อย(ฮา) (อย่าลืมว่าเกรเน็ตก็มีรีคอย และค่อนข้างดีดแรงพอสมควร)
ตอบลบอ้อ ส่วนการบรรยายการต่อสู้ด้วยจินตนาการของคุณ อ่านแล้วสนุกมากครับ
ลบขอบคุณจ้า ตอนนี้มีคอนเซ็ปส่วนตัวใหม่คือโนบิตะตาแดงเมือไหร่ความเว่อร์จะบังเกิดค่ะ
ลบเบิกเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุบผาสินะ....นั้นมันคนละเรื่องแล้ว แต่ตื้อซะเหมือนเจ้าของประโยค "กันดั้มกูรักมึงวะ!!" จริงๆ
ตอบลบฮ่าๆๆๆๆๆๆ อันนั้นมันมีลาย แต่อันนี้ตาแดงเฉยๆ
ลบมาหลายครั้งจนพูดว่า
ตอบลบ"มึงอีกแล้วเหรอ=[]=?!!!"