" />

วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2556

โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 6]


ซึ่งเป็นเนื้อหาที่เขียนในส่วนของตัวเกมเช่นเดิม (เนื่องจากวันที่เขียนนี้ โดจินมังกะยังออกตามไม่ทัน) หลังจากตอนที่แล้วได้ทิ้งปมปริศนาเอาไว้...ตอนนี้ก็จะดำเนินเนื้อเรื่องต่อจากจุดนั้น..

UPDATE 24/09/2013 :  ปัจจุบันเนื้อหาบางส่วนของบทความนี้ คุณ diodio ได้เขียนออกมาเป็นมังกะแล้วที่ >>> Update โดจินมังกะของคุณ diodio ที่มาหลังบทความแปล [ภาค 2 ตอนที่ 4]



เนื้อเรื่องส่วนที่ 6 : ไม่สามารถช่วยใครได้เลย...

ด้านหน้าสถานีตำรวจเมือง R ยามค่ำคืนวันที่ 22 เดือนธันวาคม ปี 2004 สภาพอากาศปัจจุบันเริ่มมีหิมะตกลงมา และอากาศเริ่มเย็นขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาวปลายปี...

ความเดิมตอนที่แล้วโนบิตะได้ออกสำรวจสถานีตำรวจตามลำพังโดยที่ไม่อาจจะทราบชะตากรรมของเซย์นะที่ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรอยู่ข้างนอก เขาไม่สามารถออกไปช่วยเธอได้.. หลังจากที่เขาสำรวจสถานีตำรวจเสร็จ เขาจึงรีบเดินออกมาดูเซย์นะที่ควรจะอยู่ข้างนอกและพบว่า...



 "คะ คุณเซย์นะ.....ไม่อยู่!?"

เซย์นะไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว เธอหายไป...?  ทิ้งไว้แต่เพียงกองเลือดของเธอที่ถูกปีศาจหมาสามหัวทินดาลอสทำร้าย.... 

"คุณเซย์นะ.....ตอนนี้อยู่ที่ไหนกันนะ?."




"ระ หรือว่า....? เธอจะ....กลายเป็น...ซอมบี้ไปแล้ว?"



นั่นคือสิ่งที่โนบิตะคิด เหตุการณ์ในตอนนั้นเกิดขึ้นรวดเร็วเกินกว่าเขาจะรู้สึกตัว..เซย์นะถูกมันฉีกท้องออกอย่างรวดเร็วจนไส้ทะลัก 


พร้อมกับนอนจมกองเลือดต่อหน้าเขา...


ทันทีที่เขาได้มองเห็นบาดแผลนั้นระยะใกล้ เขาก็รู้แล้วว่า..เธอคงจะรอดยากเต็มที...ถ้าไม่ได้รับการรักษา แต่เธอยังฝืนตัวเองที่จะช่วยเขา...เธอผลักเขาเข้าไปสถานีตำรวจแล้วเอาตัวเองต่อสู้เข้าแลกกับเจ้าสัตว์ร้ายนั่น


"ในตอนนั้น..ถ้าหาก..ผมพยายามที่จะช่วยคุณอีกนิดล่ะก็...."



"ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!"







ความทรงจำในตอนนั้นยังคงเป็นฝันร้ายสำหรับเขา....


เขาไม่สามารถช่วยเธอได้เลย....





หลายนาทีผ่านไป โนบิตะต้องใช้เวลาในการทำใจอยู่นานก่อนที่จะมุ่งหน้าต่อไป.... เขาจะต้องเดินทางกลับไปหาเหล่าผู้รอดชีวิตในโกดังที่กำลังรอคอยเขาอยู่...ใน [เนื้อเรื่องส่วนที่ 1]


ตอนที่อยู่ในสถานีตำรวจนั้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่พบผู้รอดชีวิตอยู่ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้อาวุธปืนพร้อมกระสุนหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นปืนพก (แฮนด์กัน-Handgun), ปืนลูกซอง (ช็อตกัน-Shotgun), ปืนยิงลูกระเบิด (เกรเนดลันเชอร์-Grenade Launcher) *

**เกมตอนเล่นจริงหรือในโดจินมังกะอาจจะได้ของต่างจากนี้ก็ได้**

เขาเดินออกจากสถานีตำรวจและมุ่งหน้าไปตามถนนที่เขาเคยวิ่งหลบกระสุนปืนไรเฟิลจากตำรวจที่บ้าคลั่งใน [เนื้อเรื่องส่วนที่ 3] ก่อนเข้ามาในสถานีตำรวจ

เขาเดินออกไปตามทาง...


จนมาถึงจุดหนึ่งที่เขาเคยวิ่งหนีพวกเคลเบรอสมาเมื่อตอนที่แล้ว ซึ่งถนนด้านซ้ายที่เคยมีเพลิงลุกไหม้ ก็ถูกความเย็นและหิมะจากภายนอกดับไปจนหมด ทำให้โนบิตะมองเห็นเส้นทางอีกฝั่งของถนนซึ่งมีศพตำรวจอยู่ใกล้ๆกับประตูลูกรง


โนบิตะได้ลองสำรวจศพของตำรวจคนนี้ดูก็ต้องตกใจเพราะเขาพบว่าภายในตัวตำรวจคนนี้มีลูกกระสุนปืนหลากหลายชนิดเต็มไปหมดตั้งแต่ ปืนพก,ปืนลูกซอง,ปืนยิงระเบิด,แม๊กนั่ม มีแม้แต่กระสุนปืนแอสซัลท์ไรเฟิล (Assult Rifle) ก็ยังมี!!!


"ทำไมคุณน้าตำรวจคนนี้มีกระสุนปืนเยอะจังเลยเนี่ย? แต่กลับไม่มีอาวุธสักอย่าง..น่าแปลกจริงๆ.."

แต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องแบบนี้ โนบิตะจึงมองไปทางประตูลูกกรงเหล็ก เขาพบว่ารูปลักษณ์ของประตูนั้นเสียหายหนักมากจนเขาไม่สามารถเปิดออกได้ตามปกติ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะไฟไหม้ที่ขวางทางก่อนหน้านั้นก็ได้


แต่ถึงอย่างนั้นประตูก็เสียหายมากจนเขาคิดว่าน่าจะหาอุปกรณ์มาช่วยเปิดมันออกได้
"ถ้าได้ชะแลงมาช่วยงัดก็คงจะดี..."


โนบิตะได้เดินทางกลับไปยังโกดังเก็บของที่เก่า ซึ่งต้องผ่านเส้นทางถนนที่เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงจนไฟลุกท่วมปิดทางเดินในตอนนั้นใน [เนื้อเรื่องส่วนที่ 3] เขาพบว่า ถึงแม้หิมะกับความเย็นของอากาศรอบนอกจะไม่สามารถช่วยดับไฟที่รุนแรงบริเวณนี้ได้ แต่อย่างน้อยก็ช่วยลดขอบเขตของไฟจนทำให้เขามีทางเดินมากพอที่จะหลบฝูงซอมบี้และกลับไปยังโกดังได้
 

หมายเหตุในเกม - ทางคนแคสต์เกมได้พบว่า..หากถูกซอมบี้ในภาคนี้ทำร้ายจะมีโอกาสติดสถานะที่เรียกว่า "เลือดออก" หรือ "บลีดดิง (Bleeding)"


วิธีการสังเกตเมื่อเราติดสถานะนี้ก็คือ เมื่อช่วงเวลาผ่านไปหน้าจอจะกระพริบเป็นสีแดงตลอดเวลา (ใครที่เคยเล่นเกมบอยโปเกม่อนคงจะรู้ดีตรงที่เหมือนกับตอนติดพิษแล้วไม่รักษานั่นแหละ ทุกครั้งที่เดินหน้าจอจะกระพริบตลอดเวลา) หรือจะเปิดดูที่สถานะตัวละครก็ได้ซึ่งจะแสดงสถานะเลือดออกตัวสีแดงๆ (出血 - Shukketsu)


ผลของสถานะเลือดออกคือ...ตัวละครจะสูญเสียพลังชีวิต (HP) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสถานะนี้จะหายไปเมื่อเวลาผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือผ่านการใช้ไอเท็มฟื้นฟูเช่น สเปรย์ 30 บาทรักษาทุกโรค หรือ ตะไคร่เขียวมหัศจรรย์ (ตะไคร่สีฟ้าบลูเฮิร์บใช้แก้พิษไม่เกี่ยวกับเลือดออกนะ)



ในที่สุดโนบิตะก็เดินทางหลบพวกซอมบี้ตามถนนและเข้ามายังซอยในโกดังได้สำเร็จ


เขาพบว่า....มีบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนไปจากตอนออกมาจากโกดังตอนแรกในตอนเย็น...


นั่นคือ...ตรงด้านหน้าของโกดังมีศพของเด็กผู้หญิงสภาพเละเทะจมกองเลือดอยู่!!!!

 "ดะ...เดี๋ยวนะ!!!!  เธอคนนี้.....!!!!"

"คนที่ร้องไห้อยู่ในโกดังตอนนั้นนี่...!!"


ในตอนนี้เด็กสาวคนนั้นได้กลายเป็นศพสภาพร่างเละเทะเหมือนถูกรุมกัดกินอยู่ด้านหน้าโกดัง.
โนบิตะไม่รอช้า เขาจึงรีบเปิดประตูเดินเข้าไปในโกดังทันที... เขาได้ยินเสียงที่น่าขยะแขยงจากด้านใน
และแล้วเขาก็พบว่า..ผู้คนที่อยู่ในโกดังนั้น...รวมถึงตาลุงขี้โมโหที่ไม่เป็นมิตรกับเขาในตอนเจอหน้าครั้งแรก...



"อ๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!  

ไม่จริงใช่ไหม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!?"






"ทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้!?"


ตอนที่โนบิตะร้องตะโกนด้วยความตกใจนั้นทำให้พวกผู้คนในโกดังซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว..หันเข้ามาเล่นงานทางโนบิตะทันที โนบิตะจึงรีบเข้าไปในประตู (ห้องเซฟ) ที่อยู่ในห้องใกล้ๆ เพื่อหวังว่าจะพบคนรอดชีวิตบ้าง..

ในห้องนั้นเขาได้พบกับศพตำรวจหนุ่มที่เคยให้กระสุนปืนพกเขากับศพผู้หญิงที่เคยบอกว่าห้องนี้ปลอดภัย...พวกเขาตายหมดแล้ว...
แต่ตรงนั้นยังมีมีผู้ชายที่รอดชีวิตอยู่ 1 คน... โนบิตะจึงรีบเข้าไปคุยสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นทันที..


เขาได้พูดออกมาอย่างตื่นตระหนกด้วยน้ำเสียงที่สิ้นหวังสุดๆเขาบอกว่า ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก...ช่วงที่โนบิตะไม่อยู่นั้นได้มีพวกซอมบี้บุกเข้ามาข้างใน พวกเขาต้านไว้ไม่อยู่ ทั้งๆที่เขาเตือนแล้วว่าอย่าออกไปแต่พวกเขาก็ไม่เชื่อ...ทุกคนถูกซอมบี้ฆ่าตายหมด ถึงเขาจะรอดมาได้เขาก็ถูกพวกมันทำร้าย... 


เขาไอออกมาแล้วก็บอกว่า เขาเองก็คงกลายเป็นเหมือนพวกมันในไม่ช้า และขอให้โนบิตะรีบออกไปโดยทิ้งเขาไว้ที่นี่...โนบิตะทำท่าไม่เห็นด้วยแต่ดูเหมือนชายคนนั้นจะรู้ว่าโนบิตะคิดอะไรอยู่จึงตวาดใส่เขาแล้วไล่ตะเพิดออกไปพร้อมกับบอกว่าอย่ามายุ่งกับเขาอีก

(ทำไม..มันถึงได้เป็นแบบนี้...ทำไมผมถึง...ช่วยใครไม่ได้เลย...)


โนบิตะเริ่มสิ้นหวังและไร้ทางออก จึงเดินกลับออกไปนอกห้องและเผชิญหน้ากับเหล่าผู้คนในโกดังที่กลายเป็นซอมบี้ และในตอนนั้นเองเขาได้มองเห็นว่าในโกดังนั้นมีกระดาษข้อความใหม่แปะบนผนังอยู่เรียงกันเป็นแถวหลายแผ่น ซึ่งทุกแผ่นเขียนเหมือกันหมด..

มันพูดถึง...กุญแจสีแดง....

(ถ้าอยากจะหนีรอดไปจากเมืองนี้...กุญแจสีแดง...ต้องใช้มัน!!!  ลงชื่อ...บลาๆๆ)

[คนแคสต์เกมที่เป็นคนญี่ปุ่นเขาก็เขียนคำอธิบายว่า..เขาเองก็งงเหมือนกันว่ามันเขียนอะไรก็ไม่รู้ สงสัยต้องเดาเอา (หัวเรา) แต่น่าจะหมายถึง...ทางหนีสำหรับโนบิตะ...นั่นคือ...ใช้กุญแจสีแดงที่เขาได้มาจากสถานีตำรวจนั่นเอง]


และในตอนนั้นเอง โนบิตะเห็นว่าด้านในโกดังด้านหลังฝูงซอมบี้นั้นมีอะไรวางอยู่


เขาได้ใช้ปืนพกยิงล่อพวกซอมบี้ให้มารวมตัวกันเป็นกระจุก ก่อนที่จะเปลี่ยนไปใช้ปืนอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งก็คือ....ปืนยิงลูกระเบิด


"ขอโทษนะครับ....ที่ผมช่วยทุกคนไว้ไม่ได้"

ตูม!!!!!!!


กระสุนปืนเกรเนดลันเชอร์ 1 นัดถูกยิงออกไปใส่กลุ่มซอมบี้ในโกดังจนแตกกระจายเป็นชิ้นๆ... เขารู้สึกผิดอย่างมากที่ต้องฆ่าพวกเขาเหล่านั้น...

โนบิตะพบว่าสิ่งที่อยู่ด้านในโกดังนั้นคือ...ชะแลง นั่นเอง




เฮ้อ...เรื่องน่าสลดในโกดังดูแล้วเหมือนกับ RE3 อีกตามเคย...หลายคนคงยังจำชายอ้วนที่จิล วาเลนไทน์เจอตอนแรกแล้วขังตัวเองไว้ในห้องจำได้ไหม ที่เขาบอกว่าลูกสาวเขาพลัดหลงไป


ในเนื้อเรื่อง RE3 หลังจากที่เคลียร์เหตุการณ์ได้เราก็ได้ย้อนกลับไปดูในโกดังอีกครั้งแล้วก็พบตัวลูกสาวเขาระหว่าง แต่สุดท้ายเธอก็กลายมาเป็นเหยื่อซอมบี้ที่หน้าโกดังเหมือนกับเด็กสาวในตอนนี้ แถมชายร่างอ้วนในโกดังก็โดนซอมบี้รุมแทะอีก



หลังจากที่ได้ชะแลงมาแล้วโนบิตะจึงเดินออกจากโกดังพร้อมกับเตรียมที่จะมุ่งหน้าไปยังประตูกรงเหล็กพังที่ต้องใช้ชะแลงช่วยงัด และในตอนนั้นเองเขาก็ต้องตกใจมากเพราะทันทีที่เขาออกจากโกดัง



"อะ...ไอ้เจ้านี่อีกแล้วเหรอ!!?"



สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของโนบิตะตอนนี้คือ...เจ้าหมาสามหัวทินดาลอสนั่นเอง..


 
"ต้องจัดการมันให้ได้....ไม่อย่างงั้นมันคงไม่เลิกราแน่"

โนบิตะจึงได้ยกปืนขึ้นมาเปิดฉากต่อสู้กับทินดาลอสอีกครั้ง
(ตรงนี้อันที่จริงไม่จำเป็นต้องสู้กับมันก็ได้ แต่ว่ามันจะตามเราไปตลอดทำให้ยากต่อการสำรวจเส้นทางหรือเก็บไอเท็ม ดีไม่ดีจะถูกมันไล่ต้อนเข้าฝูงซอมบี้ด้วย ดังนั้นควรต่อสู้กับมันทุกครั้งดีกว่า..)


ทินดาลอสยังคงมีความร้ายกาจอย่างเช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็นความว่องไวในการหลบกระสุนหรือพุ่งเข้าจู่โจมเป้าหมายด้วยความเร็วสูง... แต่ว่า ในครั้งนี้โนบิตะได้มีประสบการณ์ในการต่อสู้กับมันมาก่อนหน้านั้นแล้วทำให้รู้ความสามารถของมันดี

โนบิตะได้เพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหวของตัวเองให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะยิงเป้าหมายใส่ในระยะประชิดในเวลาอันรวดเร็ว..พร้อมกับสับเปลี่ยนอาวุธที่ตนใช้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นปืนพก ปืนลูกซอง หรือปืนยิงลูกระเบิดได้อย่างชำนาญ ถึงแม้มันจะหลบกระสุนที่โนบิตะยิงใส่ได้ แต่ก็ไม่ทั้งหมด ทำให้มันพลาดท่าถูกโนบิตะยิงเข้าจุดสำคัญอย่างกลางศีรษะหรือกลางลำตัวได้อย่างแม่นยำ...


แต่ยังไม่ทันที่โนบิตะจะยิงกระหน่ำเพื่อปิดฉากมันตอนที่ล้ม มันก็ได้กระโดดไต่กำแพงตึกหนีไปเสียก่อน..ดูเหมือนว่ามันจะมีความฉลาดในการตัดสินใจพอตัวเลยทีเดียว...

(คำอธิบายเขียนไว้ว่า ดูเหมือนตอนสู้ตรงนี้พลังชีวิตของมันจะน้อยไปหน่อยนะ)




โนบิตะจึงขนอาวุธและอุปกรณ์ที่จำเป็นทั้งหมด มุ่งหน้าไปยังถนนสายเดิมที่มีไฟลุกไหม้ ซึ่งเห็นทีเขาคงจะผ่านถนนเส้นนี้อีกไม่ได้แล้วเพราะว่าจำนวนซอมบี้นั้นมีเพิ่มขึ้นมากเลยทีเดียว แถมซอมบี้ที่น่าจะโดนเผาในกองเพลิง กลับลุกขึ้นมาเล่นงานเขาอีก..


เมื่อถึงประตูที่หมายเขาจึงจัดการใช้ชะแลงงัดร่องประตูเพื่อดึงมันออก


หลังจากผ่านประตูไปได้ เขาก็เดินมาตามทางถนนเรื่อยๆ


ดูเหมือนว่าเขาต้องเดินเข้าไปในที่จอดรถของอาคารแห่งหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากเส้นทางอื่นมีไฟไหม้ปิดไว้


ภายในโรงรถเขาก็ต้องพบกับฝูงซอมบี้ซึ่งเป็นคนที่ทำงานอยู่ในตึกนี้เป็นจำนวนมาก


โนบิตะคิดว่าเสียเวลาเปล่าที่จะจัดการซอมบี้พวกนี้ทั้งหมด จึงรีบวิ่งผ่านฝูงซอมบี้ไป (ทั้งๆที่ในตัวถือทั้งปืนพก ปืนลูกซอง และปืนยิงลูกระเบิดไปด้วย)


เขาเดินเข้ามาเรื่อยๆจนพบกับประตูใกล้กับจุดที่ไฟไหม้ ซึ่งมีซอมบี้ติดไฟอยู่จำนวนหนึ่ง...


ข้างในห้องนั้นดูเหมือนว่ามันจะเป็นห้องทำงาน (ออฟฟิศ) ของคนที่อยู่ที่นี่ ซึ่งห้องนี้เป็นห้องเซฟ (มีคอมพิวเตอร์สำหรับเซฟด้วย)


โนบิตะเดินเข้าไปสำรวจร่างของคนในชุดเครื่องแบบคนหนึ่งซึ่งพบว่าในมือของเขานั้นกำขวดสเปรย์ปฐมพยาบาลอยู่




"ขอโทษนะครับ....ขอยืมใช้หน่อยนะครับ"


แต่โนบิตะก็พึ่งคิดได้ว่า...

 "พูดว่าขอยืมก็จริง แต่ดูท่าคงไม่ต้องเอาคืน"

...ดูเหมือนคนๆนี้จะเสียเลือดจนตาย


หลังจากนั้นโนบิตะก็เหลือบไปเห็นกระถางสมุนไพรตะไคร่วิเศษครบทั้ง 3 สีอยู่ด้านข้างห้อง ซึ่งดูแล้วน่าเก็บมาใช้งานในตอนนี้มาก และตอนนั้นเองเขาเหลือบไปเห็นกระดาษข้อความบางอย่างแปะอยู่มันเขียนไว้ว่า..

"กรุณาอย่าแตะต้องสมุนไพร (เฮิร์บ-Herb) ของท่านประธานโยชิอากิ (義明:Yoshiaki) โดยเด็ดขาด"


 
"อ้าว...แบบนี้ก็เก็บไปไม่ได้น่ะสิ"

และตอนนั้นเองโนบิตะก็เห็นว่า..มันมีข้อความสีแดงที่เขียนด้วยมือต่อข้างล่างว่า...


 [ท่านประธานแม่งตายห่าไปแล้วโว้ย!!!!]


 
"งั้นถอนไปให้หมดเลยละกัน...."

**คอมเม้นของคนแคสต์เกมข้อความสีเหลืองบอกว่า...ไอ้คนที่นอนตายตรงนั้นอาจจะเป็นท่านประธานที่ว่าก็ได้...


หลังจากนั้นโนบิตะจึงเดินทางออกจากตึกไป.....


ในตอนนี้โนบิตะมีทั้งอาวุธครบมือ + สเบียงเป็นจำนวนมากเรียบร้อยแล้ว....การผจญภัยของโนบิตะในเมืองนรกแห่งนี้จึงดำเนินต่อไป

โปรดติดตามตอนต่อไป.... 
>>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 7]

แสดงความเห็นบน Facebook!

5 ความคิดเห็น :

  1. ไม่ระบุชื่อ11 เมษายน 2556 เวลา 08:03

    อ่านตอนนี้แล้วแอบฮาท่านประธาน 555+ >____<

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ11 เมษายน 2556 เวลา 11:01

    ......... ตอนท้ายอ่านแล้ว แทบปรับอารมณ์ไม่ทัน

    ตอบลบ
  3. บางทีเราก็รู้สึกนะว่า เนื้อหาเกมหลายจุดมันใส่มุกรั่วเกินความจำเป็นหรือเปล่า แทนที่มันจะไปจัดดราม่าเครียดๆหนักๆแท้ๆ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ27 พฤษภาคม 2556 เวลา 06:45

    แต่ผมว่ามีมุขแบบนี้บ้างก้ดีนะจะได้ไม่ตึงเครียดเกินไป

    ตอบลบ