" />

วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 13]

ความเดินตอนที่แล้ว

พวกโนบิตะได้เดินทางมาถึงหอนาฬิกาประจำเมือง R


พร้อมกับเจอตัวนายทหาร 2 คน ได้แก่โอทากะกับโรวฮะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


พวกเขาทั้งคู่ตัดสินใจที่จะอยู่คอยดูแลเซย์นะที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสให้ พร้อมกับบอกว่าพวกเขาจะหาวิธีส่งสัญญาณจากหอนาฬิกาให้เฮลิคอปเตอร์มารับด้วย แต่โนบิตะไม่คิดที่จะอยู่เฉยๆรอพวกเขา โนบิตะจึงตัดสินใจออกตามหาวิธีที่จะเปิดการทำงานการส่งสัญญาณของหอนาฬิกาด้วยตัวเอง....




เนื้อเรื่องส่วนที่ 13 : ส่งสัญญาณเปิดเส้นทางหลบหนี



หลังจากที่โรวฮะเดินออกไปจากห้อง โนบิตะจึงได้เก็บกุญแจรูปนาฬิกาที่วางอยู่บนโต๊ะ 



พร้อมกับลองเดินออกไปสำรวจในห้องที่อยู่ใกล้เคียงดู


ทันทีที่เขาเดินเข้าไปในห้องนี้ เขาก็พบกับฝูงซอมบี้จำนวนมาก ซึ่งตรงสุดทางของห้อง เขามองเห็นซากของรถรางที่เขาวิ่งมากำลังลุกไหม้อยู่


ห้องนี้คือห้องที่โนบิตะตกลงมาหลังจากที่เลือกหัวข้อกระโดดหนีออกจากรถรางนั่นเอง


โนบิตะรีบสำรวจดูรอบห้องด้วยความไวก็ไม่พบกับอะไรที่น่าสนใจ จึงรีบเดินออกจากห้องไป สิ่งสำคัญที่เขาต้องทำตอนนี้คือรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นในการหาวิธีส่งสัญญาณจากหอนาฬิกาให้ได้มากที่สุด ซึ่งมันไม่สามารถทำได้ง่ายนักเนื่องจากข้อมูลตามเอกสารที่เขาได้รู้จากโรวฮะพบว่า สิ่งของที่เป็นส่วนสำคัญที่ใช้ส่งสัญญาณนั้นได้กระจัดกระจายหายไปแล้ว

โนบิตะจำได้ว่าตอนที่เขาเดินเข้ามาในห้องโถงหลักครั้งแรกตอนที่อุ้มเซย์นะเข้ามา เขามองเห็นศพทหารนายหนึ่งที่นอนตายอยู่ในห้องโถงและใกล้ๆนั้นก็มีเอกสารบางอย่างวางอยู่ โนบิตะจึงไปสำรวจดู

**ที่ศพทหารโนบิตะจะได้กระสุนปืนจำนวนมากหลายชนิดจากในภาพ
- กระสุนปืนพก 3 แม็กกาซีน
- กระสุนปืนลูกซอง 3 ชุด
- กระสุนปืนแอสซัลท์ไรเฟิล 2 แม็กกาซีน
- กระสุนปืนแม็กนั่ม 1 ชุด
- กระสุนปืนเกรเนดลันเชอร์ 2 ชุด

บนโต๊ะข้างๆมีเอกสารวางอยู่
(ตอนสำรวจโปรดระวังเดรนดีมอสที่อยู่รอบๆด้วย)


โนบิตะจึงรีบวิ่งกลับมายังห้องพักผู้ดูแลฝั่งขวาของห้องโถง


เขาหยิบเอกสารขึ้นมาดู ซึ่งหน้าปกเขียนไว้ว่า บันทึกผู้สังเกตการณ์



เนื้อหาในเอกสารนั้นพูดถึงรายละเอียดของที-ไวรัสที่ทำให้ผู้คนกลายเป็นผู้ติดเชื้อและตายกลายเป็นซอมบี้ ซึ่งรายละเอียดภายในนั้นเป็นการจดบันทึกสังเกตการณ์ผูู้ที่ติดเชื้อภายในเมืองและกลายสภาพเป็นซอมบี้ ซึ่งอาการทุกอย่างในเอกสารนั้นโนบิตะพบว่ามันเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเซย์นะตอนนี้ทุกประการ


 นอกเหนือจากนั้นตัวเอกสารได้มีการพูดถึงคุณสมบัติการแพร่กระจายของเชื้อที-ไวรัส ที่สามารถติดต่อได้จากสิ่งมีชีวิตหลายชนิดตั้งแต่หมา แมว กอริล่า นก คน และอื่นๆอีกมากมาย (ล้วนเป็นข้อมูลเก่าที่โนบิตะรู้จักแล้วทั้งสิ้น)


 (เป็นอย่างที่คิดจริงๆ การที่คุณเซย์นะถูกเจ้าหมาบ้านั่นทำร้าย ทำให้คุณเซย์นะติดเชื้อทีไวรัสจริงๆด้วย)

เอกสารตัวนี้เป็นเพียงหลักฐานชั้นดีเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเซย์นะเท่านั้น แต่ก็ไม่มีประโยชน์ในเรื่องของหอนาฬิกาแต่อย่างใด เขาจึงต้องตามหาหลักฐานข้อมูลอื่นๆต่อ ซึ่งเขาคิดว่าเขาจะต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด

โนบิตะได้สำรวจตามโต๊ะภายในห้องผู้ดูแลหอนาฬิกาดูก็พบกับสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง...


บันทึกของผู้ดูแลหอนาฬิกา


ข้อมูลภายในบอกไว้ว่าสิ่งที่จำเป็นในการใช้งานฟังก์ชั่นการส่งสัญญาณของหอนาฬิกาคือ "ฟันเฟืองพิเศษ 2 ชิ้น" ซึ่งแน่นอนว่า ฟันเฟืองที่ว่านั้นได้ถูกนำออกไปจากกลไกหอนาฬิกาที่อยู่ตรงชั้นบนสุดไปแล้ว โดยชิ้นแรกนั้นถูกวางไว้ในห้องชั้นแรกด้านในสุดที่มีกุญแจล็อกเอาไว้


ส่วนฟันเฟืองอีกชิ้นนั้น บันทึกได้บอกมาว่ามันถูกซ่อนอยู่หลัก "ตราสัญลักษณ์ (เอ็มเบล : Emblem)" ที่ใดที่หนึ่งในหอนาฬิกานี้ ซึ่งผู้ที่ทำการซ่อนมันไว้ก็ดันตายไปแล้วดังนั้นถ้าโชคร้ายหน่อยก็คงต้องใช้เวลาในการหานานพอสมควร


เมื่อทราบถึงสิ่งของที่จำเป็นในการค้นหาแล้ว โนบิตะจึงเริ่มตามหาของที่ต้องการทันที..


ตามหาฟันเฟืองชิ้นแรก

โนบิตะเดินออกไปทางประตูที่อยู่ใกล้ๆ


ด้านในเป็นทางเดินแคบๆที่มีเดรนดีมอสอยู่ 3 ตัว แต่พวกมันเคลื่อนไหวได้ค่อนข้างช้า โนบิตะจึงรีบเดินผ่านมันไปอย่างรวดเร็ว


ประตูด้านในสุดถูกล็อกเอาไว้ แต่โนบิตะก็ได้ใช้กุญแจหอนาฬิกาที่พึ่งเก็บได้ไขเข้าไป


ภายในห้องนี้เป็นห้องกว้างและมีเดรนดีมอสอยู่จำนวหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้โนบิตะสนใจคือสิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ


มันคือฟันเฟืองสีเงิน 1 ในฟันเฟืองที่เขาต้องการนั่นเอง

เฟืองสีเงิน ไอเท็มนี้มีจริงใน RE3

ส่วนประตูที่อยู่ด้านในลึกสุดนั้นคือประตูทางออกจากหอนาฬิกานั่นเอง ซึ่งโนบิตะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกจากหอนาฬิกาในตอนนี้


ตามหาฟันเฟืองชิ้นสุดท้าย

ส่วนฟันเฟืองอีกชิ้นนั้นเป็นสิ่งที่หาได้ยากกว่าฟันเฟืองชิ้นแรก เพราะจากบันทึกเขียนเอาไว้ว่า...ฟันเฟืองอีกชิ้นจะซ่อนอยู่ด้านหลังตราสัญลักษณ์ของหอนาฬิกา ตามรูปประกอบด้านล่าง


และแน่นอนว่า ตราสัญลักษณ์ที่ว่านี้มีอยู่ทุกห้องของหอนาฬิกาทั้งหมด และแน่นอนว่ามันจะอยู่แบบสุ่มด้วย โนบิตะจึงต้องใช้เวลาตามหามัน

"แล้วมันตราอันไหนกันล่ะเนี่ย...."

เวลาผ่านไปชั่วพริบตา....

ในที่สุดโนบิตะก็พบว่ามีตราสัญลักษณ์อันหนึ่งมีของบางอย่างซ่อนอยู่ด้านหลัง


เมื่อเขาพลิกมันมาก็พบกับฟันเฟืองสีทอง

ฟันเฟืองสีทอง มีจริงใน RE3



เมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว โนบิตะจึงนำของทั้งสองชิ้นพกติดตัวพร้อมกับเดินฝ่าฝูงเดรนดีมอสที่ห้องโถงขึ้นไปบนบันไดชั้น 2


บนชั้น 2 ยังมีฝูงเดรนดีมอสเล็กน้อย แต่โนบิตะก็สามารถเดินหลบพวกมันออกมาได้ง่าย...


เขาเดินไปเรื่อยๆจนถึงระเบียงทางออกของหอนาฬิกา ซึ่งมีแผงควบคุมตัวหนึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง


โนบิตะสำรวจแผงควบคุมนั้น ก็พบว่าระบบได้ทำการตรวจสอบเครื่องมือที่ต้องใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ และพบว่ามีเฟือง 2 ชิ้นหายไป


ซึ่งโนบิตะก็ได้ทำการใส่เฟืองทั้ง 2 ชิ้นเข้าไปในช่องใกล้ๆบริเวณนั้น



ในที่สุด กลไกของเฟืองก็เริ่มหมุน...แผงควบคุมได้เริ่มทำงานอีกครั้ง แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อมองที่หน้าแผงควบคุม
"เหวอ!? ภาษาอังกฤษตัวนี้มันอ่านว่าอะไรเนี่ย? แถมมีคำสั่งโน่นนี่นั่นเต็มไปหมดเลย!!"



แน่นอนว่าโนบิตะไม่สามารถอ่านภาษาที่อยู่บนหน้าจอออกทั้งหมด

"โถ่เอ้ย!! แบบนี้ก็เลือกไม่ถูกน่ะสิ...จะมั่วก็ไม่ได้ด้วย... 
หวังว่าในห้องพักนั่นคงจะมีพจนานุกรมหรือคู่มือสักเล่มนะ"


แล้วโนบิตะก็ต้องเดินกลับไปยังห้องพักผู้ดูแลอีกครั้งแล้วก็หยิบพจนานุกรมออกมาเล่มนึง 

**พจนานุกรมไม่สามารถหยิบได้หากไม่เจอเหตุการณ์ข้างบนก่อน


โนบิตะกลับไปที่เดิมอีกครั้ง พร้อมกับลองเลือกคำสั่งโดยมีพจนานุกรมเป็นตัวช่วยอีกครั้ง


สักพัก....เสียงสัญญาณสั่นระฆังของหอนาฬิกาก็ดังก้องกังวาลไปทั่วบริเวณอย่างต่อเนื่อง....

"ดะ....ได้แล้ว....ในที่สุดก็ทำได้แล้ว....!!"

โนบิตะรู้สึกดีใจมากที่เขาสามารถทำสิ่งที่พวกผู้ใหญ่สบประหม่าเขาได้สำเร็จ เขาสามารถส่งสัญญาณของหอนาฬิกาเพื่อขอความช่วยเหลือได้แล้ว!!!

"เท่านี้แหละ....เท่านี้ก็ช่วยทุกคนได้แล้ว..... เอาล่ะ ต้องรีบไปแล้ว!!"


 โนบิตะรีบวิ่งลงไปชั้นล่างพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องที่พวกโอทากะกับเซย์นะอยู่เพื่อแจ้งข่าวทันที

"ให้ตายสิ! เธอนี่มันสุดยอดจริงๆเลยนะ เจ้าหนู!!!"

โอทากะพูดออกมาอย่างดีใจ ดูเหมือนเขาจะคิดไว้แล้วว่า โนบิตะต้องทำได้ ผิดกับโรวฮะที่รู้สึกเจ็บใจลึกๆที่ตัวเองเดาผิดว่าโนบิตะคงจะทำไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้ทำหน้าที่ของตนเองแล้ว คือการที่เขาเข้ามาช่วยระงับอาการที่รุนแรงของเซย์นะจนทำให้เธอหมดสติไปอีกครั้ง


"เอาล่ะ พวกเรารีบไปรอข้างนอกกันเถอะ!! ตอนนี้พวกเขาน่าจะมาแล้วล่ะ!!"


ว่าแล้ว โนบิตะกับพวกโอทากะก็พาตัวเซย์นะออกมายืนรอกันที่ด้านนอกของหอนาฬิกาทันที...ในตอนนี้ท้องฟ้ายังคงมืดอยู่ แต่พวกเขาก็พอจะมองเห็นบรรยากาศรอบข้างได้


"นั่นไง!! มาแล้ว!! เฮลิคอปเตอร์มาแล้ว!!"

โรวฮะตะโกนร้องขึ้นอย่างดีใจ เมื่อเขามองเห็นบางอย่างบินเข้ามาทางนี้พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ที่ดังขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงมั่นใจว่านั่นต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ยังคงรอคอยสัญญาณตามที่เขียนไว้ในเอกสารแน่นอน


ในที่สุดพวกเขาทุกคนก็เริ่มมองเห็นสิ่งที่บินมาอย่างเด่นชัด มันคือ เฮลิคอปเตอร์นั่นเอง ใช่แล้ว เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นกำลังจะพาพวกเขาทุกคนออกไปจากที่นี่!!!


"เฮ้!!!  ทางนี้!!!!   "

โอทากะรีบตะโกนพร้อมกับโบกมือส่งสัญญาณให้เฮลิคอปเตอร์มองเห็น  โนบิตะที่ยืนดูอยู่ใกล้ๆนั้นก็ช่วยกันโบกมือเรียกด้วย เขาคิดในใจด้วยรอยยิ้มว่า..



(ทุกอย่างคงจะจบแล้วสินะ.....)

แล้วตอนนั้นเองโรวฮะก็พูดทักขึ้นมาว่า...

"เอ๊ะ? เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นบินเลยจุดที่มาร์คำแหน่งไว้หรือเปล่านะ?"


แต่เขาก็ส่ายหัวสักพักแล้วพูดออกมาว่า..

"เรื่องนั้นช่างมันเถอะ  เฮ้!!! ทางนี้!!! ช่วยพวกเราที!!"

โรวฮะยังคงตะโกนร้องต่อไป


พวกเขาทั้ง 3 ไม่รู้เลยว่า เกิดอะไรขึ้นบนเฮลิคอปเตอร์ลำนั้น.....

ย้อนกลับไปไม่กี่วินาทีก่อน เรามาฟังเสียงที่เกิดขึ้นบนเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นกัน


นักบิน : "เฮ้...มองเห็นคนที่อยู่ตรงนั้นแล้ว... อะไรน่ะ? นอกจากหน่วยเราแล้วยังมีพลเมืองด้วยหรือ?"


นักบิน : "เรื่องนั้นน่ะช่างเถอะ โอเค ตอนนี้รักษาระดับการบินไว้ตรงตำแหน่งนี้แล้วค่อยๆ ร่อนเครื่องลงตรงเครื่องหมายนั้นนะ"

ตรงนี้ทางเราจะเริ่มสงสัยแล้วว่า...อ้าว...นักบินเขาเห็นตำแหน่งจอดลงนี่นา แล้วทำไมเขาถึงบินเลยตำแหน่งจอดได้ล่ะ...


หลังจากนั้น เราจะได้ยินเสียงร้องครางบางอย่างดังออกจากเฮลิคอปเตอร์ลำนั้น มันเป็นเสียงร้องครางที่คุ้นเคย...ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงกัดกระชากอย่างรุนแรงจนเลือดสาดกระจาย!!!

นักบิน : "อ้ากกกกกก!!!! แกทำบ้าอะไรวะเนี่ย!!! ปล่อยนะ...ฮะ..เฮ้ย!! ว้ากกกกกก!!"


ผู้ช่วยนักบิน : "ฉิบหายแล้ว!! ไอ้พวกคนที่ติดมากับเราก่อนหน้านั้นมันกลายเป็นซอมบี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ เฮ้ย!! อย่าเข้ามานะโว้ยยย  !!  อ้ากกกกกกกกกกกกกกกก!!!!"


หลังจากนั้นภายในเฮลิคอปเตอร์ก็เต็มไปด้วยเสียงโหยหวนของนักบินกับรองนักบินที่กำลังโดนซอมบี้ ซึ่งเป็นอดีตชาวเมืองที่เขาช่วยเหลือมาก่อนหน้านั้นกัดกระชากออกเป็นชิ้นๆขณะที่พวกเขายังลอยอยู่กลางอากาศ

นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นบนเฮลิคอปเตอร์ที่ทั้ง 3 คนไม่รู้

"เฮ้ย!!! มันแปลกไปแล้วนะ!!!"

โอทากะรีบร้องเตือนบอกทุกคนหลังจากที่เห็นลักษณะการบินของเฮลิคอปเตอร์ที่ยังคงพุ่งตรงมาทางเขาโดยไม่ชะลอความเร็วเลยแม้แต่น้อย!!


"นั่นสิ ไอ้แบบนี้มันไม่ปกติแล้ว เฮลิคอปเตอร์ที่ไม่ลดความเร็วมันไม่น่าจะบินต่ำขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ?"

โรวฮะเองก็เริ่มเห็นด้วยกับสิ่งที่โอทากะพูด



"ชักจะไม่ดีแล้ว!! มันกำลังพุ่งตรงมาทางนี้!!!!!"



"ทุกคน!!! รีบหาที่หลบเร็วเข้า!!!!! ไอ้หนูรีบออกมาจากตรงนั้นซะ"



"เอ๋!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

"อันตราย!!! เครื่องจะตกแล้ว!!!!"


เมื่อเห็นท่าไม่ดี โนบิตะรีบกระโจนหลบไปทางขวาอย่างรวดเร็ว เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นพุ่งไถลมาตามทางผ่านข้างโนบิตะไปอย่างฉิวเฉียด ตรงเข้าไปหาพวกโอทากะ


"ชิบหายแล้ว!!!!!!!!!!!!!!!!"
 "คุณโอทากะ!!!!!!!!!!!"

เฮลิคอปเตอร์พุ่งเข้ากระแทกพื้นอย่างรุนแรงไถลไปตามทางที่พวกโอทากะอยู่และในที่สุด เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นก็เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง...



ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!!

ทุกอย่างเป็นสีขาวโพลน

โนบิตะ รวมไปถึงพวกโอทากะถูกแรงระเบิดที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายรุนแรงพร้อมทั้งเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ โนบิตะได้รับผลจากแรงระเบิดถึงกับกระเด็นไปกระแทกพื้นกลางลานกว้าง  แถมพวกโอทากะ โรวฮะ รวมถึงเซย์นะ ต่างก็ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า แต่โชคดีที่ไม่มีใครตาย.....เพราะพวกโอทากะกับโรวฮะพาตัวเซย์นะหนีเข้าไปในอาคารได้ทัน  ตอนที่โนบิตะยังคงนอนอยู่บนพื้น เขาได้ยินเสียงของโอทากะดังขึ้นมาว่า...

"โรวฮะ!!! ไม่ไหวหรอก!!! ไฟไหม้ขนาดนั้น เราไปช่วยเจ้าหนูนั่นตอนนี้ไม่ได้หรอก!!! พวกเรารีบพาเด็กคนนี้ไปหลบในที่ปลอดภัยก่อนเถอะ!!"

ดูเหมือนว่า พวกโอทากะจะไม่สามารถเข้าไปหาโนบิตะที่ถูกกั้นด้วยเปลวเพลิงจากแรงระเบิดได้


"บ้าเอ้ยย!!"

โรวฮะสบถทิ้งท้ายไว้พร้อมกับพยายามลากสังขารตัวเองเข้าไปในหอนาฬิกาอีกครั้ง พร้อมกับจ้องมองมาทางโนบิตะที่ยังคงอยู่ในวงล้อมของเปลวเพลิง


ทางด้านนอกลานกว้างของหอนาฬิกาที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงจากแรงระเบิด โนบิตะได้ล้มลงท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกไหม้โหมกระหน่ำนั้น



"อุกก........."

โนบิตะเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาแม้ว่าร่างกายจะเต็มไปด้วยบาดแผลจำนวนมาก แต่เขาก็ยังทนฝืนลุกขึ้นยืน

"ทำไม....ทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้...!? โถ่เว้ย....อีกนิดเดียวแท้ๆ!!"


และตอนนั้นเองโนบิตะก็ได้ยินเสียงร้องคำรามดังออกมาจากรอบนอกของกองไฟ


"ไม่จริงงงงงงงงงง"

เสียงนั้นเป็นเสียงที่เขาคุ้นเคยมาก แต่ก็ไม่อยากได้ยินมันเท่าไหร่นัก..... 

เจ้าสิ่งที่เป็นตัวต้นเหตุของเสียงนั้นได้กระโดดเข้ามาใกล้กับกองเพลิงก่อนที่จะกระโดดเข้ามาในวงล้อมเปลวเพลิงที่ขังโนบิตะไว้


เจ้าสิ่งนั้นคือ....

ทินดาลอส..โจทก์เก่าของโนบิตะนั่นเอง



"เจ้านี่....ยังมีชีวิตอยู่อีกยังงั้นเหรอ?......ทั้งที่คุณฮารุนะคนนั้น......"



โนบิตะไม่อาจจะทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของเขามันคือตัวที่ทำลายคนที่เขารู้จักไปมากมาย...

"ทั้งที่คุณฮารุนะที่ยอมพลีชีพเพื่อจัดการมันแล้วแท้ๆ แถมคุณเซย์นะก็ยัง....."

ตอนนี้เองที่โทสะของโนบิตะเริ่มเดือดขึ้นมาอีกครั้ง


"แกน่ะ....แกน่ะ.... ฉันจะไม่ปล่อยให้แกไปจัดการใครได้อีกแล้ว...!!"


และตอนนั้นเองที่เจ้าทินดาลอสได้พุ่งเข้ามาโจมตีของโนบิตะอย่างรวดเร็ว โดยที่โนบิตะไม่ทันตั้งตัวและเคลื่อนไหวร่างกายสะดวกนั้น ถึงแม้โนบิตะจะพยายามหลบเลี่ยงจุดตายไปตายแต่ก็

ฉัวะ!!!!!!!!!!!!!



เขาถูกเจ้าสัตว์ร้ายนั่นใช้กรงเล็บตวัดเข้าใส่แขนอีกครั้งจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์ขึ้น.... แต่โนบิตะก็ใช้จังหวะนั้นยิงปืนใส่มันสวนแลกกลับไปอย่างแม่นยำจนมันต้องกระโดดหนีกลับไปตั้งหลักใหม่...


"ยกโทษให้ไม่ได้...."

โนบิตะก้มหน้าลงพร้อมกับตัวสั่นด้วยความโกรธ ทุกอย่างมันแย่และเลวร้ายไปหมดเพราะเจ้าตัวที่อยู่เบื้องหน้าเขา ในตอนนี้เขาไม่อาจจะปล่อยให้มันหนีรอดไปได้อีกแล้ว!!!

โนบิตะได้เงยหน้าขึ้นพร้อมกับตะโกนสุดเสียงด้วยสายตาที่กลายเป็นสีแดงเลือด

"พอกันทีสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้!!! ฉันจะจัดการแกให้ได้!!!!"


การต่อสู้ระหว่างโนบิตะกับทินดาลอสจึงได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

สถานที่ต่อสู้ตรงนี้เป็นเพียงเวทีขนาดเล็กที่ล้อมรอบด้วยเปลวเพลิงซึ่งไม่มีทางหลบหนีหรือที่ซ่อนให้กับโนบิตะอีกแล้ว 


การต่อสู้ทั้งหมดขอยึดตามคลิปนี้...



โนบิตะได้โยนอาวุธประเภทปืนเกรเนดลันเชอร์กับปืนลูกซองที่เป็นอาวุธหนักทิ้งไป สิ่งที่โนบิตะใช้มีเพียงปืนพกกระบอกเดียวเท่านั้น!!!!

 
"เข้ามาเลย ไอ้หมาบ้า!!!"

โนบิตะรู้สึกได้ว่า ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเขาเริ่มช้าลง....สมาธิของเขาเริ่มแน่วแน่ยิ่งขึ้น เขารู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของทินดาลอสได้ชัดเจนขึ้นและเขาพบว่ามันเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเดิมมาก แต่ถึงกระนั้นตามร่างกายบางส่วนของมันก็ยังคงหลงเหลือบาดแผลจากการต่อสู้ที่ผ่านมา

โนบิตะรู้สึกได้ว่ามันวิ่งพุ่งเข้ามาโจมตีเขาจากทางด้านขวา


โนบิตะจึงรีบวิ่งอ้อมไปตามถนน เพื่อหลบแต่ก็ไม่อาจจะเล็ดรอดสายตาทั้ง 9 ดวงของมันได้ทั้งหมด มันจึงหันไปงับโนบิตะในตำแหน่งที่มันกะไว้ ซึ่งมันควรจะโจมตีโดนแน่ๆ


ชั่วพริบตาร่างของโนบิตะที่ควรจะอยู่ในคมเขี้ยวเบื้องหน้าของมันกลับปรากฏตัวอีกครั้งในระยะที่ห่างไกลจากตัวมันราวกับว่า โนบิตะสามารถเทเลพอร์ทได้!!!!


ชั่วพริบตา!! มันรู้สึกได้ว่าตามลำตัวของมันเต็มไปด้วยรอยแผลจากกระสุนปืนพกของโนบิตะนับไม่ถ้วนราวกับโนบิตะยิงปืนพกรัวๆราวกับกระสุนปืนกล!!!

"เจ้าโง่เอ้ย!!! ทางนี้!!!!"

โนบิตะทิ้งระยะห่างพร้อมกับใช้ปืนพกยิงใส่มันอย่างต่อเนื่องซึ่งแน่นอนว่า หากเป็นระยะไกล มันสามารถมองเห็นวิถีกระสุนและหลบการโจมตีของโนบิตะได้อย่างง่ายดาย มันจึงใช้จังหวะนี่พุ่งเข้าโจมตีโนบิตะด้วยความเร็วสูง...และคิดว่าต้องโดนแน่ๆ


ชั่วพริบตาโนบิตะที่ควรจะยืนอยู่ในท่าหันปืนพกยิงใส่ใส่ทินดาลอสจากด้านหน้า กลับปรากฏตัวตัวด้านข้างมันชั่วเสี้ยววินาที พร้อมกับเสียงปืนพกที่ดังอย่างต่อเนื่อง!!


ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ทินดาลอสไม่สามารถหลบการโจมตีของโนบิตะได้!!!!!

ตอนนี้มันรับรู้แล้วว่า.... โนบิตะในตอนนี้...ว่องไวยิ่งกว่าตัวมันเสียอีก

ราวกับว่าเขาถูกอัลเบิร์ต เวสเกอร์สิงร่างจนเกิดความเร็วที่มากพอที่จะหลบกระสุนได้ ซึ่งแน่นอนว่าความเร็วของทินดาลอสนั้นมากพอที่จะหลบกระสุนได้อยู่แล้ว แต่โนบิตะกลับมีความเร็วที่เหนือกว่าทินดาลอสเสียอีก!!!

อารมณ์ของโนบิตะตอนนี้ก็ประมาณนี้เลย


ทินดาลอสยังคงไล่ล่าโนบิตะด้วยความเร็วเท่าที่มันสามารถทำได้...


แต่ว่ามันกลับไล่ตามเขา ทั้งๆที่เป็นเพียงมนุษย์ไม่ทัน!!!!

 

กระสุนปืนของโนบิตะยังคงดังต่อเนื่องอีกหลายนัด ซึ่งมันคิดว่ามันสามารถหลบกระสุนนั้นได้ แต่ว่ามันไม่สามารถจับทิศทางการพุ่งของกระสุนปืนที่โนบิตะยิงออกมาได้เลย!!!  แถมการโจมตีของมันก็ไม่อาจจะทำอันตรายโนบิตะได้ทั้งๆที่โนบิตะแค่เดินถือปืนพกยิงใส่มันธรรมดาๆ  แต่เขากลับเคลื่อนย้ายตัวไปรอบข้างด้วยความเร็วสูง (ดังคลิปข้างล่าง ถือปืนยิงไปด้วยเคลื่อนย้ายร่างหลบไปด้วย)






กว่ามันจะรู้ตัวอีกที กระสุนปืนพกหลายสิบกว่านัดก็ฝังทะลุร่างของมันจนพรุนรอบตัว แล้วในที่สุด

ร่างของมันก็ถูกย้อมไปด้วยสีแดงเลือด การเคลื่อนไหวของมันได้ถูกหยุดลง...



"อุ๊บ!!!!"

โนบิตะเริ่มรู้สึกมึนหัวเล็งน้อยแต่ยังพอประคองสติที่จะตั้งรับการจู่โจมของทินดาลอสได้อยู่ แต่มันกลับไม่พุ่งเข้ามาหาเขา มันกลับเดินโซซัดโซเซหนีไปพร้อมกับเลือดของมันที่อาบไปทั่วร่าง ในที่สุดโนบิตะก็เห็นมันล้มลงไปนอนแช่ไม่ไหวติงในกองเพลิงจนเผาไหม้ร่างกายภายนอกของมันจนเกรียม และไม่มีท่าทีว่าจะลุกขึ้นมาอีก ซึ่งเป็นครั้งแรกที่โนบิตะไม่เห็นมันหนีมาก่อน 





"เท่านี้...ก็คงจะตายสักทีสินะ..... แต่ว่า ไอ้บ้านั่นมันอึด...เหลือ....เกิน....."


สักพักโนบิตะก็รู้สึกได้ว่าทัศนวิสัยของเขากลับมืดลงทั้งๆที่ท้องฟ้าก็ใกล้จะสว่างแล้วแท้ๆ  และในที่สุด เขาก็ล้มสลบลงไปท่ามกลางวงล้อมเปลวเพลิงที่ยังคงลุกไหม้อยู่รอบๆ


 ตอนนี้เขาไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว....ใจจริงเขาอยากจะไปจัดการตรวจสอบสภาพของเจ้าทินดาลอสเพื่อให้แน่ใจว่ามันตายจริงๆ แต่เขาก็ไม่อาจจะทำได้ ดูเหมือนว่าในตอนนี้เขาจะใช้ร่างกายถึงขีดจำกัดแล้ว...


รู้สึกว่าตั้งแต่เหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกแล้วถูกบอสโจมตีก่อนแล้วค่อยสู้กับบอสต่อจนบอสเสียหลักไปล้มตัวนอนลงในกองเพลิงแล้วตัวเองค่อยสลบเนี่ยเหมือนฉากหนูจิลสู้กับเนเมซิสใน RE3 ที่หอนาฬิกาจังเลยเนอะ



เมื่อเส้นทางหนีที่หอนาฬิกาถูกปิดลง...
ดูเหมือนว่าโนบิตะจะต้องหาทางอื่นในการพาหนีออกจากเมืองเสียแล้ว...




โปรดติดตามตอนต่อไป.....
>>>  โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 14]

================================================================


อันนี้คลิปสรุปเหตุการณ์สำคัญในตอนนี้หลังจากที่ทำการเสียงสั่นระฆังหอนาฬิกา





ท่านสามารถสลับไปอ่านเนื้อเรื่องไซต์สตอรี่ของไจแอนท์เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศได้ที่
>>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 13.5] : Side Story - ภาคไจแอนท์ (ตอนที่ 4)








แสดงความเห็นบน Facebook!

2 ความคิดเห็น :

  1. ไม่ระบุชื่อ27 พฤษภาคม 2556 เวลา 07:39

    น่าจะตั้งชื่อความสามารถนี้ให้โนบิตะนะเอาแก้ขัดง่ายๆอย่าง เนตรโลหิต ไปก่อนก็ได้

    ตอบลบ