โนบิตะได้ตัดสินใจบุกเดี่ยวมุ่งหน้าเข้าโรงพยาบาลประจำเมือง ณ ที่อยู่ใกล้กับหอนาฬิกา เพื่อค้นหาวัคซีนที่จะนำมารักษาอาการติดเชื้อที-ไวรัสของเซย์นะ ตามคำแนะนำของแพทย์ทหารที่ชื่อโรวฮะ
ทันที่เขาได้ย่างเท้าเข้ามาในโรงพยาบาล เขาก็พบว่าสถานที่แห่งนี้มีซอมบี้และฮันเตอร์จำนวนมากเต็มไปหมด เขารับรู้ได้ทันทีว่า สถานที่แห่งนี้จะต้องมีอัมเบรล่าอยู่เบื้องหลังแน่ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ยิ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่า..สถานที่แห่งนี้จะต้องมีวัคซีนอย่างแน่นอน
เนื้อเรื่องส่วนที่ 15 : ตามล่าหาส่วนผสม....
ต่อจากตอนที่แล้ว หลังจากที่โนบิตะเสียบการ์ดเปิดการใช้งานลิฟต์ของโรงพยาบาลได้ ก็มีพวกซอมบี้บุกเข้ามาทางหน้าต่างทำให้โนบิตะต้องรีบเข้าไปในลิฟต์หนีไป ซึ่งชั้นที่เขาตัดสินใจไปเป็นสถานที่แรกก็คือ...
"ชั้นใต้ดิน....!! เพราะงานทดลองลับแบบนี้เจ้าพวกนั้นชอบซ่อนเอาไว้ที่ใต้ดินแน่ๆ"
ประตูลิฟต์ได้ปิดลงอย่างฉิวเฉียดก่อนที่พวกซอมบี้จะเดินเข้ามา พร้อมกับพาโนบิตะลงไปยังชั้นใต้ดินชั้นที่ 1 (ชั้น B1) เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกมา เขาก็เดินมาตามทางเดินและพบกับฝูงซอมบี้จำนวนมาก แต่โนบิตะก็สามารถเดินหลบหลีกพวกมันได้อย่างง่ายดายเนื่องด้วยความเชื่องช้าของมัน
เวลานับถอยหลังยังคงดำเนินต่อไป....โนบิตะรีบวิ่งไปที่ห้องชั้นด้านในสุด
ห้องแห่งนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นห้องทำงานอะไรสักอย่างที่มีเอกสารวางเรียงเต็มตู้ไปหมด
"หือ?? กระดาษโน้ต??"
บนโต๊ะเบื้องหน้าของเขามีกระดาษโน้ตข้อความบางอย่างเขียนอยู่
มันบอกไว้ว่า...คนที่เขียนกระดาษโน้ตแผ่นนี้ได้รู้ว่า ภายในตู้เซฟของห้อง 401 บนชั้น 4 ได้เก็บซ่อนของบางอย่างที่สำคัญไว้ภายใน ซึ่งเขาใช้เวลาค้นหาข้อมูลในการหาวิธีเปิดมันอยู่นาน
ยังไงก็แล้วแต่...ตู้เซฟแห่งนั้นก็ต้องการรหัส 4 ตัวในการเปิด..
และรหัสที่ใช้ในการเปิดนั้นคือ 3906 (ในเกมอาจจะสุ่มรหัสไปเรื่อยๆไม่เหมือนกันทุกครั้ง)
"ขะ ของสำคัญที่ว่า...หรือว่าจะเป็น....วัคซีน!?"
เมื่อได้ข้อมูลเช่นนั้นมา โนบิตะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การสำรวจมากจึงคิดที่จะไปที่นั่นทันที แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้อง เขาเหลือไปเห็นปืนกระบอกหนึ่งที่ตกอยู่ข้างศพด้านในของห้อง เขาหยิบขึ้นมาดูก็พบว่ามันคือ..
"ว่าไง คู่หู.....ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ"
ปืนที่โนบิตะเก็บขึ้นมานั้นมันคือ.... "โคลท์ไพธ่อน (Colt Python)" หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ "แม็กนั่ม .357 (Magnum .357)" ปืนลูกโม่พลังมหากาฬที่โนบิตะเคยใช้มันต่อสู้กับพวกศัตรูที่ร้ายกาจเมื่อ 5 เดือนก่อนนั่นเอง
"เท่านี้ก็ไม่ต้องกลัวพวกฮันเตอร์แล้ว..."
ที่ชั้น 4 ยังคงมีซอมบี้อยู่เต็มทางเดินเช่นเคย.... แต่โนบิตะก็สามารถเดินหลบหลีกพวกมันไปได้หมด
เขาเลือกที่จะเดินไปสำรวจห้องที่อยู่ด้านในที่สุด...ซึ่งด้านบนประตูเขียนเอาไว้ว่า "ห้องศูนย์ข้อมูล Data Room)"
ด้านในห้องนั้นเต็มไปด้วยฝูงฮันเตอร์จำนวนมาก...
"เอาล่ะ แสดงพลานุภาพของนายออกมาซะ!"
โนบิตะเปลี่ยนปืนที่ใช้เป็นโคลท์ไพธ่อนหลังจากนั้นก็เล็งยิงไปที่ฮันเตอร์ตัวหนึ่งที่กำลังวิ่งมา...
ปัง!!!!!
กระสุนปืนโคลท์ไพธ่อนเพียงนัดเดียวสามารถเจาะทะลุร่างของฮันเตอร์ตัวนั้นจนตายทันที!!! ถึงแม้ว่ามันจะมีแรงถีบมหาศาลมากแต่ตอนนี้โนบิตะก็สามารถใช้มันได้อย่างคล่องแคล่ว
"พลังยังสุดยอดเหมือนเดิม..."
ตอนนั้นเองก็ได้มีฮันเตอร์ตัวหนึ่งวิ่งออกจากตู้หนังสือด้านหลังแต่โนบิตะก็รู้ตัวทันจึงโดดถอยไปข้างหลัง 1 ก้าวพร้อมกับใช้ปืนโคลท์ไพธ่อนจ่อยิงฮันเตอร์ตัวนั้นในระยะประชิดส่งมันลงไปในนรกตามกัน
(คนแคสต์เกมบอกว่า พลังปืนโคลท์ไพธ่อนยังสุดยอดตามเคย)
ที่ด้านหลังของชั้นหนังสือ โนบิตะมองเห็นกล่องกระสุนปืนลูกซองจึงเดินไปเก็บมันขึ้นมา..
หลังจากนั้นเขาก็เห็นศพของชายในชุดทหารคนหนึ่งนั่งอยู่ติดกำแพงเปื้อนเลือด...ดูเหมือนว่า รอยเลือดที่กำแพงเกิดจากรอยกระสุนปืนที่ยิงทะลุร่างนายทหารคนนี้ แต่ดูจากสภาพศพของนายทหารคนนี้แล้วมันเละเทะเหมือนกับโดนระเบิดซ้ำอีกด้วย ซึ่งโนบิตะก็ได้แต่สงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับนายทหารคนนี้กันแน่...
ถ้าเทียบกับเนื้อเรื่องของเกม RE3 ตอนที่(โนบิตะที่รับบทเป็น)คาร์ลอสเดินเข้าโรงพยาบาล จะพบว่านายทหารคนนี้ก็คือ เจ้าหน้าที่หน่วย UBCS คนหนึ่งเหมือนกับตนที่มีชื่อว่า "ไทเรล แพทริค (Tyrell Patrick)" ซึ่งเราจะพบเขาตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ทันทีที่เราเดินเข้าไปในห้องก็พบว่า เขาได้ถูกนิโคไล 1 ในเจ้าหน้าที่หน่วย UBCS ซึ่งเป็นผู้ทรยศฆ่าปิดปาก และนิโคไลก็ยังพยายามที่จะฆ่าคาร์ลอสด้วย แต่ก่อนหน้านั้นไทเรลที่คิดว่าตายไปแล้วก็ได้ฝืนตัวเองหยิบสลักระเบิดขึ้นมาพร้อมกับระเบิดตัวเองทำให้นิโคไลต้องกระโดดหนีออกทางหน้าต่างก่อนที่จะฆ่าคาร์ลอสได้ ตามคลิปข้างล่าง
ซึ่งทางผู้เขียนเองก็คิดว่า...นายทหารหนุ่มไม่ทราบชื่อคนนี้ก็คงจะมีชะตากรรมแบบเดียวกัน แต่ว่าโนบิตะก็ได้ลองสำรวจศพของเขาดูและพบว่า..ภายในกระเป๋าเป้ของเขานั้นมีกล่องที่แข็งแกร่งมากอยู่ภายในซึ่งทำให้ของภายในไม่ได้รับผลกระทบจากแรงระเบิด และที่ด้านบนกล่องก็เขียนไว้ว่า.. "องค์ประกอบพื้นฐานของวัคซีน" เมื่อเปิดกล่องดูโนบิตะก็พบของบางอย่างเข้า
มันคือ....หลอดใสที่ใส่สารสีฟ้าอยู่ข้างใน มันคือ..."วัคซีนเบส (Vaccine Base)" ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนผสมสำคัญในการทำวัคซีนนั่นเอง...
"เจ้านี่ยังใช้เป็นวัคซีนไม่ได้แน่ๆ"
หลังจากนั้นโนบิตะจึงเดินออกจากห้องพร้อมกับหาห้องที่มีตู้เซฟตามที่โน้ตที่เขาพบในชั้นใต้ดินเขียนไว้ เขาลอเดินเข้าไปสำรวจที่ห้องด้านบน
ภายในห้องนั้นมีฝูงซอมบี้เป็นจำนวนมาก
"ไอ้เจ้าพวกนี้นี่มันน่ารำคาญจริงๆ.."
ดูเหมือนว่าภายในห้องนี้จะไม่มีตู้เซฟอะไรเลย แต่ก็ยังดีที่มีกรีนเฮิร์บให้เก็บอยู่บ้าง
โนบิตะจึงรีบวิ่งออกไปยังห้องฝั่งตรงข้าม...
ในที่สุดเขาก็พบว่าภายในห้องนี้มีตู้เซฟใบหนึ่งวางอยู่ ซึ่งต้องใช้รหัส 4 ตัวในการเปิด และเขาก็ยังคำจำมันได้...
เมื่อตู้เซฟเปิดออก เขาก็พบกับสมุดบันทึกเล่มหนึ่งวางอยู่
บันทึกของศาสตราจารย์แพทย์
เนื้อหาข้างในเขียนประมาณว่า อาจารย์แพทย์ประจำมหาวิทยาลัยคนนี้ได้ทำการค้นคว้าหาวิธีการรักษาอาการที่เกิดจากเชื้อทีไวรัสตอนที่สมองยังไม่ตายกลายเป็นซอมบี้เป็นเวลานาน และได้พบกับปัญหานานนับประการ อีกทั้งยังต้องคอยระมัดระวังคนบางคนที่จะช่วงชิงเอาผลงานไปอีก
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีจะสกัดสารสำหรับสร้างภูมิคุ้มกันทีไวรัสได้ แต่เขาก็ทำได้สำเร็จ และก็สามารถหาแนวทางการคิดค้นส่วนผสมที่ใช้ในการสร้างวัคซีนต้านทีไวรัสได้สมบูรณ์แบบแล้วด้วย ซึ่งแก้ไขได้แม้กระทั่งทีไวรัสเอส นั่นคือการนำส่วนผสมของสารสร้างภูมิคุ้มกันไวรัสที่เขาสกัดออกมาได้นำไปผสมกับส่วนที่เป็นวัคซีนเบส
หลังจากนั้น เขาบอกว่า ร่างกายของเขาเองก็เริ่มคันไปหมดแล้ว แถมรู้สึกเวียนหัวด้วย คงเป็นเพราะคงจะได้รับทีไวรัสเข้าไป... เขาคิดที่จะใช้ลองยาต้านทานไวรัสนี้กับตัวเอง แต่ปรากฏว่า เจ้าคนพวกนั้นก็แย่งชิงส่วนผสมบางอย่างไป และปล่อยให้เขาตาย.ใครก็ได้ช่วยที...
เจ้าไวรัสบ้านี่...มันจะทำให้เขาเริ่มแย่ และคิดว่า...ไม่ไหวแล้ว...แต่ยังไงซะ พวกมันก็ไม่มีทางเอาส่วนผสมตัวสุดท้ายจากเขาไปได้หรอก
หลังจากนั้นในบันทึกก็เต็มไปด้วยข้อความยาวยืดว่า มะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
(ซึ่งคนแคสต์ชาวญี่ปุ่นก็งงว่ามันจะสื่ออะไร -*- กันแน่? หรือเป็นแค่สิ่งที่ใช้บอกว่าคนเขียนบันทึกไม่ได้สติไปแล้วก็ไม่รู้)
โนบิตะยังพบหลอดบรรจุสารสีแดงไว้ข้างในตู้เซฟอีกอันซึ่งมันเขียนข้อมูลบนหลอดไว้ว่า...
"สารสร้างภูมิคุ้มกันทีไวรัส"
"สารสร้างภูมิคุ้มกันไวรัสกับวัคซีนเบส..เอาล่ะ...เท่านี้ก็ได้ส่วนผสมครบแล้วสินะ.."
โนบิตะจึงเดินทางกลับไปที่ชั้นใต้ดินอีกครั้งเพื่อหาวิธีนำสารทั้ง 2 อย่างมาผสมกัน
ที่ห้องเอกสารด้านใน โนบิตะได้ลองค้นหาเอกสารตามตู้หนังสือและในที่สุดเขาก็พบเอกสารที่จำเป็น
สิ่งนั้นคือ...เอกสารคู่มือการใช้งานเครื่องจักรผลิตวัคซีน
ห้องแลปที่เป็นที่ตั้งเครื่องจักรนั้นก็อยู่ด้านหลังห้องนี้พอดี แต่ก็มีฮันเตอร์ขวางอยู่ 1 ตัว โนบิตะจึงใช้ปืนเกรเนดลันเชอร์เก็บมันซะ...
หลังจากนั้นเขาก็มุ่งหน้าเข้าไปในห้องแลป
ภายในห้องแลปด้านในก็ดันมีฮันเตอร์อยู่อีก 1 ตัว
โนบิตะได้เปลี่ยนอาวุธเป็นปืนลูกซองพร้อมกับรีบวิ่งเข้าไปด้านในแล้วใช้โต๊ะเป็นที่กำบังก่อนที่จะยิงสวนฮันเตอร์จนมันตาย...
หลังจากเคลียร์ห้องเรียบร้อย เขาจึงเดินไปที่เครื่องจักรด้านในซึ่งเป็นเครื่องผสมวัคซีนตามที่เขียนไว้ในคู่มือ
ในคู่มือมันบอกว่า...การที่จะผสมวัคซีนได้นั้นต้องมีของ 3 อย่าง...
1) สารภูมิคุ้มกัน ภูมิต้านทาน แอนติบอดี้ อะไรพวกนี้ (ซึ่งก็คือสารสร้างภูมิคุ้มกัน-ทีไวรัสที่โนบิตะได้มาจากตู้เซฟนั่นแหละ)
2) วัคซีนเบส (สารพื้นฐานที่ใช้ในการสร้างวัคซีน)
3) สารเร่งปฏิกิริยา <<< เป็นสิ่งที่โนบิตะขาดอยู่..
ซึ่งเขาลองสำรวจที่หลอดแก้วเก็บอุปกรณ์ด้านข้างเขาก็พบว่ามันมีถังบรรจุสารเร่งปฏิกิริยาพอดี
เมื่อได้ส่วนผสมทุกอย่างครบ โนบิตะจึงจัดการใส่สารทั้ง 3 ลงไปตามที่คู่มือบอกไว้....
เครื่องจักรทำการประมวลผลสักพัก...ก่อนที่จะขึ้นคำเตือนออกมาว่า...
...กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ กรุณารอสักครู่...
โนบิตะได้มองสารทั้งสามตัวกำลังหมุนปั่นผสมกันภายในเครื่องจักรนั้น...
"เร็วเข้าซี่....คุณเซย์นะกำลังรออยู่นะ"
ซึ่งการดำเนินการนี้เขาไม่รู้เหมือนกันว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยเขาก็ภาวนาขอให้ทันก็พอ
ในระหว่างนั้นเองโนบิตะไม่รู้เลยว่า...มีใครบางคนนำของบางอย่างทิ้งมาไว้ในห้องโถงของโรงพยาบาลชั้น 1 ในตอนที่โนบิตะยังรอการผสมวัคซีนอยู่ที่ชั้นใต้ดิน
คนๆนั้นได้นำมันไปติดไว้ที่ผนังอาคารของโรงพยาบาล วัตถุชิ้นนั้นมันส่งเสียงร้องติ๊ดๆ พร้อมกับมีไฟสีแดงกระพริบเป็นระยะๆ....
สิ่งที่ติดอยู่บนผนังนั้นคือ.....
โปรดติดตามตอนต่อไป........
ท่านสามารถสลับไปอ่านเนื้อเรื่องของไจแอนท์ต่อได้ที่
=============================================================
คลิปบทสรุปเนื้อเรื่องในตอนนี้
ผู้ประสงค์ดีอยากทำลายแหล่งผลิตไวรัสแต่ประสงค์ร้ายเพื่อทำลายหลักฐาน
ตอบลบหึหึ ตามนั้น
ลบ