>>> โดราเอม่อนกับโนบิตะลุยไบโอฮาซาร์ด Muda ni Kaizouban 3 (Outbreak) Chapter 1 - part 5 (Final part)
จนถึงบัดนี้รถบรรทุกคันนั้นได้มุ่งหน้าลงไปยังอุโมงค์ที่ทอดยาวแห่งหนึ่งในตัวเมืองซึ่งลึกลงไปยังสถาบันวิจัยปริศนาที่อยู่ในชั้นใต้ดิน พวกตำรวจที่ขับรถพามาส่งที่นี่นั้นเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้จะใช้เป็นที่หลบภัยจากพวกสัตว์ประหลาดภายนอก ที่เดินเพ่นพ่านอยู่บนพื้นดินชั้นบนได้
แต่พวกเขาคิดผิด....
Chapter 2 - Below Freezing Point [Part 1]
ใต้ผืนดินที่ถูกเยือกแข็ง - หายนะที่ถูกผนึกในความหนาวเหน็บ
บทเกริ่นนำ (ไม่แปลตามภาพจากเกม RE แต่แปลประยุกต์ตามเกมโดจินนี้)
- พวกเราได้ลี้ภัยหลบหนีพวกซอมบี้มาตามทางจนถึงอุโมงค์ใต้ดินปริศนาแห่งหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นสถาบันวิจัยใต้ดินที่ถูกแช่แข็งเอาไว้
- ความจริงอันหลอกลวงที่ซ่อนอยู่ภายในที่แห่งนั้นคืออะไรกันแน่?
ด่านที่ 2 ชั้นใต้ดิน
รถบรรทุกได้จอดลงในอุโมงค์ชั้นใต้ดินแห่งหนึ่ง ซึ่งนายตำรวจอากิยาม่าที่เป็นผู้ขับรถได้ขับมาจนถึงสถานที่แห่งนี้พร้อมด้วยโนบิตะ และนายตำรวจอีกคนที่ชื่อซาซากิ และชาวเมืองผู้รอดชีวิต 2 คน (จากตอนที่แล้ว)
นายตำรวจทั้ง 2 และโนบิตะต่างออกมาจากรถเพื่อตรวจสอบสถานที่รอบข้าง...
ขณะนี้คือวันที่ 28 เดือนธันวาคม ปี 2004 (วันเดิม)
เวลา 2 ทุ่มครึ่ง (20.30 นาฬิกา)
ที่อุโมงค์ใต้ดินที่ไม่ทราบชื่อแห่งหนึ่ง
"ที่นี่มันอะไรกันเนี่ย?"
แม้แต่อากิยาม่าที่เป็นตำรวจที่ขับรถมาถึงที่นี่เองก็ยังไม่ค่อยมั่นใจในสถานที่สักเท่าไหร่เลย ดูเหมือนว่าเขาจะขับรถหลบหนีมาตามทางและเข้ามายังทางใต้ดินโดยที่ไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่แห่งนั้นเท่าไหร่นัก
"มะ ไม่รู้สิ!! ไอ้อุโมงค์ใต้ดินแบบนี้มันเป็นที่แบบไหนก็ไม่รู้"
ซาซากิ นายตำรวจจอมปอดแหกของกลุ่มเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีกับสถานที่แห่งนี้เท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าจะไม่มีพวกซอมบี้หรือสัตว์ประหลาดเลยก็ตาม แต่ตัวสถานที่แห่งนี้เองก็ไม่น่าไว้ใจเช่นกัน
"ทางนี้คิดว่ารถมาหลบภัยไว้ที่นี่สักระยะนึงดีกว่า ดีกว่าขับไปข้างบนอย่างไร้จุดหมาย"
อากิยาม่าเป็นคนอธิบายสถานการณ์ปัจจุบัน เขาไม่กล้าเสี่ยงที่จะขับรถไปบนพื้นดินตามเมืองชั้นบนที่เต็มไปด้วยฝูงซอมบี้ในสถานการณ์แบบนี้เท่าไหร่นัก
"เฮ้อ ช่วยไม่ได้นะ...เดี๋ยวฉันจะเป็นคนไปสำรวจอุโมงค์ด้านในเอง"
อากิยาม่าเป็นคนเสนอความคิดออกมา
"มะ ไม่นะ!! ถ้าหากข้างในนั้นมีพวกเจ้าสัตว์ประหลาดพวกนั้นล่ะ!!"
ดูเหมือนซาซากิเองก็ยังคงปอดแหกเช่นเดิม
"ถ้านายไม่อยากจะตามฉันมา ก็รออยู่ที่นี่พร้อมกับคนอื่นๆเอาละกัน"
อากิยาม่าเองก็ไม่อยากจะฝืนให้ซาซากิเดินตามเขาไปเท่าไหร่นัก (ดีไม่ดีจะเป็นตัวถ่วงเวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาซะเปล่าๆ)
"หากว่ามีอันตรายล่ะก็ นายรีบขับรถพาผู้หญิงกับเด็กๆออกไปได้เลยนะ"
อากิยาม่าพูดจบจึงเดินเข้าไปด้านในส่วนลึกของอุโมงค์
"ฮะ...เฮ้ย!!! รอด้วยเซ่!! ฉันขอไปด้วย!!"
ดูเหมือนว่าซาซากิเองก็ไม่อยากให้เพื่อนสนิทของตนต้องตกอยู่ในอันตรายตามลำพังอยู่ดี
เขาจึงวิ่งตามอากิยาม่าไปด้วยความเร็วสูง...โดยทิ้งให้กลุ่มผู้รอดชีวิต (ผู้หญิงกับเด็กนอนหลับอยู่ในรถบรรทุก) กับโนบิตะไว้ด้านนอก
ตอนนี้ก็เหลือแต่โนบิตะเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งเขากำลังใช้ความคิดอยู่ว่า เขาควรจะตามพวกตำรวจเข้าไป หรือว่าจะรออยู่กับกลุ่มผู้รอดชีวิตตรงนี้ดี
แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจขึ้นมาว่า...
"อืม.....ไปช่วยพวกคุณตำรวจดีกว่า"
อย่างน้อยถ้าผู้หญิงกับเด็กคนนั้นอยู่แต่ในรถโดยไม่เปิดประตูออกมาก็คงไม่มีอะไร แต่ทางตำรวจสองนายนั้นน่าเป็นห่วงมากกว่าเพราะว่าไม่รู้เหมือนกันว่าด้านในลึกสุดของอุโมงค์นั้นจะเจออะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรวจจอมปอดแหกอย่างซาซากิด้วยแล้วยิ่งทำให้เขาเป็นห่วงฝั่งนั้นมากขึ้นไปอีก
โนบิตะจึงเดินตามตำรวจสองนายเข้าไปด้านในอุโมงค์
ด้านในสุดของอุโมงค์โนบิตะนั้นโนบิตะเห็นบันไดทางเชื่อมเล็กๆที่ดูแล้วน่าจะใช้มุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
บริเวณกล่องตรงทางขึ้นบันไดมีท่อแป๊ปเหล็กวางอยู่ เขาจึงเก็บมันไว้ป้องกันตัวเผื่อว่ามีอันตรายเกิดขึ้น เพราะในตอนนี้โนบิตะไม่มีอาวุธปืนเลยแม้แต่กระบอกเดียว (เนื่องจากกระสุนหมดแล้ว)
โนบิตะเห็นว่าตำรวจทั้ง 2 นายที่ยืนอยู่ด้านใน
ซาซากิเป็นคนคอยดูสถานการณ์อยู่ด้านหลังอากิยาม่า พร้อมกับบ่นพึมพำออกมา
"สถานที่แบบนี้ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเลยนะ? เรารีบกลับไปที่รถกันดีกว่าไหม?"
แต่ดูท่าว่าอากิยาม่าจะไม่ได้ใส่ใจกับซาซากิเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าเขากำลังให้ความสนใจกับแผงควบคุมบางอย่าง อย่างขะมักเขม้น...
"เอ่อ...."
แต่ก่อนที่โนบิตะจะพูดอะไร อากิยาม่าก็ได้หันมาพูดกับเขาก่อน
"โอ๊ะ...เธอน่ะเอง...อืมตามมาถึงที่นี่เลยสินะ? ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีกลไกบางอย่างอยู่ด้วยล่ะ"
"เธอจะกลับไปรอพวกเราที่รถก่อนก็ได้นะ..."
.................
ดูเหมือนว่าทางอากิยาม่าเองไม่อยากให้เขาเข้ามายุ่งกับแผงควบคุมเท่าไหร่ โนบิตะจึงเลือกที่จะเดินขึ้นไปสำรวจตรงบันไดทางขึ้นแคบๆที่เขาเห็น...
ในระหว่างนั้นเองอากิยาม่าก็กำลังหาวิธีควบคุมแผงวงจรบางอย่างเบื้องหน้า
"...ระบบรักษาความปลอดภัยระดับ S[Security Code S] งั้นหรือ? มันคืออะไรกันล่ะนั่น...อ่านไม่ค่อยออกซะด้วยสิ"
อากิยาม่าพยายามลองกดปุ่มมั่วๆดู...
"อืม...ลองปุ่มนี้ ดูละกัน..."
"โอ๊ะ....มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยทำไมตัวอักษรวิ่งไม่หยุดเลย?"
อากิยาม่าสังเกตเห็นว่าที่หน้าจอมอนิเตอร์ของแผงควบคุมนั้นกำลังทำงานอย่างต่อเนื่องอะไรบางอย่างพร้อมกับมีคำเตือนขึ้นมาว่า...
[รหัสไม่ถูกต้อง...กรุณายืนยันรหัสใหม่ภายในเวลา 20 วินาที...]
"ฮะ..เฮ้? มันจะเป็นอะไรหรือเปล่า!?"
ซาซากิที่ยืนอยู่ด้านหลังก็เริ่มไม่มั่นใจการทำงานแปลกๆของเครื่องจักรตรงนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลเลย
นายอากิยาม่ายังคงคลำหาวิธีแก้ไขต่อไป ตอนนี้ใบหน้าของเขาเริ่มมีเหงื่อออกมาแล้วเพราะไม่รู้เหมือนกันว่าไปทำอะไรเข้า...
"อะ...ไอ้พวกนี้มันทำงานอะไรกันแน่นะ? ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย แต่มันคงไม่น่ามีพิษมีภัยหรอกมั้ง?"
"งะ งั้นเหรอ?"
"ก็บอกแล้วไงว่าไม่น่าจะมีอันตรายอะไรหรอกน่า..ถ้านายไม่มั่นใจล่ะก็จะกลับไปรอในรถก็ได้นะ เดี๋ยวฉันจะตรวจสอบเพิ่มเติมอีกนิดนึง....อ้ะ มีเวลานับถอยหลังด้วย"
โนบิตะจึงเดินขึ้นบันไดเข้าไปด้านในเรื่อยๆ
"หือ?? ป้ายนั้นมันอะไรน่ะ..."
ดูเหมือนโนบิตะจะสังเกตเห็นว่าตรงเพนดานที่ทางขึ้นบันไดนั้นจะมีสัญลักษณ์อะไรบางอย่างแปะอยู่ด้วย และพอเขาได้เห็นมันปุ๊บ...เขาถึงกับทำหน้าถอดสีขึ้นมา..
"ไอ้สัญลักษณ์นี้มัน....!!!"
เขาไม่มีวันลืมหน้าตาของสัญลักษณ์นี้ได้แน่ เพราะมันคือฝันร้ายตลอดเวลา 5 เดือนที่ผ่านมาสำหรับเขา
ตราสัญลักษณ์รูปร่มสีแดง-ขาวของอัมเบรล่าคอเปอเรชั่น
โนบิตะจึงได้คำตอบเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ทันที มันคือ...ห้องทดลองลับชั้นใต้ดินของบริษัทอัมเบรล่าที่เดคิสุงิพูดถึงเมื่อตอนที่อยู่ในร้านอาหารนั่น!!! และแน่นอนว่าถ้าหากพูดถึงห้องทดลองของอัมเบรล่าแล้ว มันก็ต้องเต็มไปด้วยเจ้าพวกนั้น!!
(แย่แล้ว!! ต้องรีบบอกให้ทุกคนหนีไปจากที่นี่!!!)
โนบิตะจึงหันกลับไปเพื่อที่จะกลับไปบอกกับพวกตำรวจด้านล่างนั้น
[หมดเวลายืนยันรหัสผ่าน ดำเนินการกำจัดผู้บุกรุก...]
และในตอนนั้นเอง ก็มีประตูเหล็กขนาดใหญ่ เลื่อนลงมาปิดกั้นทางออกบริเวณปากอุโมงค์อย่างรวดเร็ว!! ส่งผลให้ทุกคนถูกขังอยู่ในอุโมงค์แห่งนั้น!!!
นอกนั้นไม่พอ ป้อมปืนกลที่ตั้งอยู่ด้านบนแผงควบคุมที่อากิยาม่าสำรวจอยู่ก็ได้หันมาทางพวกเขา!!
"อะไรน่ะ!?"
อากิยาม่าเริ่มรับรู้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น
ชั่วพริบตาป้อมปืนกลก็ทำงานด้วยสาดยิงกระสุนปืนกลพลังสูงยิงกราดออกไปทั่วห้องอย่างรวดเร็ว!!
กระสุนปืนกลจำนวนมากถูกสาดออกมาเป็นวงกว้าง แรงดันพลังสูงของกระสุนปืนกลนั้นรุนแรงมากพอที่จะป่นศีรษะของอากิยาม่าที่อยู่ใกล้ที่สุดจนหายไปเหลือเพียงลำตัวที่อยู่ต่ำกว่าแผงควบคุมเท่านั้นที่ไม่โดนวิถีกระสุน นอกจากนั้นซาซากิที่ยืนอยู่ห่างออกไปก็ถูกปืนกลพลังสูงยิงทะลุร่างอย่างเร็วทำให้เขาเสียชีวิตไปในทันที!! พวกเขาทั้งสองตายโดยไม่ทันที่แม้แต่จะส่งเสียงร้องออกมาด้วยซ้ำ
นอกนั้นไม่พอกระสุนปืนกลที่ยิงออกไปนั้นได้กินระยะไปจนถึงรถบรรทุกที่พวกเขานั่งเข้ามาที่นี่ พลังรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องของป้อมปืนกลนั้นแรงมากพอที่จะก่อให้เกิดความร้อนสูงไปจุดชนวนเชื้อเพลิงที่อยู่ในรถบรรทุกจนเกิดการระเบิดทั้งคันอย่างรวดเร็ว!!! เด็กผู้ชายกับผู้หญิงที่ยังนอนหลับอยู่ในรถบรรทุกนั้นจึงเสียชีวิตไปโดยที่พวกเขายังไม่ทันรู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย!!
สรุปคือผู้รอดชีวิตที่มากับรถบรรทุกคันนั้นตายหมดเหลือเพียงโนบิตะคนเดียวเท่านั้นที่ยังปลอดภัยจากวิถีกระสุนที่สาดกระจายไปทั่วห้อง
"ไม่นะ!!! มันต้องไม่ใช่แบบนี้!!!!?"
โนบิตะมองเห็นท่าไม่ดีจึงรีบถอยหลังให้ห่างจากทางเดิน
พร้อมกับมุ่งหน้าเข้าไปด้านในของอาคารทันที!!
เขาต้องรีบหนีห่างออกมาจากแถวนั้นให้เร็วที่สุด ซึ่งเบื้องหน้าเขามีประตูอยู่ด้วยกัน 2 บาน คือบานใหญ่กับบานเล็ก ซึ่งบานใหญ่นั้นมันแข็งเกินกว่าที่เขาจะเปิดได้ เขาจึงเดินเข้าไปในประตูบานเล็กแทน
เมื่อเข้าไปแล้วเขาพบว่าสถานที่แห่งนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นลิฟต์ทางลาดที่ใช้ขนของ (ประตูใหญ่คือทางเข้า-ออกหลักของลิฟต์ ส่วนประตูเล็กคือทางเข้า-ออกฉุกเฉินสำหรับคน) ซึ่งมีรางที่ทำเป็นร่องสำหรับให้คนเดินขึ้นไปอยู่ด้วย
เขาเดินขึ้นบันไดมาตามทางเรื่อยๆ แต่แล้วก็ต้องมาหยุดอยู่บริเวณที่แท่นลิฟต์มาค้างเอาไว้ ซึ่งบริเวณด้านข้างนั้นมีช่องระบายอากาศที่มีขนาดเล็กและแคบแต่ก็กว้างพอที่เขาจะสามารถมุดเข้าไปได้
"บ้าเอ้ย! ต้องมุดช่องระบายอากาศเข้าไปหรือนี่..."
ตอนแรกเขายังคงลังเลอยู่ว่าจะมุดเข้าท่อไปดีหรือว่าจะปีนแท่นลิฟต์ข้ามและเดินขึ้นไปต่อดี แต่พอเขาได้ยินเสียงสั่นสะเทือนบางอย่างจากแท่นลิฟต์ที่ทางลาดเอียงด้านบนของเขา ทำให้เขารู้ทันทีว่า แท่นลิฟต์ตรงนั้นท่าทางจะไม่แข็งแรงแน่ๆ และมันก็มีโอกาสที่จะหลุดเลื่อนลงมาใส่เขาด้วย
"เฮ้ย!!!"
เมื่อเห็นดังนั้นโนบิตะจึงรีบกระโจนเข้าไปในท่อระบายอากาศอย่างรวดเร็ว และตอนนั้นเองตัวยึดของแท่นลิฟต์ก็หลุดจึงส่งผลให้แท่นลิฟต์เกิดการเลื่อนตกลงไปบนทางลาดอย่างรุนแรง
โนบิตะมุดเข้าไปในช่องอากาศได้สักพัก เขาก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอันเกิดจากการที่แท่นลิฟต์ตกลงไปตามทางลาดกระแทกกับประตูขนส่งด้านล่างเสียงดังสนั่น
โชคดีที่เขาตัดสินใจมุดเข้าไปในช่องอากาศก่อนที่แท่นลิฟต์จะร่วงลงมาด้านล่าง ไม่อย่างงั้นเขาคงจะถูกแท่นลิฟต์อัดร่างแหลกไม่มีชิ้นดีแน่ๆ... และการที่ลิฟต์ตกลงไปนั้นทำให้ทางออกส่วนนั้นถูกปิดตายโดยสิ้นเชิง
"กะ...เกือบไปแล้ว!!"
**อนึ่งตอนที่มุดท่ออากาศเข้ามาจะมีทางออกได้ 2 ทางขึ้นอยู่กับว่า ตอนก่อนที่จะมุดเข้ามาได้เก็บแท่นเหล็กมาด้วยหรือเปล่า เพราะถ้าเก็บแท่นเหล็กมาจะสามารถพังบริเวณที่มีตะแกรงออกมาได้ แต่ถ้าไม่ได้เก็บก็จะมุดออกมาอีกทาง*
โนบิตะจึงมุดท่ออากาศออกมาจนถึงตามทางเดินของตัวอาคาร ซึ่งเขารู้แล้วว่าสถานที่แห่งนี้คือสถาบันวิจัยลับชั้นใต้ดินของอัมเบรล่า... แต่เขาไม่คิดมาก่อนว่า สถานที่แห่งนี้มันจะ...
"นะ หนาวว วุ้ย!!!!!"
โนบิตะรีบเอามือกอดอกในทันที...เขาสัมผัสได้ว่าบริเวณนี้มีอากาศและอุณหภูมิที่เย็นผิดปกติ ลมหายใจที่ออกมาจากปากและจมูกของเขานั้นถึงกับเป็นไอสีขาวลอยออกมา
บริเวณโดยรอบของสถานที่แห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยไอเย็นสีขาวจับเต็มไปหมด ราวกับอยู่ในห้องแช่แข็งยังไงยังงั้น
"อุ....สถานที่แบบนี้มันอะไรกันเนี่ย!? ทำไมมันถึงได้เย็นแบบนี้นะ!!"
"ยังไงก็เถอะ ถ้าไม่ขยับร่างกายล่ะก็มีหวังได้แข็งตายแน่ๆ ฉันไม่ยอมตายอยู่ที่นี่หรอก!"
การสำรวจหาทางหนีเอาตัวรอดของโนบิตะภายในสถาบันวิจัยแช่เย็นแห่งนี้จึงได้เริ่มขึ้น โนบิตะจึงรีบเดินเข้าไปยังห้องวิจัยด้านในสุด
เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องได้เขาก็ต้องตกใจกับสิ่ง 2 สิ่งที่อยู่ในห้องนั้น
สิ่งแรกก็คือ...เจ้าสัตว์ประหลาดอาวุธชีวภาพที่มีรูปร่างหน้าตาที่เขาคุ้นเคยดี...
"เหวอ!! ฮันเตอร์นี่นา!!!"
โนบิตะตกใจที่เห็นฮันเตอร์ที่ยืนจังก้าอยู่เบื้องหน้า แต่พอเขาลองมองดูดีๆก็พบว่าเจ้าฮันเตอร์ตัวนั้นกลับยืนนิ่งไม่ไหวติงไปไหน แถมยังมีสีขาวซีดเต็มกลางตัว
ทำให้เขารู้ทันทีว่ามันคงจะถูกแช่แข็งอยู่และไม่มีท่าทีว่ามันจะหลุดออกมาได้ง่ายๆ
และอย่างที่สองคือ .... ตอนที่เขาลองมองไปที่บันไดที่อยู่ภายในห้องนั้น..
"นี่มันอะไรกันเนี่ย...."
เขาไม่สามารถปีนขึ้นไปบนบันไดปีนได้เพราะสิ่งที่ขวางเขาคือกิ่งก้านไม้ที่ดูเหมือนว่ามันจะเคลื่อนไหวและขยับยั๊วะเยี๊ยะไปมาได้ ซึ่งมันมาจากต้นไม้ประหลาดที่อยู่ตรงมุมบันไดนั้น ดูท่าว่าเจ้านี่คงจะเป็นอาวุธชีวภาพในรูปแบบต้นไม้ชนิดหนึ่ง แต่โชคดีที่ดูเหมือนมันไม่คิดจะเล่นงานเขา อาจจะเป็นเพราะอากาศเย็นรอบข้างที่ทำให้การปฏิกิริยาของมันช้าลง
เขาลองประเมินมีดที่ถืออยู่ในมือว่ามันจะใช้ตัดกิ่งไม้ที่ขวางทางขึ้นบันไดได้หรือไม่
"ดูเหมือนว่า จะยังไม่แข็งแรงพอที่จะตัดเจ้ากิ่งไม้นั่นได้น่ะนะ"
เมื่อคิดได้ดังนั้นโนบิตะจึงออกไปสำรวจห้องอื่นต่อไป...
จนมาถึงห้องทดลองห้องหนึ่ง...(ในตู้ล็อกเกอร์มีกระสุนปืนกับสเปรย์ปฐมพยาบาลอยู่ด้วย) ซึ่งห้องนี้ก็คือห้องปฏิบัติการเคมี
ที่บนโต๊ะก็ดูเหมือนว่าจะมีเอกสารบางอย่างด้วย
เขาลองหยิบมันขึ้นมาอ่านดู มันคือ..."บันทึกของนักวิจัย"
วันนี้ก็เกิดเรื่องอีกแล้ว!! บริเวณชั้น B ไอ้พวกบ้านั่นหลุดออกมาได้ ไอ้พวก[กอริลล่าตัวเขียว] (คงหมายถึงฮันเตอร์) นั่นร้ายกาจมาก พวกมันไล่ล่าฆ่าพวกเราไม่เลือกหน้า ตอนนี้ฉันเองก็ติดอยู่ที่นี่มา 2 วันแล้ว
ตลอด 2 วันที่ติดอยู่ในที่นี่ พวกเราออกไปไหนไม่ได้เลย จนแล้วจนรอดพวกเราก็เหลืออยู่กันเพียง 15 คนเท่านั้น ถ้าหากไม่สามารถจัดการไอ้พวกบ้าที่ทำร้ายพวกเราได้ล่ะก็... บ้าเอ้ย!! การที่ถูกพวกมันข่วนก็ทำให้พวกเราติดเชื้อไปด้วย
เจ้าบริษัทแม่นั่นก็ไม่ยอมส่งทีมช่วยเหลือมาสักทีไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเราโดนทอดทิ้งให้ตายที่นี่หรือเปล่า พวกเราคงจะต้องหาทางออกกันเอง!! ก่อนหน้านั้นก็ได้มีพวกเราคนหนึ่งไปเปิดระบบทำความเย็นของที่นี่และไม่รู้เกิดบ้าอะไรทำไมตามทางเดินมันถึงได้เย็นขึ้นเรื่อยๆจนหนาวเยือกเช่นนี้ ท่าทางเจ้าคนเปิดนั่นคงโดนพวกมันฆ่าตายไปแล้ว พวกเราก็เริ่มติดเชื้อกลายเป็นซอมบี้ทีละคนๆ
สุดท้ายนี้..ก่อนที่เจ้าพวกกอริลล่านั่นจะถูกแช่แข็ง เราคงตายกันหมดแล้วแน่ๆ อาห์รู้สึกหิวซะแล้วสิ... ไม่ไหว ฉันกำลังจะเป็นซอมบี้แน่ ฉันต้องฆ่าตัวตายเพื่อให้รอดพ้นจากการกลายเป็นสภาพที่น่าทุเรศนั่น
ดูเหมือนว่าบันทึกนี้จะไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไหร่นัก นอกจากบอกสถานการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ ดูเหมือนว่าทีมนักวิจัยจะเปิดระบบทำความเย็นแช่แข็งสถานที่แห่งนี้ไว้เพื่อจัดการกับพวกฮันเตอร์ที่คาดว่าจะเดินเพ่นพ่านเต็มที่นี่ไปหมด ถึงแม้ว่าฮันเตอร์พวกนั้นจะถูกแช่แข็งสำเร็จ แต่นักวิจัยพวกนั้นเองก็คงจะไม่รอดเช่นกัน
โนบิตะจึงเดินเข้าไปในห้องที่อยู่ลึกด้านในสุด
"อ้ะ...จู่ๆอากาศก็อุ่นขึ้นมาแล้ว..."
เขาพบว่าภายในห้องนี้มีการเก็บรักษาอุณหภูมิภายในไว้ทำให้อากาศเริ่มอุ่นขึ้นมาบ้าง เขาจึงรู้สึกดีใจเล็กน้อยที่ได้ที่พักไอเย็นมาบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยปลิ้มกับสภาพศพเบื้องหน้าเท่าไหร่ (ท่าทางจะเป็นคนเขียนบันทึกที่ฆ่าตัวตายแน่ๆ)
บริเวณด้านข้างนั้นมีข้อความที่เขียนเกี่ยวกับส่วนผสมสารเคมีชนิดพิเศษที่ใช้กำจัดต้นไม้ได้และมันถูกเก็บรักษาอยู่ในตู้
แต่โชคร้ายที่ตู้ด้านข้างนั่นถูกล็อกด้วยรหัสบางอย่าง โนบิตะจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินฝ่าลมหนาวตามหาเอกสารที่เป็นรหัสเพื่อมาใช้เปิดตู้นั้น
เขาเดินมาตามทางจนถึงเส้นทางแยกหลัก
เขาเลือกที่จะเดินมาทางซ้ายก่อน และพบกับเอกสารหลายๆอย่างที่น่าสนใจ เช่น เอกสารผลงานการวิจัย ซึ่งเขาคิดว่ามันน่าจะใช้จัดการกับเจ้าต้นไม้ประหลาดที่ขวางทางขึ้นบันไดตรงนั้นได้
นอกจากนี้ที่ตู้ด้านในก็มีเอกสารบอกตำแหน่งของสารเคมีส่วนผสมที่อยู่ตามห้องต่างๆ พร้อมกับรหัสในการเปิดตู้ด้วย
สารผสมที่ใช้ในการกำจัดต้นพืชที่มีชื่อว่า [V-JOLT] รหัส PMB 86
ส่วนผสมหลัก : สารที่มีรหัส UMB-56 และ XP-30
สถานที่เก็บ : ห้องปฏิบัติการเคมี (ที่มีตู้เซฟ) และห้องเก็บสารเคมี
ซึ่งจะต้องใช้รหัสในการเปิด
ชื่อสารนั้นมีการเปลี่ยนแปลงจากในเกม RE ต้นฉบับเช่น
J-VOLT : รหัส UMB No.26 >> PMB 86
UMB No.3 >> UMB-56
VP-017 >> XP-30
ที่เก็บสารเคมีของแต่ละแห่งนั้นจะถูกเก็บรักษาอย่างดีในตู้นิรภัยจำเป็นต้องใช้รหัสในการเปิด พร้อมกับระบุถึงข้อควรระมัดระวังในการผสมสารเคมีดังกล่าว และแน่นอนว่าเอกสารนี้ได้บอกรหัสตามลำดับข้างล่างด้วย..
รหัส 55
รหัส 50** (ตัวอักษรถูกขีดฆ่าไม่สามารถอ่านได้)
รหัส 2*7* (น้ำแข็งเกาะไม่สามารถอ่านได้)
รหัส 3627
"บ้าเอ้ย!! อ่านไม่รู้เรื่องเลย..."
และที่ตู้ด้านในสุดนั้น โนบิตะก็ได้รับอาวุธปืนพกชนิดแรกซึ่งเป็นปืน 9 มม. รุ่น H&K USP มาใช้งาน
"เอาล่ะ....ฉันจะต้องตามหาเบาะแสทั้งหมดและออกไปจากที่นี่ให้ได้!!"
โนบิตะจึงจับปืนพกที่เขาได้รับมาไว้ให้มั่นก่อนที่จะเดินสำรวจสถาบันวิจัยเยือกแข็งแห่งนี้ต่อไป....
To be continue ....
====================================================================
ปล. สรุปแล้วผู้รอดชีวิตตายเรียบ!!!! เหลือเพียงโนบิตะที่ตะลุยห้องเยือกแข็งคนเดียว
ปล2. ปั่นบทที่ 2 ออกมาตอนแรกเป็นของแถมหลังจากที่ได้มีการเปลี่ยน Cover Fanpage บน Facebook ประจำภาพ 3 ใหม่ในวันนี้!!! ต้องขอบคุณ "ครูกุ๊ก" ผู้วาดภาพ Cover Page ฝ่าพิภพอาวุธชีวภาพสุดอลังการนี้ขึ้นมา
ปล2. ปั่นบทที่ 2 ออกมาตอนแรกเป็นของแถมหลังจากที่ได้มีการเปลี่ยน Cover Fanpage บน Facebook ประจำภาพ 3 ใหม่ในวันนี้!!! ต้องขอบคุณ "ครูกุ๊ก" ผู้วาดภาพ Cover Page ฝ่าพิภพอาวุธชีวภาพสุดอลังการนี้ขึ้นมา
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น