โดยเนื้อหานี้เป็นมุมมองของเพื่อนของโนบิตะที่ชื่อ "เดคิสุงิ ฮิเดโทชิ" ซึ่งไม่ได้ไปเที่ยวกับพวกโนบิตะมาตลอดช่วงเวลา 3 วันที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่ได้มองเห็นเรื่องราวก่อนที่มันจะเกิดขึ้นทั้งหมด จนกระทั่งเดคิสุงิได้มาเจอกับพวกไจแอนท์ที่อยู่ในห้องพยาบาลของโรงเรียนในบทความนี้ >> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 2]
ก่อนหน้านั้นเดคิสุงิได้เจออะไรมาบ้าง เรามาดูกัน...
บันทึกสังเกตการณ์ของเดคิสุงิ (ตอนต้น) : เรื่องราวที่น่าตื่นเต้นของเด็กหนุ่มอัจฉริยะ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 25 เดือนกรกฎาคม 2004 (วันที่พวกโนบิตออกเดินทางไปท่องเที่ยวบนเกาะแห่งหนึ่ง)
บริเวณหน้าโรงเรียนของพวกเขา เวลาช่วงบ่ายหลังจากโรงเรียนเลิกซึ่งเป็นช่วงปิดเทอมพอดี
(อธิบายเพิ่มเติม...โรงเรียนในญี่ปุ่นเริ่มปิดเทอมในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม)
พวกโนบิตะและเพื่อนๆ ได้แก่ ชิสุกะ ไจแอนท์ ซูเนโอะ เดินทางออกมาจากโรงเรียนและพบกับเดคิสุงิที่เดินถือหนังสือสวนทางโดยบังเอิญ
"อ้ะ...เดคิสุงิคุงนี่"
โนบิตะเป็นคนเอ่ยทักก่อน หลังจากนั้นเพื่อนของโนบิตะก็เริ่มทักทายเดคิสุงิทีละคน
"ว่าไง ทุกคน..."
เดคิสุงิเองก็ตอบรับทุกคนอื่นเป็นอย่างดีเช่นกัน ซึ่งเขาเองก็สงสัยไม่น้อยว่าพวกโนบิตะกับเพื่อนๆเขาจะไปไหนกัน
โนบิตะได้พูดเพิ่มเติมให้เดคิสุงิฟังว่า พวกเขาขอให้โดราเอม่อนพาไปท่องเที่ยวกันในวันนี้เป็นการฉลองปิดเทอม
หลังจากนั้นไจแอนท์ยังเอ่ยปากชักชวนเดคิสุงิว่าจะไปด้วยกันไหม
เดคิสุงิบอกว่าถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะแต่มันออกกะทันหันไปสักหน่อย แถมต้องไปบอกเรื่องนี้กับคุณพ่อคุณแม่ด้วย
นอกจากนี้เขาบอกว่ายังต้องเอาหนังสือ(ที่เขาถือมาด้วย)ไปคืนห้องสมุดอีก แถมมีงานค้นคว้าที่อยากลองศึกษาดูด้วย ก็เลยบอกปฏิเสธเพื่อนคนอื่นไป
ซึ่งพวกโนบิตะเองก็เข้าใจดี
ซูเนโอะก็ยังบอกด้วยว่า ขนาดในช่วงเวลาที่ทุกคนปิดเทอมหน้าร้อนกันก็ยังขยันเรียนอยู่เลยน้า น่าจะพักผ่อนบ้างก็ดี
ทางด้านเดคิสุงิเองก็บอกว่า...เขาก็แค่ศึกษาอะไรไปเรื่อยเปื่อยนั่นแหละ ส่วนใหญ่ก็ใช้เวลาพักผ่อนในช่วงนั้นอยู่แล้ว แล้วก็ฝากบอกทุกคนทิ้งท้ายว่าขอให้เที่ยวกันให้สนุกนะ
พวกโนบิตะเองก็เข้าใจดีจึงได้บอกลาเดคิสุงิว่าแล้วค่อยพบกันใหม่นะ
หลังจากนั้นพวกโนบิตะจึงเดินผ่านเดคิสุงิไป พร้อมกับพูดคุยกับเพื่อนๆด้วยความสนุกสนานอย่างตื่นเต้นที่พวกเขากำลังจะได้ไปท่องเที่ยวกัน
เดคิสุงิที่ได้มองเห็นภาพของพวกโนบิตะในขณะนั้นก็ได้แต่มองดูจากด้านหลังพร้อมกับพูดออกมาลอยๆว่า.."ท่องเที่ยวงั้นเหรอ...ดูท่าทางน่าสนุกดีนะ"
ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะแต่เขาก็มีหน้าที่ที่จะต้องจัดการให้เรียบร้อย เดคิสุงิจึงเดินกลับเข้าไปในโรงเรียนอีกครั้ง จนมาถึงบริเวณหัวมุมด้านหนึ่งของโรงเรียน เดคิสุงิได้เดินมาตามทางเรื่อยๆโดยไม่รู้ว่ามีเด็กสาวคนหนึ่งวิ่งออกมาจากหัวมุมที่เขาจะเดินทางผ่านไปเช่นกัน
ตุ้บ!!!
เดคิสุงิเดินชนกับเด็กสาวเข้าอย่างแรง
ทำให้หนังสือที่เขาถือมากระเด็นตกพื้นและเด็กสาวเซล้มไปข้างหลัง
"อุก.."
"ว้าย!!"
"ขะ ขอโทษด้วยค่า...ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ"
เด็กสาวคนนั้นรีบลุกขึ้นมากล่าวขอโทษเดคิสุงิ เพราะเธอรู้ตัวว่าเธอเป็นฝ่ายผิดเนื่องจากเป็นคนที่วิ่งมาชนเขาก่อน
ทางด้านเดคิสุงิเองก็จำเด็กสาวคนนั้นได้ดีเพราะว่าเธอคือ "มิโดริคาว่า เซย์นะ" ประธานสภานักเรียนสาวน้อยน่ารักประจำโรงเรียนแห่งนี้นั่นเอง และทางเซย์นะเองก็รู้จักเดคิสุงิด้วยในฐานะเด็กหนุ่มรุ่นน้องอัจฉริยะแถมยังทำงานในสภานักเรียนด้วยเช่นกัน
"อ้ะ...หนังสือ..."
เธอสังเกตเห็นว่าหนังสือที่เขาถือมานั้นตกลงบนพื้นหมดเลยทำให้เธอรู้สึกผิดมากขึ้น
"อ้ะ...ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวผมจัดการเองได้"
เดคิสุงิพูดเยี่ยงสุภาพบุรุษผู้ไม่ถือสากับเรื่องเล็กๆน้อยๆ
"ตะ แต่ว่า...."
ยังไม่ทันที่เซย์นะจะได้พูดต่อ..
"เฮ้ยยย เซย์นะ มัวทำอะไรอยู่ยะ!? รีบมาเร็วๆเข้าเซ่!!"
เด็กสาวอีกคนที่ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนของเซย์นะรีบตะโกนเร่งให้เซย์นะไปด้วยกันไวๆ
"ระ...รอเดี๋ยวก่อนซี่!!"
เซย์นะยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเลยแถมยังมีเพื่อนมาคอยเร่งอีก เมื่อเดคิสุงิเห็นท่าทีลำบากใจของเซย์นะเขาจึงพูดออกมา...
"ผมไม่เป็นไรหรอกครับ คุณรีบไปดีกว่า อย่าให้เพื่อนของคุณรอนานเลยนะครับ"
"อะ...อา..."
"เซยนะ!!!"
เพื่อนสาวของเธอยังเร่งอีก ทำให้เซย์นะไม่มีทางเลือกอื่น
"ยะ ยังไงก็แล้วแต่ ต้องขอโทษจริงๆนะคะ"
พอเซย์นะพูดจบ เธอก็รีบวิ่งตามเพื่อนของเธอไปโดยเร็ว
ถึงแม้เซย์นะจะวิ่งไปแล้วแต่เดคิสุงิก็ยังได้ยินเสียงตะโกนสนทนาของกลุ่มสาวๆเหล่านั้น
"จะรีบเร่งไปไหนกันยะ!!! เธอก็เห็นไม่ใช่เหรอไง!!! ว่าฉันเดินไปชนน้องเขาก่อนต้องจัดการอะไรให้เขาก่อนสิ!!!"
"แหมๆ อีเว้นท์ (Event) เดินชนกันที่หัวมุมประตูโรงเรียนแบบนี้นี่มัน..จะเป็นการปักแฟลก (Flag) รักแรกพบในเกมจีบสาวหรือเปล่าน้า.. แถมรุ่นน้องคนนั้นก็ยังเป็น.เด็กหนุ่มอัจฉริยะชื่อดังด้วยนี่ หุหุ ท่าทางจะเหมาะสมกับเธอดีนะ"
"ดะ...เดี๋ยวก่อน..สิ! อย่ามานอกเรื่องน้า!!"
และแล้วเดคิสุงิก็ไม่ได้ยินเสียงพวกเธออีก ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก (เพราะมันเป็นเรื่องปกติของพวกสาวๆอยู่แล้วที่จะพูดคุยอะไรกันแบบนี้) จึงก้มลงเก็บหนังสือที่ตกอยู่ โดยไม่ทันสังเกตว่ามีเด็กผู้ชายสองคนที่ดูท่าทางแก่กว่าเดินตรงเข้ามาทางเขา แถมดูท่าทางจะเอาเรื่องเสียด้วย
[ถ้าใครเคยอ่านเนื้อเรื่องหลักมาก่อนจะรู้ว่าคนผมดำที่เดินมานั้นคือ "ชิรามิเนะ" ซึ่งเป็นคนรู้จักกับเซย์นะนั่นเอง]
"เฮ่ย เฮ่ย....มาทำหนังสือตกขวางทางเดินพวกตรูเหรอวะไอ้น้อง?...เกะกะฉิบเป๋งเลยว่ะ..!!"
เดคิสุงิจึงมองดูพวกรุ่นพี่ที่มาหาเรื่องตนโดยไม่มีท่าทางกลัวเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็คิดได้ว่าอย่าไปต่อล้อต่อเถียงกับคนแบบนี้จะดีกว่า
"เอ่อ ขอโทษนะครับ ขอผมเก็บหนังสือเสร็จแล้วจะรีบไปจากตรงนี้เดี๋ยวนี้เลยครับ"
"ตรูไม่อยากได้คำขอโทษเว้ย!!...ตรูอยากให้มึงไสหัวไป ณ บัดนาว!!"
เดคิสุงิเองก็ไม่รู้จะเอายังไงต่อดี เพราะว่าหนังสืออีกเล่มดันมีรุ่นพี่อีกคนขวางอยู่จะเข้าไปเก็บก็ทำไม่ได้
"พอได้แล้วน่าคาตากิริ (片桐 : Katagiri) แกจะไปหาเรื่องเด็กมันทำไมวะ"
ตอนนั้นเองที่รุ่นพี่ผมดำเอ่ยปากห้ามเพื่อนของเขาไว้ ทำให้เรารู้ว่ารุ่นพี่ผู้ชายผมน้ำตาลที่เข้ามาหาเรื่องเดคิสุงิชื่อคาตากิริ
"หนวกหูเว้ย ชิรามิเนะ (白峰 : Shiramine) แกเป็นพ่อฉันหรือไงวะ ห้ามโน่น ห้ามนี่อยู่นั่นแหละ...!"
ดูเหมือนคาตากิริจะไม่พอใจเรื่องที่เพื่อนอีกคนของตนที่ชื่อชิรามิเนะห้ามไว้
"ต่อให้เป็นพ่อที่แท้จริงของแก แกก็คงจะไม่ฟังอยู่ดีนั่นแหละ"
ชิรามิเนะเลยย้อนเข้าให้
เมื่อได้ยินดังนั้น คาตากิริก็เอามือเกาหัวพร้อมกับหัวเราะแหะๆ ออกมา
"แหม...ชิรามิเนะนี่ล่ะก็เข้าใจไปหมดทุกอย่างเลยนะ"
"เอาเถอะ....ยังไงก็แล้วแต่นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ผู้ใหญ่อย่างเราเขาทำกันหรอกนะ"
ชิรามิเนะพูดเสร็จจึงมองไปที่หนังสือของเดคิสุงิที่เหลืออยู่บนพื้นพร้อมกับก้มหยิบมันขึ้นมา พร้อมกับยื่นมาให้เดคิสุงิ
"เอ้านี่..หนังสือนาย..."
"อ่ะ...เอ่อ ขอบคุณครับ"
เดคิสุงิจึงรีบหยิบหนังสือจากมือของชิรามิเนะ
"ก็ต้องขอโทษแทนไอ้หมอนี่ด้วยนะ..ที่มันเป็นพวกใจร้อนชอบหาเรื่องชาวบ้านไปหน่อย แล้วก็ตอนนี้เธอคงหลีกทางให้พวกฉันได้แล้วนะ"
หลังจากที่ชิรามิเนะพูดจบเดคิสุงิจึงรีบหลีกทางให้ทันที ซึ่งตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงสนทนาระหว่างชิรามิเนะกับคาตากิริเพื่อนของเขาด้วย
"อ้า...ฉันจะไปดูการแข่งเทนนิสของพวกสาวๆได้ไหมนะ?"
ชิรามิเนะไม่ตอบกลับมาทำให้เพื่อนของเขาทำหน้าบึ้ง
"ไอ้ท่าทีแบบนั้นมันอะไรกันน่ะ..ใช่แล้ว ฉันจะไปดูเธอต่างหากล่ะ...ไอด้อลสาวสวยแห่งสภานักเรียน ท่านเซย์นะผู้นั้นจะลงแข่งเทนนิสด้วยล่ะ....."
"เหอะ...ยัยนั่นเองก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอก"
"นี่แก....รู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา...ท่านเซย์นะนี่คือสุดยอดราชินีแห่งไอด้อลของพวกเราชาวปี 6 เลยนะเฟ้ย!! การจะเข้าถึงตัวเธอน่ะยากมากเลยนายรู้ไหมว่าต้องฝ่าฝูงแฟนคลับไปกี่คนกัน..."
"เฮ้อ...การจะเข้าไปหายัยนั่นไม่เห็นจะยุ่งยากขนาดนั้นเลยนี่นา"
เมื่อได้ยินคำพูดนั้นทำให้คาตากิริประหลาดใจ
"นี่นาย...หรือว่า... นายเป็นคนรู้จักของเธองั้นเหรอ? รู้จักเธอใช่ไหม? นี่ๆๆ บอกหน่อยสิ บอกหน่อยว่าฉันจะติดต่อกับเธอได้ยังไง.."
"จ่ายมาล้านเยนแล้วฉันจะบอกทุกอย่างเลยเอาไหมล่ะ.."
หลังจากนั้นเดคิสุงิก็ไม่ได้ยินอะไรอีก เขาจึงได้แต่ถอนหายใจออกมา
หลังจากนั้นเขาจึงเดินมุ่งตรงไปยังหอสมุดพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า ตอนนี้ทุกชั้นปีคงจะเริ่มปิดเทอมฤดูร้อนกันหมดแล้วสินะ?
ทุกอย่างตลอดทั้งวันนั้นยังคงปกติเหมือนเช่นเคย จนกระทั่ง...
เนื้อหาด้านล่างต่อไปนี้เป็นข่าวที่เกิดขึ้นทางโทรทัศน์ประจำวัน..
วันที่ต่อมา วันที่ 26 กรกฎาคม 2004 ได้มีการประกาศข่าวทางโทรทัศน์
ได้มีการตรวจพบซากศพชายปริศนาที่ดูเหมือนถูกสัตว์รุมกัดร่างจนขาดเละ ซึ่งทางตำรวจคาดว่ามันคงจะเป็นฝีมือของพวกสัตว์ป่าที่หลุดเข้ามาในเมือง (แต่ที่จริงแล้วเป็นเหยื่อรายแรกที่เกิดจากฝีมือของสุนัขซอมบี้เคลเบรอส) ซึ่งทางตำรวจจึงได้นำศพไปสืบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป พร้อมกับประกาศให้ชาวเมืองทุกคนระมัดระวังตัวด้วย
วันต่อมาวันที่ 27 กรกฎาคม 2004 ช่วงกลางวัน
ณ ย่านตลาดใจกลางเมืองได้เกิดเหตุมีผู้คนตายปริศนารวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งดูสภาพแล้วเหมือนกับเกิดการต่อสู้กับตัวอะไรบางอย่าง อีกทั้งยังมีรอยกัดปริศนาที่เหมือนกับรอยฟันมนุษย์นอกเหนือจากสัตว์บางอย่างที่เจอเมื่อวาน จากคำบอกเล่าของพยานนั้นบอกว่าเกิดการต่อสู้กันระหว่างผู้คนซึ่งดูมีท่าทางแปลกๆออกมา แต่ถึงกระนั้นผู้คนที่อยู่ในกลุ่มนั้นก็ถูกยิงเสียชีวิตทั้งหมด ทำให้การสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขนย้ายร่างของผู้เสียชีวิตออกไปจากที่เกิดเหตุ
ที่วันเดียวกันเวลา 5 โมงเย็น ได้มีการแจ้งเหตุพบข่าวด่วนที่น่าตกใจ
ปรากฏว่าหนึ่งในผู้ชายที่ตำรวจเคลื่อนย้ายมาที่คิดว่าเสียชีวิตไปแล้วกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาพร้อมกับทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ (ด้วยการกัดอย่างรุนแรง) ทำให้เกิดการต่อสู้ขึ้น ตำรวจจึงต้องทำการจับตายคนๆนั้นโดยการยิงเข้าใส่จนล้มลงไป พร้อมกับพาเพื่อนตำรวจที่ถูกกัดไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล (หลังจากนั้นผู้อ่านคงทราบดีเนอะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตำรวจคนนั้นและคนที่ใกล้เคียงต่อไป)
วันถัดมาวันที่ 28 กรกฎาคม 2004
ได้เกิดอุบัติเหตุอย่างรุนแรงขึ้นในเมืองจนเกิดเพลิงไหม้ ซึ่งมีสาเหตุมาจากรถชนกันในเมือง อีกทั้งผู้คนที่อยู่ใกล้กับสถานที่อุบัติเหตุนั้นยังมีท่าทางแปลกๆทั้งๆที่บาดเจ็บอยู่เป็นจำนวนมาก แถมยังพุ่งเข้ามาทำร้ายผู้คนข้างเคียงรวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปช่วยเหลือด้วย
ขณะที่ผู้รายงานข่าวกำลังบรรยายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานที่เกิดเหตุอยู่นั้น ก็เริ่มสังเกตุเห็นตากล้องว่าเขามีท่าทีแปลกๆเหมือนกำลังกลัวอะไรบางอย่าง
"เฮ้...เป็นอะไรไป...ทำไมไม่ถ่ายต่อล่ะ?"
ช่างกล้องได้ชี้นิ้วไปข้างหลังก่อนที่จะหันหลังวิ่งออกไป
"ข้างหลัง...ข้างหลัง...มันทำไมเหรอ!?"
เมื่อเธอหันหลังไปปรากฏว่า....
"อะ...อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!?"
เลือดสีแดงสาดกระเซ็นออกมาจากคอนักข่าวสาวคนนั้นหลังจากที่ถูกชายคนหนึ่งโดดงับเข้าที่คอ
"หนีโว้ยยย หนีโว้ย!!! ทิ้งกล้องมันไว้ที่นี่แหละ หนีเอาตัวรอดไปก่อนถ้ายังไม่อยากตาย!!!"
เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้อธิบายได้ด้วยคลิปนี้
โปรดติดตามต่อในบทความถัดไป....
>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban [เนื้อเรื่องส่วนที่ 1.5] : Side Story - ภาคเดคิสุงิ (ตอนจบ)
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น