" />

วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 20]

ความเดิมตอนที่แล้ว >> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 19]

ในระหว่างที่โนบิตะกำลังหาทางปลดล็อกระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆของโรงงานเพื่อใช้งานระบบต่างๆในการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังภายนอก

เขาได้เผชิญหน้ากับทินดาลอสอีกครั้งในห้องกำจัดขยะซึ่งมีเวลาจำกัด ก่อนที่ทุกอย่างในห้องนั้นจะถูกส่งลงไปยังบ่อกำจัดขยะ


การต่อสู้กับมันในครั้งนั้น โนบิตะสามารถเอาชีวิตรอดได้อย่างหวุดหวิด พร้อมกับทำให้ทินดาลอสตกลงไปในบ่อกำจัดขยะในโรงงานได้สำเร็จ....


แต่ภารกิจของโนบิตะก็ยังไม่เสร็จสิ้น...เขายังมีหน้าที่ที่ต้องทำต่อ...







เนื้อเรื่องส่วนที่ 20 : หลบหนีออกจากโรงงาน!!


โนบิตะรู้สึกมึนหัวหลังจากที่เขาออกมาจากห้องกำจัดขยะได้ และเริ่มมีอาการดีขึ้น  ดวงตาสีแดงของเขาเริมกลับมาสู่สภาพปกติ

"อุ...ค่อยยังชั่วหน่อย"

หลังจากที่เขารู้สึกดีขึ้น....

"กะ...ใกล้จะเช้าแล้ว!!  เวลาไม่มีแล้ว!! โถ่เว้ยยย!!"


โนบิตะพูดกับตัวเองก่อนที่จะวิ่งไปยังห้องที่ยังล็อกอยู่ ซึ่งต้องเดินผ่านห้องปฏิบัติการหลัก และที่แห่งนั้นเขาก็พบกับ...


"คะ คุณเซย์นะ!?"


โนบิตะพบว่าเซย์นะกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ที่เครื่องฉายสไลด์และคอมพิวเตอร์ภายในห้องนั้น หลังจากที่ได้ยินเสียงของโนบิตะ เซย์นะจึงหันมาพูดกับเขา



เธอบอกว่า เธอกำลังดาวน์โหลดและรวบรวมข้อมูลการทดลองต่างๆที่เกิดขึ้นที่นี่เผื่อว่ามันจะช่วยเหลือพวกเดคิสุงิที่กำลังถอดรหัสข้อมูลอยู่นอกเมืองได้บ้าง

นอกจากนั้นเธอยังบอกเพิ่มเติมว่า ข้อมูลต่างๆที่อยู่ที่นี่จะถูกขโมยไปก่อนหน้านั้นเยอะพอดู แต่ยังโชคดีที่มันยังไม่ได้สูญหายไปซะหมด ซึ่งเธอพยายามจะรวบรวมออกไปให้ได้มากที่สุด  เธอไม่ยอมหนีออกจากเมืองนี้มือเปล่าแน่นอน...





โนบิตะเข้าใจเรื่องที่เซย์นะพูด และดูเหมือนว่าเป็นเรื่องดีที่ให้เธอทำหน้าที่นี้...


แต่เขาก็เตือนให้เซย์นะรีบทำทุกอย่างให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เป็นพอ เพราะเวลานั้นใกล้จะหมดลงทุกทีแล้ว อะไรที่มันยังไม่เสร็จก็ขอให้ทิ้งไว้ก่อนก็ได้ เอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อนดีกว่า



"ถ้าไม่รีบหนีออกจากที่นี่ล่ะก็แย่แน่ๆ.."



"อือ เข้าใจแล้ว ถ้าเสร็จแล้วฉันจะรีบตามไปทันที...!!"


หลังจากนั้นโนบิตะจึงเดินเข้าไปส่วนห้องด้านในสุด เขาสามารถใช้คีย์การ์ดที่ได้มาจากห้องกำจัดขยะเปิดมันได้



หลังจากที่เข้ามาข้างในได้ มันเป็นห้องเก็บของที่ควรค่าแก่การสำรวจ และพบว่ามีตู้ใบหนึ่งล็อกอยู่และที่ป้ายด้านหน้าตู้นั้นบอกรายละเอียดไว้ว่าสิ่งของที่อยู่ในตู้นั้นมีค่ามาก โนบิตะจึงคิดว่า มันควรค่าแก่การสำรวจดู ซึ่งมันไม่มีรูเสียบกุญแจ แต่มีช่องเสียบแถบเล็กๆอยู่

โนบิตะลองใช้แถบบัตรกุญแจโรงงานที่ได้มาใน [เนื้อเรื่องส่วนที่ 18] ใส่เข้าไป




แต่มันกลับขึ้นคำเตือนมาว่า...ระดับของแถบบัตรนี้อยู่ในระดับที่ไม่สามารถอนุญาตให้ใช้งานได้



โนบิตะจึงลองอ่านป้ายแถบกุญแจดูซึ่งมันบอกว่าจะแถบบัตรนี้สามารถนำไปอัพเดทข้อมูลภายในได้โดยการนำเสียบเข้ากับเครื่องตอกบัตรที่ห้องควบคุมชั้นใต้ดิน


"ปัดโถ่เว้ย!! อย่าบอกนะว่าต้องกลับไปที่นั่นอีกแล้ว!!"

แน่นอน โนบิตะต้องวิ่งกลับไปมุดท่อระบายน้ำชั้นใต้ดินเพื่อกลับไปที่ห้องควบคุมระบบการตรวจสอบคุณภาพน้ำอีกครั้งซึ่งที่นั่นมีเครื่องตอกบัตรอยู่ และรูเสียบนั้นก็พอดีกับแถบบัตรติดกุญแจพอดีเป๊ะ



โนบิตะจึงเอาแถบบัตรเสียบเข้าไป.....จนกระทั่งมีเสียงติ๊ด!!


เขาจึงรีบวิ่งเอาแถบบัตรติดกุญแจที่มีการอัพเดทแล้ววิ่งมุดท่อกลับไปยังห้องเดิมอีกครั้ง ปรากฏว่าครั้งนี้สามารถใช้งานได้แล้ว




และสิ่งที่อยู่ในตู้ก็คือ....


"นะ...นี่มัน...สุดยอดอาวุธ.....ร็อคเก็ตลันเชอร์ (Rocket Launcher)!! "



ถึงมันจะเป็นอาวุธที่ดูเทอะทะและน้ำหนักมาก แต่โนบิตะรู้สึกได้ว่า เขาควรยอมทนลำบากแบกมันไปด้วย เพราะเหตุผล 2 ข้อ คือ
1) เขาอุตส่าห์วิ่งมุดท่อไปอัพเดทแถบบัตรในระยะทางไกล
2) เขารู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างว่ามันจะได้ใช้ในเร็วๆนี้



เมื่อสำรวจเรียบร้อยครบทุกอย่างแล้ว เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปที่หนึ่งที่มีประตูกั้นอยู่ และเขาสามารถใช้คีย์การ์ดเปิดประตูได้


ภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยแผงควบคุมและวิทยุสื่อสารต่างๆจำนวนมาก


เหมือนกับห้องใน RE3 ห้องนี้

และมีลิฟต์อยู่ด้านใน แต่ก่อนที่โนบิตะจะเดินเข้าไปในลิฟต์....ก็มีคนโผล่มาทักโนบิตะสองคน



"เจ้าหนู!!"

คนแรกคือโอทากะ




"โนบิตะคุง"
ส่วนอีกคนคือเซย์นะ ซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะสะพายกระเป๋าบางอย่างออกมาด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอคงจะเก็บข้อมูลเรียบร้อยแล้ว


"คุณโอทากะ!!  คุณเซย์นะ!!..."

สถานที่ที่โนบิตะอยู่ตอนนี้คือหอบังคับการที่มีวิทยุสื่อสารติดต่อกับภายนอกได้ โนบิตะตัดสินใจที่จะลงลิฟต์ไปสำรวจเส้นทางล่วงหน้าเป็นครั้งสุดท้าย  ส่วนโอทากะพยายามจะใช้วิทยุในนี้ติดต่อเรียกคนรู้จักเพื่อนำเฮลิคอปเตอร์มารับ โดยที่มีเซย์นะคอยช่วยหาเครื่องส่งสัญญาณหรือพลุไฟอยู่ภายในห้องนี้



"ถ้างั้นรีบไปให้ไวเลยนะ เจ้าหนู!! อีก 1 ชั่วโมงก็จะถึงรุ่งเช้าแล้ว!!"



"วะ  เวลาน้อยขนาดนั้นเลยเหรอครับ!?"

เมื่อได้ยินที่โอทากะบอก เขารู้สึกตกใจไม่น้อย ดูเหมือนว่า...เวลาจะผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน...



"เรื่องการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือฉันกับคุณโอทากะจะจัดการเอง 
โนบิตะคุงรีบล่วงหน้าไปก่อนได้เลยนะ"


"เฮลิคอปเตอร์ขนส่งจะลงจอดที่ลานกว้างข้างนอกนั่น..ทุกคนรีบจัดการธุระให้เรียบร้อยซะ เร็วเข้า!!"

โอทากะได้บอกกล่าวอีกครั้ง


"เข้าใจแล้วครับ!!"


หลังจากนั้น โนบิตะจึงลงลิฟต์ล่วงหน้ามาเป็นคนแรก 


ทันใดนั้นก็เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงพร้อมเสียงประกาศแจ้งเตือนขึ้นมาว่า...

[ตรวจพบภัยอันตรายระดับสูงสุด (ระดับ A) ระบบจะทำการปิดล็อกทางเข้าออกทั้งหมดทั่วโรงงานภายในเวลา 10 นาที...ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกนายรีบอพยพออกจากโรงงานทั้งหมด]


และในตอนนั้นเอง โนบิตะก็รู้สึกได้ว่า ประตูลิฟต์ที่เขาพึ่งลงมาถึงชั้นล่างนั้นได้ทำการปิดล็อกประตูอีกระดับไว้ ทำให้เขาไม่สามารถกลับออกไปทางเดิมได้อีกแล้ว!!



"บ้าเอ้ย!! ต้องรีบหาทางออกทางอื่นโดยด่วนแล้วแบบนี้!!"


เพื่อเพิ่มความมันส์กรุณาฟังเสียงธีมนี้ไปด้วย



มีเวลาเพียง 10 นาที เท่านั้นที่โนบิตะจะต้องรีบวิ่งหาทางออกจากโรงงานบ้านี่ (พร้อมกับแบกร็อคเก็ตลันเชอร์ไปด้วย) และมุ่งไปยังจุดนัดพบของพวกโอทากะให้เร็วที่สุด


เส้นทางด้านหน้าเขานั้นเต็มไปด้วยฝูงซอมบี้และซากศพที่เกิดจากการทดลองต่างๆมากมายที่ถูกนำมาทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก


ซึ่่งระหว่างทางนั้นมีเอกสารบางอย่างอยู่ใกล้กับศพ โนบิตะจึงหยิบมันขึ้นมาอ่านระหว่างที่วิ่งหลบพวกซอมบี้ในระหว่างทาง (พร้อมกับแบกร็อคเก็ตลันเชอร์ไปด้วย)


เอกสารชิ้นนั้นคือ คู่มือโรงงานเตาเผา (Incinirator Manual)



โรงงานเตาเผาเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ใช้กำจัดสิ่งปฏิกูลที่เกิดจากสถาบันค้นคว้าในแต่ละแห่ง โดยจะมีการนำวัสดุเครื่องมือค้นคว้าแบบเก่าๆ หรือสิ่งปฏิกูลที่ไม่สามารถใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์กำจัดได้ มาเผาทำลายในที่แห่งนี้เพื่อนำพลังไฟฟ้าที่ได้มาจ่ายเป็นกำลังไฟไปให้กับทางศูนยืวิจัย


บางส่วนของกำลังไฟฟ้าหลักที่เกิดจากการปั่นไฟ จะถูกสะสมไว้ที่แบตเตอรี่สำรองขนาดใหญ่ซึ่งติดตั้งอยู่ในชั้นใต้ดินของโรงงาน โดยจะทำหน้าที่เป็นแหล่งไฟสำรองในยามฉุกเฉิน



ในตอนแรกนั้นแผงวงจรแหล่งไฟฟ้าฉุกเฉินจะเริ่มทำงานได้ด้วยการนำตัวแผงวงจรฉุกเฉินทั้ง 3 อันไปเสียบเข้ากับช่องต่อ



หากไม่สามารถเสียบต่อได้ ก็ยังมีวิธีบังคับให้ตัวระบบที่ทำงานอีกวิธีหนึ่ง ด้วยการนำตัวแผงวงจรฉุกเฉินทั้งหมดไปเสียบใส่แล้วทำการป้อนข้อมูลลงไป



หลังจากที่โนบิตะอ่านจบ....

"มะ...ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย...."


หลังจากที่วิ่งมาจนสุดทาง ก็มีประตูเชื่อมต่อไปยังทางเดินส่วนถัดไป ซึ่งทางเดินบริเวณนี้ เต็มไปด้วยซากศพและซากปรักหักพังจำนวนมาก


และดูเหมือนว่าที่ศพที่อยู่ตรงปลายทางเดินจะมีเอกสารวางกระจัดกระจายอยู่ด้วย โนบิตะรู้สึกสนใจเอกสารตัวนั้นเล็กน้อย ตรงที่เอกสารชิ้นนั้นมีภาพถ่ายของอะไรบางอย่าง...


มันเป็นรูปของเครื่องจักรที่ดูแปลกตา...


และเอกสารที่อยู่ด้านข้างนั้นเขียนไว้ว่า...แฟ้มภาพถ่ายลับสุดยอด (Classified Photo)


การนำอาวุธ  "มิสเทลทีน (Mistilteinn : ミステルテイン)" ที่ว่านี้ ไปใช้ในการต่อสู้กับพวก B.O.W. จริงๆ คิดว่ายังเร็วเกินไปหน่อย แต่ถ้ามันจำเป็นจริงๆ ก็น่าจะนำมาใช้เป็นไพ่ตายสำหรับแผนการกำจัด B.O.W. ที่มีขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างจากไวรัสที่พัฒนาขึ้นโดยอัมเบรล่าเท่านั้น  ปืนใหญ่สนามไฟฟ้าหรือเรลแคนนอน (Rail Cannon) ชิ้นนี้มีความรุนแรงมาก ต้องใช้อย่างระมัดระวังและด้วยเกียรติแห่งประเทศญี่ปุ่น จะขอให้ใช้อาวุธที่ยิ่งใหญ่นี้ ขยี้พวกวายร้ายแหล่านี้ให้สิ้นซาก!!






**เนื้อหาเอกสารนี้มีความคล้ายคลึงกับเอกสารชิ้นสุดท้ายใน RE3 มาก!! แต่มีการเปลี่ยนแปลงบางส่วนตามตัวอักษรสีแดง1) ชื่อมิสเทลทีน (Mistilteinn) ในนี้เป็นการตั้งชื่อใหม่ ซึ่งตามต้นฉบับภาษาอังกฤษของ RE3 ก็คือ "ดาบมารแห่งพาราเคลซุส (Demon Sword of Paracelsus)" ซึ่งเป็นชื่อที่แท้จริงของปืนใหญ่เรลแคนน่อนในเกม RE3  ซึ่งในเวอร์ชั่นนี้เวอร์ชั่นนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็นมิสเทลทีน
(เอ่อ ยัยนี่คือ มิสเทลทีน จากเรื่อง Yumekui Merry) 

และชื่อมิสเทลทีนนี้เอง ก็ยังเป็นชื่อของดาบปีศาจตามตำนานนอร์สอีกด้วย ซึ่งถ้าใครเคยเล่นเกมแร็กนาร็อก (Ragnarok) อาจจะรู้จักมอนสเตอร์ดาบปีศาจที่ชื่อมิสเทลทีน 
 
สรุปคือถึงตัวเกมจะเปลี่ยนชื่อไปแต่ความหมายของสิ่งนั้นยังคงคอนเซ็ปเดิม...คือชื่อ ดาบปีศาจสามารถอ่านข้อมูลของดาบมิสเทลทีนเพิ่มเติมได้ที่ >> http://en.wikipedia.org/wiki/Mistilteinn
2) แผนการกำจัด B.O.W. ขนาดใหญ่ แปลงมาจากต้นฉบับที่เขียนไว้ว่า แผนการแย่งชิง จี-ไวรัส (G-Virus)
3) ต้นฉบับประเทศสหรัฐ ก็เปลี่ยนเป็นญี่ปุ่น


"....เรลแคนน่อน? มิสเทลทีน ยังงั้นเหรอ?"

หลังจากนั้นโนบิตะจึงเดินเข้าไปในห้องถัดไป ซึ่งเป็นห้องโถงที่มีขนาดกว้างใหญ่...และในตอนนั้นเองก็เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง


"วะ เหวอ!? แผ่นดินไหวงั้นเหรอ!?"


หลังจากนั้นพอเขาหันไปมองที่ประตูดด้านหลังที่เขาพึ่งเข้ามา ปรากฏว่าประตูนั้นถูกแรงสั่นสะเทือนเมื่อสักครู่บีบอัดจนพังและไม่สามารถใช้การได้อีก

เหมือนกับตอนที่จิลเข้ามาในห้องเปี๊ยบ!

โนบิตะสังเกตเห็นว่าภายในห้องด้านหน้าเขามีอาวุธปืนไรเฟิลขนาดใหญ่วางอยู่


มันคือปืนไรเฟิลพลังสูงที่สามารถยิงต่อสู้กับรถถังได้ มันคือ ปืนไรเฟิลบาเร็ต M82 (Barrett M82)




โนบิตะจ้องมองปืนกระบอกนั้นสักพักพร้อมกับลองหยิบมันขึ้นมาสำรวจดู (โดยที่วางร็อคเก็ตลันเชอร์ลงไปบนพื้นก่อน) มันมีน้ำหนักค่อนข้างมากพอสมควร...

"ปืนนี่..มีกระสุนด้วย  ดูแล้วท่าทางจะเป็นอาวุธที่มีพลังร้ายกาจน่าดู..."

แต่ตอนนี้เขายังไม่สนใจปืนไรเฟิลกระบอกนั้นมาก..และหันกลับมามองทางด้านขวาของห้องที่ใกล้ตัวเขามากที่สุดและพบกับ...!!

"คะ เครื่องจักรอันนี้มัน......มิสเทลทีน!?"

สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของโนบิตะนั้นคือ...เครื่องจักรขนาดใหญ่ที่โนบิตะพึ่งเคยเห็นจากรูปถ่ายมาเมื่อสักครู่

มันคือ..ปืนสนามแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดยักษ์หรือเรลแคนน่อน ที่มีชื่อว่า "มิสเทลทีน"

***หมายเหตุ การมีเรลแคนน่อนในห้องเป็นสิ่งที่เราจินตนาการขึ้นเอง ในตัวเกมจริงๆไม่ปรากฏเรลแคนน่อนให้เห็น ซึ่งเรายึดข้อมูลอ้างอิงตามเอกสารและมีการตกแต่งเนื้อหาบางอย่างเพิ่มเติมก็อาจจะทำให้ดูน่าตื่นเต้นขึ้นมาก็ได้



"พอมาเห็นระยะใกล้ขนาดนี้แล้ว..อลังการสุดๆไปเลยแฮะ.."

โนบิตะมัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับเครื่องจักรนั้นอยู่สักพัก


"มะ...ไม่สิ! อย่าพึ่งสนใจของแบบนี้เลย รีบหาทางออกจากที่นี่ดีกว่า"

โนบิตะลองเดินเข้าไปสำรวจที่ประตูอีกฝั่งของห้องปรากฏว่ามันล็อกอยู่ด้วยกลไกบางอย่างในห้อง เขาจึงรีบวิ่งกลับมาดูที่แผงควบคุมที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ เรลแคนน่อนมิสเทลทีน... ซึ่งมันมีไฟแสดงผล 3 จุด


โนบิตะจึงกดปุ่มสวิตช์เพื่อเริ่มการทำงานเครื่องจักร

ตัวประมวลผลเครื่องจักรนั้นเริ่มทำการประมวลผล 2 ขั้นตอน ก่อน
ขั้นตอนแรกคือ : ตรวจสอบระบบโดยรวม (Checking System)
- ตัวเครื่องจักรและระบบสามารถทำงานได้ปกติ...


ขั้นตอนที่สองคือ : ตรวจสอบพลังงานจากแบตเตอรี่ (Checking Battery)
- ล้มเหลว!! ไม่สามารถใช้งานได้ จำเป็นต้องดันแบตเตอรี่ทั้งสามกลับเข้าไปที่เดิมเสียก่อน


แต่ก่อนที่โนบิตะจะเริ่มดำเนินการใดๆต่อ เขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างร่วงลงมาจากเพดานด้านหลังเขา..


เขาเหลือบหันไปมองดูสิ่งที่หล่นลงมานั้น....


"อะ...ไอ้เจ้านี่....ปะ..เป็นไปไม่ได้....."

สิ่งที่ร่วงลงมานั้นแม้ว่ามันจะดูเหมือนก้อนเนื้อเละๆขนาดยักษ์อะไรสักอย่าง


แต่ก็มีลักษณะเด่นที่เผยให้เห็นรูปร่างดั้งเดิมของมัน...นั่นคือ หัวทั้งสามที่ยังคงอยู่เหมือนเดิม และโครงสร้างทางกายภาพที่เหมือนสุนัขนั้น ซึ่งบัดนี้ได้แปรสภาพเป็นร่างกายที่ใหญ่โตและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ดูน่าขยะแขยงผิดรูปร่าง!!!



มันคือทินดาลอสที่ได้รับการอาบเชื้อที-ไวรัสและสิ่งปฏิกูลหลายชนิดในบ่อกำจัดขยะ ทำให้มันกลายพันธุ์จนมีร่างกายที่อัปลักษณ์และใหญ่โตขึ้น!!!

อารมณ์ประมาณไอ้ตัวแบบนี้ (เนเมซิสร่างสุดท้าย) แต่มีหัวสุนัข 3 หัว


***หมายเหตุ ในตัวเกมจริงๆก็ยังคงเป็นทินดาลอสอยู่เหมือนเดิม ซึ่งการที่มันกลายร่างนั้นเป็นการที่เราแต่งมันขึ้นมาเอง..(ในโดจินคุณ diodio ก็มีหลายส่วนแต่งเพิ่มเติมในเรื่องการกลายร่างของสัตว์ประหลาดเช่นกัน เช่นตอนสู้กับไทแรนท์ภาคแรกในรอบที่ 2 มันเปลี่ยนเป็นซุปเปอร์ไทแรนท์ได้ ในขณะที่ในเกมยังเป็นเพียงไทแรนท์ T-002 เฉยๆ)


"มะ ไม่น่าเชื่อ ว่ามันยังมีชีวิตอยู่..."


ทันทีที่โนบิตะรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายรุนแรงที่แผ่ออกมาจากตัวมัน ก็ทำให้เขาเริ่มรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดอีกครั้ง....ด้วยดวงตาที่กลายเป็นสีแดงฉาน...

"..ฉันจะไม่ปล่อยให้แกหนีรอดไปได้อีกแล้ว!! 
ทุกอย่างจะต้องจบลงตรงนี้!! ไอ้สัตว์ประหลาด!!!"


(เหลือเวลาอีกเพียง 8 นาที 40 วินาที ก่อนที่สถานที่แห่งนี้จะถูกปิดตาย)


การผจญภัยของโนบิตะได้มาถึงจุดไคลแม็กซ์แล้ว!!!!!
>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 2 [เนื้อเรื่องส่วนที่ 21]



เนื้อหาในบทนี้คล้ายกับคลิป RE3 ตอนนี้เลย


แสดงความเห็นบน Facebook!

3 ความคิดเห็น :

  1. ไม่ระบุชื่อ27 พฤษภาคม 2556 เวลา 08:29

    ทิลดารอส - "โนบิตะกูรักมึงวะ!!" ชัดๆเลยแฮะงานนี้

    ตอบลบ
  2. ทินดาลอสนี้ตื้อโนบิตะมากสุดละ

    ตอบลบ