เมื่อตอนที่แล้ว >> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 10]
โนบิตะได้รวบรวมสิ่งของที่จำเป็นในการนำไปซ่อมรถรางไฟฟ้าได้ถึง 2 ชิ้นแล้ว เหลือเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือน้ำมันสำหรับเครื่องจักร....
และถ้าเขาได้ของทุกอย่างครบตามที่ต้องการ เขาก็จะสามารถเดินทางต่อไปยังหอนาฬิกา ที่ใช้เป็นเส้นทางหนีออกไปจากเมืองแห่งนี้ได้สักที
เนื้อเรื่องส่วนที่ 11 : เดินทางสู่หอนาฬิกา...
หลังจากที่เดินทางออกมาจากโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า โนบิตะได้ต่อสู้กับทินดาลอสและขับไล่มันไปได้อีกครั้ง..เขาได้ใช้ของที่มีอยุ่ในตัวรักษษาบาดแผลจนหายเป็นปกติ และออกเดินทางกลับไปยังเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่สถานีรถรางไฟฟ้าอีกครั้ง
ตามหาไอเท็มชิ้นที่ 3 : น้ำมันสำหรับเครื่องจักร
โนบิตะเดินทางผ่านฝูงซอมบี้กลับไปยังสถานีรถรางไฟฟ้า
แต่พอถึงทางแยกก่อนเข้าสถานี เขาได้เดินลงไปตามถนนทางทิศใต้
เพื่อมุ่งหน้าไปยังร้านขายของใกล้กับสถานีเสียก่อน...
"หวังว่าที่นี่คงจะมีหัวเชื้อเพลงที่ใช้ผสมกับน้ำมันดิบได้นะ.."
ภายในร้านค้า โนบิตะพยายามเดินดูสินค้าทั้งหมดที่เป็นไปได้ แต่ก็ไม่มีของที่เขาต้องการ เขาจึงลองเดินเข้าไปดูด้านในคลังสินค้าด้านใน เผื่อว่ามันจะมีเก็บไว้
เขาเดินไปตามเส้นทางด้านใน...
และก็ต้องพบกับปํญหาตรงที่ว่า ประตูเก็บของด้านในนั้นถูกล็อกด้วยระบบที่ต้องกรอกรหัสลงไป...
แถมประตูที่ล็ฮกนั้นเป็นประตูที่ถูกสร้างมาอย่างดีด้วยโลหะที่แข็งแกร่งมาก ต่อให้เขาใช้ปืนเกรเนดลันเชอร์ยิงใส่เข้าไปก็คงจะไม่พังลงง่ายๆแน่..
"บ้าจริง..."
โนบิตะจึงเดินกลับออกมา และเขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ใกล้กับเคาน์เตอร์แคชเชียร์ มันเป็นโทรทัศน์ที่ดูสะดุดตา เขาจึงตัดสินใจกดรีโมทเปิดดูมัน (ผู้หญิงในรูปตัวแทนโนบิตะนะ)
สิ่งที่ขึ้นบนจอโทรทัศน์นั้นคือโฆษณาสินค้าอย่างหนึ่ง
แต่โนบิตะสนใจสินค้าตัวหนึ่งซึ่งเป็นสินค้าขายดีของร้านและตั้งชื่อใหญ่โตเป็นพิเศษ ซึ่งมันมีชื่อว่า...
[ซากุรังไฮ] サクランハイ : Sakuranhai
"บางที ชื่อนี้อาจจะเป็นรหัสก็ได้"
โนบิตะคิดได้ดังนั้นจึงวิ่งวกกลับไปยังทางเดินในร้านและกรอกรหัสชื่อ 'ซากุรังไฮ' ลงไป ซึ่งเขาพบว่าตัวอักษรนั้นมีจำนวนพอดีเป๊ะเลย
หลังจากที่กรอกรหัสเสร็จเขาก็ได้ยินเสียงร้องติ๊ดๆ ที่ประตู และสัญญาณไฟสีแดงบนประตูก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้าทันที
"ใช้จริงๆด้วย"
แล้วโนบิตะก็เปิดประตูเข้าไป
ห้องด้านในดูเหมือนว่าจะเป็นห้องเก็บของขนาดเล็กที่ดูไม่กว้างนัก
และเขาก็สังเกตเห็นของสิ่งหนึ่งวางอยู๋บนโต๊ะ ซึ่งมันคือ..หัวเชื้อเพลิงผสมน้ำมันตามที่เขาต้องการพอดีเลย..
เขาจึงทำการผสมของทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน (กดใช้หัวเชื้อน้ำมัน แล้วนำไปผสมกับน้ำมันดิบที่มีอยู่) ก็จะได้น้ำมันผสมสำหรับเครื่องจักรที่สามารถนำไปใช้งานได้แล้ว..
รวบรวมของที่ต้องการครบทุกชิ้นแล้ว
แต่ตอนที่เขากำลังจะเดินออกจากห้องนั้นเขาได้ยินเสียงร้องครางอือๆ จำนวนมากดังออกมาจากข้างนอกประตู ดูเหมือนว่ามันจะอยู๋ด้านหน้าร้าน..
ทุกอย่างเกิดขึ้นตามคลิปข้างล่างทุกประการ
พวกซอมบี้จำนวนมากได้บุกเข้ามาในร้านที่โนบิตะอยู่!!
เมื่อโนบิตะเปิดประตูออกมาเขาก็พบว่า พวกซอมบี้นั้นบุกมาถึงทางเดินแล้ว... ถ้าเป็นเมื่อ 5 เดือนก่อน โนบิตะคงจะรู็สึกกลัวและแปลกใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่ว่าตอนนี้..
"เจ้าพวกนี้นี่น่ารำคาญ ซะจริง..."
โนบิตะได้เอาปืนเก็บไปพร้อมกับหยิบมีดพกขึ้นมา...
เขาเดินหลบการจู่โจมของซอมบี้ตัวแรกพร้อมกับใช้มีดพุ่งโจมตีสวนกลับ..
ฉัวะ!!
คมมีดพกพุ่งปาดลำคอของซอมบี้ตัวนั้นอย่างแรง
จนคอกระเด็นหลุดออก...
ซอมบี้ตัวต่อมาก็เดินมาที่เขาเรื่อยๆ โนบิตะจึงเอี้ยวหลบแขนของซอมบี้ พร้อมกับเชือดมันกลับ..ซอมบี้ตัวที่สองล้มลงนอนตายอย่างง่ายดาย...
"กว่าจะจัดการพวกมันหมดคงเสียเวลาแน่..ถ้างั้น..."
เมื่อเห็นทางเดินช่องว่างเกิดขึ้นข้างตัวซอมบี้เล็กน้อย โนบิตะจึงรีบวิ่งเดินอ้อมพวกซอมบี้ออกไปด้านหน้าร้านทันที....
บริเวณร้านค้าด้านหน้าก็มีพวกซอมบี้เดินเพ่นพ่านเต็มไปหมดเหมือนกัน
เนื่องจากเป็นทางเดินแคบ ไม่มีที่ให้หลบพอที่จะควงมีดต่อสู้ โนบิตะจึงเปลี่ยนอาวุธเป็นปืนพกยิงเข้าใส่กลางศีรษะของซอมบี้ที่อยู่ใกล้ทางออกมากที่สุดอย่างแม่นยำจนมันล้มแน่นิ่งไป
เขาจึงสามารถเดินหนีออกจากร้านพร้อมกับของอื่นๆได้อย่างง่ายดาย...
โนบิตะรีบวิ่งกลับมายังสถานีรถรางไฟฟ้าพร้อมกับของทุกอย่างให้เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
จนถึงตัวสถานที... เขาจึงรีบเดินขึ้นไปบนรถรางไฟฟ้า
ภายในนั้นยังคงมีคนกลุ่มเดิมที่รอเขาอยู่ ซึ่งได้แก่นายทหาร 2 คน โอทากะกับโรวฮะซึ่งดูเหมือนว่า พวกเขาจะซ่อมแซมรถรางเรียบร้อยแล้ว นายทหารสองนายดีใจมากที่ได้เจอโนบิตะอีกครั้ง และก็เอ่ยชมโนบิตะว่าเก่งมากที่เอาของพวกนี้กลับมาได้โดยไม่ตายเสียก่อน โอทากะที่อยู่ด้านหน้าจึงได้เอาของที่โนบิตะหามาได้นำไปซ่อมแซมรถเพิ่มเติมในส่วนที่ขาดหายไป
ส่วนเซย์นะก็ยังคงนอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนเบาะที่นั่ง
"คุณเซย์นะ......."
"เฮ้ย ไอ้หนู...ฉันบอกแล้วไงว่า แฟนของเธอน่ะไม่เป็นไรหรอก"
"เอ๋ ผมกับคุณเซย์นะ ไม่ได้....."
"อย่าโกหกน่า ไอ้หนู...ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยแบบนั้น ดูยังไงก็เป็นแฟนกันชัดๆ เฮ้อ พวกวัยรุ่นนี่ดีจังเลยน้า...."
ดูท่าทางโรวฮะจะไม่ฟังโนบิตะพูดอีกต่อไปแล้ว แถมเขายังจินตนาการอะไรแปลกๆเกี่ยวกับโนบิตะกับเซย์นะอีกด้วย
โนบิตะจึงตัดสินใจเดินเข้าไปคุยกับโอทากะที่ได้นำของที่โนบิตะหามาใส่ลงในช่องภายในรถรางไฟฟ้า
"เอาล่ะ ฉันได้จัดการเปลี่ยนฟิวส์และสายเคเบิ้ลให้รถรางใหม่แล้ว ขอเวลาเติมน้ำมันอีกนิดนึงนะ"
"เท่านี้ก็คงจะเรียบร้อยแล้วล่ะละ ทำได้เยี่ยมมากไอ้หนู.."
โรวฮะก็ได้บอกโอทากะว่า...ผู้พันเองก็เข้าไปรอในรถรางทางตู้ด้านหลังเรียบร้อยแล้ว ทางเราคงไม่มีธุระที่จะอยู่ที่นี่ต่อแล้วล่ะ ออกเดินทางเลยเถอะ!!
คำพูดของโรวฮะทำให้โนบิตะรู้ว่าผู้พันฮารุนะก็อยู่บนรถรางคันนี้ด้วย แต่อยู่ตู้ด้านหลัง
"อืม ...ตอนนี้รถรางก็พร้อมใช้งานแล้ว เราจะออกเดินทางกันแล้วนะ"
โอทากะจึงได้ถามย้ำโนบิตะว่า จะออกเดินทางเลยไหม...
- ใช่
- ไม่ใช่..
(ถ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วก็ออกเดินทางได้เลย...)
"ผมพร้อมแล้วครับ ออกเดินทางได้เลย.."
"เอาล่ะ...ไปกันเถอะ...มุ่งหน้าสู่หอนาฬิกา..."
โอทากะซึ่งรับหน้าที่เป็นคนคุมรถจึงได้กดสวิตช์เดินรถทันที..
รถรางไฟฟ้าได้วิ่งออกจากสถานีมุ่งหน้าไปตามรางผ่านเมือง R
(เนื้อหาตรงนี้จะมีเฉพาะเสียงกับบทสนทนาไม่มีภาพให้ดู)
"บรรยากาศข้างนอกหน้าต่างนั่นแย่ชะมัดเลยนะ.."
โรวฮะได้พูดออกมาขณะที่เขามองดูวิวผ่านทางหน้าต่างซึ่งเห็นสภาพของเมือง R อดีตเมืองท่องเที่ยวที่สวยงามในปัจจุบันเต็มไปด้วยเพลิงไหม้นับไม่ถ้วน แถมยังมีซอมบี้เดินกันเพ่นพ่านตามเมือง...
"นั่นสินะ..." โอทากะก็ทักตอบขณะที่คอยปรับความเร็วรถรางให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
"พวกซอมบี้ข้างนอกหน้าต่างนั่นมี 5 หมื่นกว่าตัวได้มั้งน่ะ ทำไมมันถึงได้เพิ่มจำนวนเร็วแบบนี้นะ?"
โอทากะพูดเสริม
"ไม่รู้สิ....เจ้าพวกซอมบี้นั่นก็คนในเมืองนี้นี่แหละ...ถ้าพวกฉันกลายเป็นแบบนั้นก็คงจะรู้สึกแย่สุดไปเลยนะว่าไหม?"
โนบิตะได้แต่นั่งเงียบๆฟังเสียงพูดคุยของสองทหารหนุ่มไปเรื่อยๆ
"เอ๊ะ...เมื่อกี้!!..."
ดูเหมือนโนบิตะจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างด้านนอกหน้าต่างขณะที่รถรางกำลังวิ่งอยู่..
เพล้ง!!
พวกเขาทุกคนได้ยินเสียงกระจกแตกดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของรถราง ตามด้วยเสียงร้องของผู้พันฮารุนะที่นั่งอยู่ด้านหลัง
"เสียงกระจกแตกมันดังมาจากตู้ด้านหลังน่ะ!!!"
โรวฮะเป็นคนเอ่ยปากขึ้นมาก่อน..
"ตู้ที่ท่านผู้พันอยู่งั้นเหรอ!?" โอทากะได้บอกย้ำ..เขารู้สึกไม่ดีเลยว่าจะเกิดขึ้นอะไรกับผู้พันที่อยู่ในตู้ด้านหลังหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่อาจจะทิ้งหน้าที่คนควบคุมรถรางไปได้
"ไปดูกันเถอะครับ..."
โนบิตะกับโรวฮะจึงเป็นคนอาสาออกไปดูสถานการณ์ที่ตู้ด้านหลัง..
โนบิตะได้วิ่งนำโรวฮะเปิดประตูเชื่อมออกไปยังตู้ด้านหลัง โนบิตะมองเห็นผู้พันฮารุนะถือปืนกลกำลังสู้กับอะไรบางอย่างอยู่ และเมื่อเขามองตรงไปที่ด้านในของตู้ด้านหลังเขาก็ต้องตกใจ...
"มันตามมาถึงที่นี่เลยเหรอ!!!"
หมาสามหัวทินดาลอสยังคงไม่ลดละความพยายามที่จะไล่ตามโนบิตะถึงขนาดกระโดดพังกระจกเข้ามาหาในขณะที่เขาอยู่บนรถรางที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงอยู่เลยทีเดียว
"บะ บ้าน่า...."
"มาที่นี่ทำไม...ไอ้หนู!!! รีบไสหัวกลับไปซะ!!" ฮารุนะที่กำลังยิงต่อสู้กับทินดาลอสอยู่ตวาดใส่โนบิตะทันที เพราะเขาไม่ต้องการให้โนบิตะเข้ามายุ่งเรื่องนี้..
"ตะ แต่ว่า คุณฮารุนะ...!!"
"ที่นี่ฉันจัดการเอง!! โรวฮะ รีบเอาตัวไอ้หนูนี่ไปเร็วเข้า!!!"
ผู้พันฮารุนะจึงรีบสั่งให้โรวฮะที่ตามโนบิตะเข้ามาติดๆพาโนบิตะกลับไปที่ตู้ขบวนแรกทันที เขาไม่อยากให้คนอื่นเข้ามายุ่งกับการต่อสู้ที่อันตรายตรงนี้
ถ้าเป็นในเกมตรงนี้จะเป็นฉากบังคับสู้กับทินดาลอสโดยมีผู้พันฮารุนะคอยยิงสนับสนุน ซึ่งการต่อสู้ตรงนี้จะไม่ยากมากนัก..เพราะพี่ท่านยิงใส่ทินดาลอสโดนทุกนัด...แต่ถ้าเป็นในเนื้อเรื่องจริงเราคิดว่าโนบิตะคงจะไม่ได้ต่อสู้ตรงนี้เลยตัดฉากที่โนบิตะต่อสู้ทิ้งไป...
โรวฮะยังคงลังเล เพราะถ้าหากเขาพาโนบิตะไปนั่นก็หมายความว่า ผู้พันต้องเป็นคนสู้กับเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ตามลำพัง!!
"เร็วเข้าสิ!! โรวฮะ!!"
ผู้พันฮารุนะตะคอกหนักขึ้นเพราะตอนนี้มันได้บุกเข้ามาประชิดตัวแล้ว
โรวฮะกับโนบิตะจึงได้เดินทางถอยกลับไปยังตู้แรกตามคำสั่งของฮารุนะ พวกเขาทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้พันฮารุนะบ้าง ซึ่งสิ่งที่ทั้งคู่รับรู้มีเพียงเสียงที่ดังออกมาเท่านั้น (ฟังได้ในคลิปข้างล่าง)
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือ...
ขณะที่รถรางกำลังแล่นต่อไป..
"เข้ามาเลย!! ไอ้สัตว์ประหลาด!! ฉันจะจัดการแกเอง!!!"
ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
กระสุนปืนกลในมือของฮารุนะยังคงสาดใส่เป้าหมายอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนว่าจะโดนเป้าหมายหรือไม่..
จนกระทั่ง...
แกร่กๆๆๆๆๆๆๆ
(เชี่ยแล้ว ลูกปืนหมด....)
ฉัวะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!
ในตอนนั้นเองฮารุนะจึงถูกเจ้าทินดาลอสกระโดดใช้กรงเล็บแทงทะลุร่างของเขาอย่างจัง เขาจึงพยายามใช้แรงทั้งหมดฟาดเข้าไปที่ทินดาลอสจนมันร้องเอ๋งถอยกลับไป ก่อนที่จะล้มลงไปนอนบนพื้นจมกองเลือด
..
ทินดาลอสยังคงไม่หนีไปไหนไกล มันยังคงเดินย่างเท้าเข้ามาหาเขาอีกครั้งซึ่งดูเหมือนว่าคราวนี้มันตั้งใจจะปลิดชีพเขาจริงๆแน่ๆ
"ไอ้สัดเอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!! ตาย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"
ฮารุนะเองก็คิดว่าเขาคงไม่อาจจะรอดพ้นเงื้อมมือของมันได้จึงตัดสินใจหยิบของสิ่งหนึ่งมาไว้ในมือ
พร้อมกับดึกสลักออกมา...
ตูมมมมม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ฮารุนะได้ทำการระเบิดพลีชีพตนเองไปพร้อมกับทินดาลอสทำให้ร่างของมันถูกระเบิดเข้าอย่างจังจนกระเด็นตกจากรถรางที่กำลังวิ่งอยู่...
ท้ายที่สุดแล้วผู้พันฮารุนะก็กลายเป็นทหารผู้เสียสละแบบมิคาเอลที่ต่อสู้กับเนเมซิสบนรถรางใน RE 3 จนได้..
เหมือนเหตุการณ์ย้อนรอยอีกครั้ง....
"ไม่นะ....คุณฮารุนะ......."
"ไม่จริงใช่ไหม...ผู้พัน......... ผู้พัน!"
โรวฮะเองก็ช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้นข้างหลังตู้ หลังจากเกิดการระเบิด
"ไอ้ปีศาจหมาบ้านั่นมันอะไรกันน่ะ!!! ทำไมผู้พันถึงได้....!!"
"..ถึงผู้พันจะโดดหนีระเบิดไปได้ แต่ตอนนี้รถรางนี้วิ่งด้วยความเร็วถึง 80 กิโลเมตรตัวชั่วโมงเชียวนะ ถ้าโดดไปตอนนี้ล่ะก็... "
"โรวฮะพอเถอะ...เรื่องนั้นฉันก็เสียใจนะแต่...."
"แรงระเบิดเมื่อครู่นี้ดูเหมือนจะทำให้เบรกรถรางนี่พังเสียแล้วล่ะ..."
ยังไม่ทันที่พวกเขาทุกคนจะได้เสียใจกับการจากไปของฮารุนะ..ก็มีเรื่องเลวร้ายอื่นๆตามมาติดๆ ถ้าหากรถรางนี่วิ่งด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยไม่มีเบรค...
!!!!!!
โครม!!!!!!!!!!!!!!!!
ทันใดนั้นก็เกิดแรงสั่นสะเทือนของรถรางอย่างรุนแรง...ซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่ารถรางนี้ไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไปแล้ว
"หวา!!"
"ชิบหายแล้ว!!! รถควบคุมไม่อยู่แล้ว!!! แบบนี้ชนหอนาฬิกาแน่!!"
"หนีต้องหนีเท่านั้น"
ตอนนั้นเองก็ได้เกิดตัวเลือกว่าโนบิตะจะทำอย่างไรระหว่าง
- โดดหนีออกทางหน้าต่างก่อนรถไฟจะชน
- ใช้เบรกฉุกเฉิน
แน่นอนว่าโนบิตะต้องเลือกเบรกฉุกเฉินเพราะว่า ถ้าเขาโดดหนีไปแล้วใครจะดูแลเซย์นะ เขาไม่อาจจะทิ้งเซย์นะที่ยังบาดเจ็บไม่ได้สติไว้คนเดียวบนรถรางแน่ๆ..ซึ่งแน่นอนว่า พอโนบิตะเลือกที่จะหาทางหยุดรถดู พวกทหารทั้งสองคนซึ่งได้แก่โรวฮะกับโอทากะก็โดดลงจากรถรางไปแล้ว...
"เอ๋...เบรกฉุกเฉิน เบรกฉุกเฉิน ปุ่มไหนเนี่ย!? "
โนบิตะมองเห็นปุ่มสีแดงในกระจกที่อยู่บนแผงควบคุม เขาจึงรีบทุบกระจกปุ่มกดทันที
"ปุ่มนี้ล่ะมั้ง..แย่แล้ว!!!!!!!!!!!!"
โนบิตะจึงกดปุ่มสีแดง แต่ดูเหมือนว่ามันไม่สามารถเบรกรถรางที่พุ่งด้วยความเร็วสูงนี้ไม่ไหวแล้ว..
โครมมมมมมมมมมมมมม!!!!!
ทุกอย่างเป็นไปตามคลิปนี้...
รถรางได้พุ่งกระแทกเข้ากับกำแพงของหอนาฬิกาเข้าอย่างจัง....
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงหอนาฬิกาจนได้....
to be continue......
>>>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 12]
พักเบรกเนื้อเรื่องของโนบิตะ ย้ายไปอ่านเนื้อเรื่องของฝั่งไจแอนท์บ้าง >>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 11.5] : Side Story - ภาคไจแอนท์ (ตอนที่ 2)
>>>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 12]
พักเบรกเนื้อเรื่องของโนบิตะ ย้ายไปอ่านเนื้อเรื่องของฝั่งไจแอนท์บ้าง >>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 11.5] : Side Story - ภาคไจแอนท์ (ตอนที่ 2)
สนุกสุดๆ วู้ๆ ไปเลยพ่อหนุ่ม(แว่น)
ตอบลบ...เดาไม่ผิดจริงๆ สังหรณ์ใจตั้งแต่ได้ยินเสียง "เพล้ง" แล้ว(ว่ามันต้องมาตามตื้อต่อไปแน่ ==) ส่วนผู้พันฮารุนะก็....มาเร็วไปเร็วจัง
ตอบลบเป็นอย่างที่คิดจริงๆ ผู้พันฮารุนะ รูปนั้นใบ้จริงๆด้วย
ตอบลบฮะๆๆๆๆๆ
ลบฮารุนะซาม้าาาาาาT_T
ตอบลบไล่ล่าสุดขั้วโลกจริงๆเว้ยเฮ็ย
ตอบลบโดนโปรแกรมไว้ในสมองก็ต้องตามให้ถึงที่สุดน่ะนะ
ลบ