" />

วันเสาร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2556

โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 8.5] : Side Story - ภาคเซย์นะ

เนื้อเรื่องส่วนนี้เป็นไซด์สตอรี่ภาคเฉลยของเหตุการณ์หลังจากบทความนี้ >>
โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 8]

ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่โนบิตะได้พบกับเซย์นะอีกครั้งบนรถรางไฟฟ้าซึ่งเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้พบกับเธออีกครั้ง เพราะอุบัติเหตุในตอนนั้นมันรุนแรงเกินกว่าที่เธอจะรอดชีวิตจากเหตุการณ์นั้นได้


มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอในตอนนั้นกันแน่? เนื้อเรื่องไซด์สตอรี่ส่วนนี้จะมาเฉลยเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้้นตอนนั้น

เนื้อหาไซด์สตอรี่ตรงนี้ถูกนำมาจากเกมภาคมุดะนิไคโซวบังภาค 5 ซึ่งเป็นเกมที่เล่าถึงเนื้อเรื่องของคนอื่นๆในภาคต่างๆของซีรี่ย์มุดะนิไคโซวบัง

หมายเหตุ - เนื้อหาส่วนนี้อาจจะไม่ตรงกับโดจินมังกะที่คุณ diodio วาดเอาไว้ก็ได้ซึ่งบอกได้ยาก เพราะเขายังไม่ได้วาดออกมา





เซย์นะไซด์สตอรี่ : ช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย


ย้อนเวลากลับไปเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 22 ธันวาคมปี 2004 ที่หน้าสถานีตำรวจเมือง R

โนบิตะเดินทางมายังสถานีตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือจากด้านใน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เซย์นะได้วิ่งหนีสัตว์ประหลาดหมาสามหัว "ทินดาลอส"  ตามเข้ามาทีหลัง


เซย์นะพยายามที่จะต่อสู้กับเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นแต่ทว่า..



เธอถูกมันทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส มันได้ใช้เล็บฉีกหน้าท้องของเธอจนเกิดบาดแผลลึกอย่างรุนแรงทำให้เธอเสียเลือดมาก



โนบิตะพยายามที่จะเข้าไปช่วยเซย์นะและพาเธอหนีเข้าไปในสถานีตำรวจ




แต่เธอตัดสินใจที่จะเสียสละตัวเองเพื่อหยุดยั้งเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้...
 

เธอสามารถหยุดมันไว้ได้ แต่ว่า...



ต้องแลกมากับการที่เธอต้องถูกระเบิดอย่างรุนแรงและในที่สุด...เธอก็...


การระเบิดตอนนั้นได้สร้างบาดแผลตามร่างกายและแรงกระแทกจนเธอกระเด็นล้มลงไปนอนบนพื้นพร้อมกับกระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง


 สติของเธอเริ่มเลือนลางลงทุกขณะ ร่างกายเริ่มไร้ความรู้สึก... แสงสว่างทุกอย่างเริ่มมืดลง... เธอรู้ตัวว่าเธอคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน...เธอรู้ตัวดีว่า เธอกำลังจะตาย...

ท่ามกลางหิมะและอากาศหนาวเย็นในเดือนธันวาคม


ตาของเธอพร่ามัว และในที่สุดเธอก็มองไม่เห็นอะไรอีกต่อไป... เธอยังสติเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น


"ระ ร่างกาย...ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว......หรือว่า...นี่ฉัน....กำลังจะตาย...สินะ..."


"แต่อย่างน้อย...ก็ทำทุกอย่างได้ดีแล้วล่ะ...? ฉันคงมาได้แค่นี้สินะ...."


"ขอโทษนะ โนบิตะคุง....  ทาเคชิคุง.....   ทุกคน....."



แต่ก่อนที่สติของเธอจะปิดสนิท เธอก็เริ่มตระหนักได้ว่า...


"แต่ว่า...ถ้าฉันตายตรงนี้ สุดท้ายแล้วฉันจะเป็นยังไงนะ..? หรือว่า...."


และในตอนนั้นเองเธอก็ได้เริ่มมองเห็นภาพของเด็กสาวคนหนึ่งท่ามกลางความมืดยืนหันหลังอยู่ เธอให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างบอกมากหนึ่ง


เธอค่อยๆหันข้างมาให้ดูอย่างช้าๆเผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดเผือด ดูอัปลักษณ์ และที่แก้มเต็มไปด้วยเลือด...




ในที่สุดเซย์นะก็ได้เห็นใบหน้าของเธอชัดเจน และต้องตกใจเมื่อว่าพบเด็กสาวคนนั้นคือตัวของเธอที่กลายเป็นซอมบี้ที่น่าเกลียดน่ากลัวโดยสมบูรณ์!!






เด็กสาวคนนั้นได้เดินไปตามความมืดจนมองเห็นศพผู้ชายที่นอนจมกองเลือด


ก่อนที่จะก้มลงไปกัดกินซากศพนั้นอย่างเอร็ดอร่อย เลือดสีแดงพุ่งซาดกระจายทุกครั้งที่ฟันของเธอกัดกระชากเนื้อของศพ เผยให้เห็นอวัยวะภายในที่น่าสะอิดสะเอียนและเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด


เซย์นะที่ได้มองเห็นภาพของตัวเองตอนนั้นทำให้เธอเริ่มกลัวและสติแตก



"ระ เรื่องแบบนั้น....ไม่นะ!!! ไม่เอา!!!!!!!!

 ฉันไม่อยากเป็นแบบนั้น!!!!! ฉันไม่อยากกลายเป็นสัตว์ประหลาดกินคนแบบนั้น!!!!!"





"ได้โปรด!!!! ฉันยังไม่อยากตาย!! ฉันยังไม่อยากตาย!!! 

ใครก็ได้ช่วยที!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

และในตอนนั้นเองก็ได้เกิดปาฏิหารย์ขึ้นชั่วขณะหนึ่ง.....เชื้อไวรัสชนิดพิเศษที่เธอได้รับตอนที่เธอถูกทำร้ายจากทินดาลอสซึ่งไม่ใช่ที-ไวรัสธรรมดาแต่เป็น "ที-ไวรัสเอส (T-Virus S)"* ก็ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อปฏิกิริยาทางร่างกายที่ได้รับผลทางด้านจิตใจของเธอ



ทำให้ร่างกายของเธอฟื้นฟูประสาทสัมผัสขึ้นมาอีกครั้ง...รวมถึงช่วยเยียวยาบาดแผลภายในที่ฉีกขาดอย่างรุนแรงในระดับหนึ่งด้วย




*คิดว่าหลายคนคงลืมไปแล้วนะว่าทินดาลอสเกิดจากเชื้อที-ไวรัสแบบพิเศษที่เรียกว่าที-ไวรัสเอส (อ้างอิงจาก Official ของตัวเกม ซึ่งเราเขียนแปลไว้ในนี้ [ข้อมูลศัตรูในเกม] : ทินดาลอส (Tindalos) ) ซึ่งตัวเชื้อไวรัสนี้จะมีผลพัฒนามากกว่าที-ไวรัสแบบธรรมดาตรงที่ผู้ที่ติดเชื้อจะยังคงหลงเหลือสติสัมปชัญญะครบถ้วน และไม่กลายเป็นซอมบี้ที่มุ่งหน้าแต่จะเข้าจู่โจมเป้าหมายและกินท่าเดียวทันที ดังนั้นทินดาลอสจึงเป็นสัตว์ประหลาดที่มีสติปัญญาและควบคุมตัวเองได้ แถมยังมีผลในการฟื้นฟูสภาพร่างกายกลับคืนมาด้วย แต่ถึงกระนั้นสำหรับมนุษย์แล้วก็คงมีผลอยู่ได้แค่ระยะใดระยะหนึ่งเท่านั้น


 "อุก....."

ในที่สุดเธอก็ลุกนั่งขึ้นมาได้ และด้วยการที่ระบบประสาทสัมผัสถูกฟื้นฟูขึ้นมานี้เองก็ทำให้เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ยังคงแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายอีกครั้ง แต่เธอคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีเพราะนั่นคือหลักฐานการมีชีวิตอยู่ของเธอนั่นเอง...

ตอนนี้ร่างกายของเธอจึงมีสภาพที่เรียกว่า "กึ่งซอมบี้ (Half-Zombie)"


เธอพยายามฝืนลุกขึ้นยืนในขณะที่หน้าท้องของเธอยังมีบาดแผลและเลือดสีแดงสดไหลอยู่


เธอฝืนเดินไปสักพักก็ต้องล้มลงไปอีกครั้ง จริงอยู่ที่ว่าบาดแผลสาหัสร้ายแรงถึงตายอาจจะถูกสมานด้วยฤทธิ์ของที-ไวรัสเอสมาแล้ว แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าผลของการฟื้นฟูนั้นจะรักษาร่างกายที่เสียหายได้ทั้งหมด


"อึก........"
เธอจึงพยายามยันตัวเองลุกขึ้นมาอีกครั้ง


แล้วก็พยายามฝืนเดินออกไปจากสถานีตำรวจ...เพื่อขอความช่วยเหลือภายนอก....


"ฉัน...ยังไม่อยากตาย........"

เซย์นะยังคงพูดรำพันกับตัวเอง

"ฉัน...จะไปที่ไหนดี....มะ... ไม่ไหว.... ร่างกายมัน...."


 
"คะ....ใครก็ได้....ช่วยฉันที....."
 


ร่างกายที่แสนสาหัสและเต็มไปด้วยบาดแผลสร้างความเจ็บปวดให้กับเซย์นะจนน้ำตาไหล...เธอพยายามฝืนสังขารลากร่างกายที่บอบช้ำไม่ต่างจากพวกซอมบี้มาตามถนน...


ที่แห่งนี้...ไม่มีใครเหลืออยู่เลย.... เธอได้พยายามฝืนเดินต่อไปไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน...ไปตามถนน (ที่มีตำรวจคอยดักยิงโนบิตะใน [เนื้อเรื่องส่วนที่ 3])


ในเกม..ที่หัวมุมถนนจะมีไอเท็มเหรียญดีบุก (Tin Medal) ให้เก็บเพื่อเอาไว้เปิดด่านโบนัสอื่นๆประจำภาค


เธอยังคงเดินออกมาตามเส้นทางถนนเรื่อยๆจนมาพบกับกลุ่มซอมบี้ที่กำลังแทะศพอยู่



และดูเหมือนว่ามีซอมบี้ตัวหนึ่งหันมามองทางเธอ!!!!


 
 (...............................................)
 
ในตอนนั้นเธอคิดไม่ออกว่าจะทำยังไง...สภาพร่างกายของเธอตอนนี้คงจะไม่สามารถวิ่งหนีพวกมันไปได้แน่....เธอคิดว่า เธออาจจะโดนพวกมันฆ่าตรงนั้น...

แต่ดูเหมือนว่า มันกลับไม่สนใจเธอและหันไปกินศพต่อ ...เซย์นะแปลกใจในท่าทีของพวกมันเล็กน้อย แต่เธอก็รู้คำตอบเมื่อเธอลองหันหน้าไปมองกระจกรถดู...เธอพบว่าสภาพของตัวเธอเองตอนนี้...บอบช้ำและมีบาดแผลเต็มร่างกาย แถมสีหน้าก็ดูย่ำแย่คล้ายกับคนใกล้ตายเสียอีก

 (.....หรือมันจะคิดว่าฉันเป็นพวกเดียวกับมันนะ?)

เซย์นะจึงฉวยโอกาสนี้เดินผ่านพวกมันไปแบบช้าๆ


เนื้อหาในเกมตรงนี้จะเป็นมินิเกมให้เล่น ซึ่งวิธีการเล่นคือต้องควบคุมเซย์นะให้เดินไปตามเส้นทางโดยผ่านฝูงซอมบี้ไปจนสุดทางให้ได้ ซึ่งในระหว่างทางห้ามเหยียบจุดที่เป็นอันตราย เช่น รอยเลือดบนพื้นที่ทำให้เกิดเสียงดัง หรือเดินเข้าไปใกล้เฉียดพวกซอมบี้โดยเด็ดขาด  เซย์นะจะสามารถเดินผ่านพวกซอมบี้จากระยะไกลได้เพราะว่า สภาพร่างกายของเธอในตอนนี้เป็นกึ่งซอมบี้เพราะติดเชื้อไวรัสเข้าไป ดังนั้นพวกซอมบี้จะแยกแยะจากระยะไกลไม่ออก แต่ถ้าเกิดเผลอเดินเฉียดเข้าไปใกล้ จะทำให้มันรู้ตัวได้...


เธอพยายามเดินลากสังขารมาตามเส้นทางเรื่อยๆ


ระหว่างทางนั้น เธอได้มองเห็นสภาพของนรกบนดิน ซอมบี้หลายตัวได้กัดกินร่างศพที่อยู่บนพื้นจนเละเทะชวนสยดสยองเป็นที่สุด


ทุกย่างก้าวของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด การก้าวขาหนึ่งข้างเปรียบเสมือนมีหอกทิ่มมาใส่ขา 1 ครั้ง แต่เธอก็ฝืนเก็บความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้ เพื่อที่จะรีบพาตัวเองไปให้พ้นจากแดนนรกแห่งนี้


เส้นทางเริ่มสร้างความยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ


ศพบางศพนั้นมีสภาพเละเทะ...และส่งกลิ่นเหม็นคาวเตะจมูกของเธอจนแทบอ้วก

(อุก....)

แต่เธอต้องฝืนทนเอาไว้..ไม่อยากนั้นพวกซอมบี้จะหันมาสนใจเธอแน่ๆ


เธอยังคงเดินไปตามถนนเรื่อยๆ


จนถึงซอยแคบๆ และเธอก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าซอมบี้ที่อยู่เบื้องหน้าเธอตรงนั้นมัน..

 (...เจ้านั่นมัน....คริมสันเฮด!!...)

ซอมบี้ที่อยู่ในซอยเล็กๆนั่นคือ...คริมสันเฮด ซอมบี้สายพันธุ์พิเศษนั่นเอง...เธอไม่มั่นใจเลยว่า ตัวเธอเองจะสามารถเล็ดรอดจากเงื้อมมือของมันไปได้หรือเปล่า แต่ว่าทางที่เธอไปได้ต่อมีเพียงทางนี้ทางเดียวเท่านั้น เห็นทีต้องลองวัดดวง


ทันทีที่เธอเดินไปอยู่ข้างมัน  เธอก็พบว่ามันได้หันควับ!มองมาทางเธอทันที

 (...!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!...)


ตรงนี้จะมีคำอธิบายไว้ว่าหากคริมสันเฮดหันมามองเมื่อไหร่จะต้องหยุดการเคลื่อนไหวเมื่อนั้น เพราะมันสามารถรับรู้ถึงเหยื่อที่กำลังเคลื่อนไหวทางสายตาของมันได้....

เป็นมินิเกมอีกแบบหนึ่งก็คือ ทันทีที่คริมสันเฮดหันลงมามองจะต้องหยุดเคลื่อนที่ทันที ถ้ามันมองไปทางอื่นจึงเดินต่อไปได้


มันมองเซย์นะชั่วขณะหนึ่ง เธอไม่อาจจะขยับร่างกายที่บาดเจ็บและบอบช้ำไปต่อได้เลยในตอนนี้ เธอคิดว่า ถ้าหากมันวิ่งเข้ามาหาเธอ เธอคงจะไม่รอดแน่ๆ แต่ดูเหมือนว่า..... มันกลับหันไปจัดการกับศพต่อ เธอจึงค่อยๆเดินเลี่ยงมันไปอย่างช้าๆ


และในตอนนั้นเอง มันก็ได้หันกลับมามองเธออีกครั้ง เธอจึงต้องรีบหยุดการเคลื่อนไหวทันที!!!


พอมันหันไปที่ศพ เธอก็เดินต่อไป...


ทุกครั้งที่เธอหันมา เธอต้องหยุดอยู่กับทีอีกครั้ง....


เธอจึงพยายามเดินเลี่ยงมันจนมาถึงหัวมุมตึกและในตอนนั้นเองเธอรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างมองเธอลงมาจากดาดฟ้าตึก


ซึ่งมีแต่ผู้ชมอย่างเราเท่านั้นที่เห็นว่า...มีตัวอะไรบางอย่างซ่อนอยู่บนหลังคาตึก......


เซย์นะยังคงเดินกระโผลกกระเผลกออกมาตามซอยเรื่อยๆ และก็ต้องชะงักเมื่อทางเบื้องหน้าของเธอนั้น....

 (...เคลเบรอส!!..แย่แล้ว...)

 มันคือสุนัขซอมบี้ เคลเบรอสนั่นเอง ซึ่งดูเหมือนว่าเจ้าพวกนี้จะมีจมูกที่ไวพอตัวด้วย  เธอยังคงกังวลว่าเธอจะเดินผ่านมันได้หรือไม่  ถึงแม้ว่ามันจะกำลังกัดกินศพอยู่ แต่เธอก็ประมาทพวกมันไม่ได้....


เธอพยายามเดินเลี่ยงกองเลือดที่อาจทำให้เกิดเสียงดังเรียกพวกมัน....จนผ่านมันไปได้

โฮ่ง!!!!!

แต่ก็ไม่อาจจะรอดประสาทสัมผัสของเคลเบรอสไปได้แน่นอน....มันตัวหนึ่งได้รู้สึกถึงตัวตนของเธอจึงได้เห่าออกมาเพื่อเรียกพวกของมันทั้งหมดหันไปดู


(!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!)

ตอนนี้เธออยากจะวิ่งหนีพวกมันไปให้ไกลที่สุด แต่เธอก็ไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้ ความเจ็บปวดของร่างกายเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกที มันเจ็บจนเธอไม่อาจจะแสดงท่าทางตกใจเมื่อได้ยินเสียงเห่าตอนนั้นด้วยซ้ำ เธอจึงได้แต่ยืนแข็งอยู่ตรงนั้น  (ต้องหยุดตอนที่พวกมันหันมามอง)

พวกมันได้ใช้จมูกดมกลิ่นเธอเพื่อตรวจสอบเหยื่อ แต่ดูเหมือนว่า มันกลับเมินเธอและก้มลงไปกินเหยื่อเบื้องหน้าต่อ




(ดูเหมือนว่า ฉันจะเริ่มเหมือนพวกซอมบี้ขึ้นไปทุกทีแล้วสินะ....)

ถ้าเป็นเพราะสาเหตุนั้น มันจึงเป็นคำอธิบายได้ว่าแม้แต่เคลเบรอสก็ยังแยกเธอกับพวกซอมบี้ไม่ออก กลิ่นไอแห่งความตายยังปกคลุมเธอโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นคาวเลือดหรือกลิ่นเนื้อที่เริ่มเน่าเปื่อย

ในที่สุดเธอก็เดินออกมาจากซอย แต่แล้วเธอก็ต้องชะงักเมื่อเธอได้ยินเสียงคำรามที่เธอคุ้นเคยดี...


(ไม่จริงนา.....เจ้านั่น.....!!!)


เธอพยุงตัวเองเดินออกมาจากซอยและก็พบกับพวกอีกาดักหน้าจำนวนมาก อีกทั้งยังมีทินดาลอสที่ไล่ตามมาข้างหลัง ดูเหมือนว่าเธอจะหนีกลับไปทางเก่าไม่ได้อีกแล้ว เธอพยายามเดินเลี่ยงพวกอีกาตอนที่พวกมันก้มหัวลงไปจิกอะไรบางอย่างบนพื้น


เธอจึงเป็นต้องรีบเดินไปอีกฝั่งให้เร็วที่สุด ถึงแม้ว่าทินดาลอสจะคอยจับตาดูเธออยู่ แต่ก็ต้องคอยระวังอีกาด้วยเช่นกัน


ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความตื่นตระหนกและความกดดันที่ไม่อาจจะแสดงออกมาได้...แต่เธอก็พยายามฝืนทนต่อไปด้วยความทุกข์ทรมาน จนกระทั่งเธอเดินออกมาจากตรงนั้นได้


ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น หิมะที่ตกหนัก ความเย็นของอากาศรอบข้างอาจจะช่วยชะลอการไหลของเลือดและความเจ็บปวดได้เล็กน้อย เธอจึงฝืนดั้นด้นออกมาจากพื้นที่โซนนรกได้สำเร็จ


แต่มันก็ถึงขีดจำกัดของเธอแล้ว... เธอจึงได้ทรุดนั่งลง


(อุก........ค่อก.....)


เธอไอออกมาเป็นเลือดอีกครั้ง และพบว่า ขาที่พาร่างกายอันบอบช้ำของเธอเริ่มอ่อนแรงลงจนเธอไม่อาจจะเดินต่อไปได้อีกแล้ว

 
(ไม่นะ...ขาฉัน.....โถ่!!)



และในตอนนั้นเอง ก็มีชายหนุ่มในชุดทหารสีเขียว พร้อมอาวุธปืนเดินทางผ่านมาตามถนนพอดี.....


เขาคนนั้นคือ...ผู้พัน ฮารุนะ (榛名 : Haruna) ที่โนบิตะเคยเจอตอนอยู่ในสำนักพิมพ์นั่นเอง



 "!!! อ้ะ!! อีกตัวงั้นเหรอ!!"


ทันที่ผู้พันฮารุนะเห็นเซย์นะในสภาพนั้นเขาจึงตกใจมากและคิดว่าเธอคงเป็นซอมบี้อีกตัวหนึ่ง


 "มะ ไม่ใช่ นะคะ!!!!   หนู...เป็น....มะ......นุษย์....."


เธอพยายามฝืนพูดออกมาครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะสลบไปเพราะเธอไม่อาจจะทนความเจ็บปวดที่แบกรับมาตลอดทางไหว


เมื่อเห็นสภาพเด็กสาวเช่นนั้นฮารุนะจึงรีบเดินเข้าไปดูอาการด้วยความเป็นห่วงทันที

"เฮ้!!! ทำใจดีๆไว้นะ"


"เธอ..!!!!"


หลังจากนั้น ฮารุนะจึงได้สำรวจร่างของเซย์นะและพบกับรอยบาดแผลที่เกิดขึ้นกับเธอเป็นจำนวนมาก แต่เธอยังมีลมหายใจเหลืออยู่ ทำให้เขารู้ว่า เธอยังคงเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ ซอมบี้  เขาได้มองเห็นขาของเธอที่เต็มไปด้วยบาดแผลและรอยถลอกแดงที่เหมือนกับผ่านการเดินอย่างทรมานมาเป็นเวลานาน

"อาการสาหัสน่าดูสินะ กว่าจะเดินมาถึงตรงนี้ได้..."


"ต้องรีบพาไปหาพวกโอทากะซะแล้วล่ะ...ทำใจดีๆไว้นะ เธอจะต้องไม่เป็นอะไร  ฉันสัญญา...เธอจะต้องไม่เป็นอะไร"


 นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเซย์นะตอนนั้น ก่อนที่จะถูกผู้พันฮารุนะอุ้มมาส่งที่รางรถไฟฟ้าที่ลูกน้องของเขารออยู่....หลังจากนั้นโนบิตะจึงได้เดินตามขึ้นมาบนรถรางในภายหลังและได้พบกับเซย์นะอยู่ที่นั่นนั่นเอง





เซย์นะได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ตอนนั้นเธอคิดว่าเธอจะต้องตายและกลายเป็นซอมบี้อยู่ที่แห่งนั้น เธอก็รู้สึกหวาดกลัวมากจนสติแตก แต่ก็ไม่รู้เป็นเพราะสาเหตุใด เธอถึงได้กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง (ก็คงเป็นเพราะที-ไวรัสเอสนั่นแหละ) บางทีพระเจ้าคงอยากจะให้โอกาสเธอได้แก้ตัวอีกครั้งก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่รู้ว่าชะตาชีวิตของเธอต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร เธอจะได้รับการรักษาหายจนกลับมาเป็นปกติหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ตราบใดที่เธอยังรู้สึกได้ว่าตนเองมีชีวิตอยู่ เธอจะไม่ยอมแพ้อีกเป็นครั้งที่สอง และก็จะขอมีชีวิตอยู่ต่อสู้ให้ถึงที่สุดในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง

คลิปบทสรุปการผจญภัยสุดทรหดของเซย์นะในเนื้อเรื่องเกมภาคมุดะนิไคโซวบัง 2






==================================================



ปล. เจ้าของบล็อกคงแถได้แค่นี้แหละ ใครอยากจะคิดอะไรก็ไปติดตามต่อเอาเอง.....
ปล2. ในเรื่องนี้ เจ๊เซย์นะอึดที่สุดแล้ว....เดินวิ่งลากไส้ไปมาเกือบทั่วเมือง....

แสดงความเห็นบน Facebook!

7 ความคิดเห็น :

  1. ไม่ระบุชื่อ13 เมษายน 2556 เวลา 06:51

    .....เซย์นะอึดถึกเว่อร์อ่ะ =w=

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ13 เมษายน 2556 เวลา 09:58

    สรุปได้ว่าเธอเป็นผู้ติดเชื้อไปเรียบร้อยแล้วสินะครับ(แค่ถูกทำให้บาดเจ็บก็ชัดเจนอยู่แล้ว) สิ่งที่เธอได้รับจากไวรัสนี่คือความสามารถประคองสภาพสินะ แม้จะบาดเจ็บสาหัสในระดับปางตาย แต่ก็สามารถเคลื่อนไหวต่อได้ในชั่วเวลาหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เพิ่มความสามารถในการฟื้นฟูสภาพ+สัญชาตญาณเพิ่มขึ้นแบบ ทีไวรัสและจีไวรัส แต่ถ้าพูดถึงจีไวรัส แม้จะล้ำหน้ากว่าทีไวรัส แต่การควบคุมการกลายพันธุ์ทำได้ยากและกลายพันธุ์แบบมั่วๆได้ทุกเวลาที่บาดเจ็บหนัก

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ตามนั้นเลยค่ะ - -. ซอมบี้ทีไวรัส(ดั้งเดิมออริจินอลแรกๆ)ที่เกิดขึ้นใหม่แรกๆส่วนมากก็คือคนตายที่ถูกฟื้นฟูให้กลับมาขยับตัวแบบพื้นฐานได้ (ไม่งั้นเราคงจะได้เห็นซอมบี้วิ่งติดจรวดตอนฟื้นครั้งแรกแล้ว กรณีที่ไม่นับคริมสันเฮดกับลิคเกอร์นะ) ดังนั้น ไม่งั้นเซย์นะคงวิ่งปร๋อไปแล้วถ้ามันรักษาได้ขนาดนั้น

      อืม ใช่...จีไวรัสนี่ขึ้นชื่อในเรื่องความอึดกับเถื่อนน่ะนะ แต่สภาพนี่เละเทะไม่มีชิ้นดีเลย - -" (ยิ่งกลายร่างด้วยจีไวรัสยิ่งเละเทะ...แถมชอบมีลูกตาหลอนๆงอกอีก แต่เพราะแบบนี้ล่ะมั้งมันเลยอึด...)

      อืม ช่างเป็นความเห็นที่อธิบายด้วยหลักการที่มีประโยชน์มาก ขอบคุณค่ะ...

      ลบ
    2. อ่านแล้วนึกถึงไบโอเวอร์ชั่นการ์ตูนจีนขึ้นมาซะงั้น เวอร์ชั่นที่จีไวรัสเมพสุด ใครติดจีไวรัสจะใช้กำลังภายในได้! เสียดายไม่รู้หายไปไหนแล้ว (ถึงตอนอ่านครั้งแรกจะรู้สึกว่ามันตลกก็เถอะ แต่พอมาคิดตอนนี้แล้ว รู้สึกไอเดียมันโคตรเจ๋งเลยแฮะ)

      ลบ
    3. เอ่อ อันนี้หรือเปล่าหว่า http://www.lolibaka.com/beta/post/show/378920

      ลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ27 พฤษภาคม 2556 เวลา 07:01

    อึดสุดๆเลยแฮะ

    ตอบลบ